ทั้งๆ ที่ทิ้งผลงานทำลายชาติบ้านเมืองจนย่อยยับมาในอดีต แต่ล่าสุดสองอดีตนายกฯผู้อื้อฉาว คือ นักโทษชายแม้วกับ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯยังสุมหัวเคลื่อนไหวแบบคู่ขนาน โดยคนหนึ่งเปิดแนวรบป่วนเมืองนอกประเทศ ขณะที่อีกคนหนึ่งเดินป่วนในประเทศโดยมีเป้าหมายสร้างความระส่ำระสายในบ้านเมืองหวังบ่อนทำลายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.
นักโทษชายแม้ว มีข่าวว่าทุ่มเงินจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ข้ามชาติวิ่งเต้นจนตัวเองได้รับเชิญให้ไปร่วมการประชุม The 6th Asian Leadership Conference ที่เกาหลีใต้ เพื่อเป็นเวทีเดินเกมการเมืองขย่มคสช.และรัฐบาลนายกฯลุงตู่ โดยการให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติสบประมาทผลงาน 1 ปีของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ว่า “ไม่น่าประทับใจ ต้องทำงานให้หนักขึ้น ต้องเข้าใจโลกและเข้าใจความคิดจิตใจประชาชนที่เคยอยู่ในระบอบประชาธิปไตยมานานหลายปี ผมคิดว่าประชาธิปไตยจะชนะในไม่ช้าก็เร็ว แต่เราต้องอดทนและต้องใช้แนวทางสันติ”
การที่ นักโทษชายแม้ว สบประมาทผลงานรัฐบาลนายกฯลุงตู่ไม่น่าแปลกใจเพราะ คสช.เข้ายึดอำนาจหยุดความเลวร้ายบ่อนทำลายชาติของรัฐบาลหุ่นเชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นน้องสาวตัวเอง โดยเฉพาะกรณีที่รวบรัดหักดิบผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดให้ นักโทษชายแม้ว กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษ จนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนเกือบ 10 ล้านคน ออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันคสช.ก็หยุดการโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความย่อยยับล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท
ส่วนที่ นักโทษชายแม้ว ชอบพูดเรื่องประชาธิปไตยเป็นการสวมหน้ากากอำพรางโฉมหน้าธาตุแท้ที่แท้จริงของตัวเองซึ่งเป็นนักธุรกิจการเมืองและเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตย และที่โกหกลวงโลกหลอกคนทั้งประเทศก็คือการพร่ำอ้างอยู่ตลอดเวลาว่ายึดแนวทางสันติวิธี ทั้งๆ ที่ความจริงประจักษ์ชัดว่า นักโทษชายแม้ว มีข้อหาบงการอยู่เบื้องหลังม็อบเสื้อแดงและกองกำลังก่อการร้ายที่ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสอดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยา เมื่อปี 2552 ตามด้วยการสร้างสถานการณ์จนนำไปสู่การก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อ
ปี 2553
ขณะที่ ผู้เฒ่าจิ๋ว วัย 83 ปี แทนที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบกลับมาสมคบกับ นักโทษชายแม้ว อีกครั้ง โดยล่าสุด ผู้เฒ่าจิ๋ว ประกาศในงานวันเกิดพร้อมคัมแบ๊กเป็นผู้นำประเทศ ซ้ำยังสร้างความสับสนและแสดงบารมีผู้นำของตัวเอง ด้วยการจัดฉากเซ็นสัญญาโจ๊กอภิมหาโปรเจกท์โครงการขุดคอคอดกระกับตัวแทนรัฐบาลจีน โดยมีการประโคมข่าวทั้งโซเชียลมีเดียและผ่านบรรดาสื่อโสเภณีเสื้อแดง จนสร้างความสับสนต่อภาพพจน์ของประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งล่าสุดทางการจีนออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นสัญญาโจ๊กดังกล่าวและจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการจัดฉากปาหี่ลวงโลกที่อุปโลกน์ขึ้นมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างไร้ยางอาย
การออกมาโชว์บารมีผู้นำของสองเฒ่าคู่หูที่เคยทำให้เศรษฐกิจพังพินาศทั้งประเทศมาแล้วจากวิกฤติต้มยำกุ้งจนต้องลดค่าเงินบาทลงถึงเท่าตัวในยุครัฐบาล ผู้เฒ่าจิ๋ว เป็นนายกฯ โดยขณะที่ชาติล่มจมแต่คน 2-3 คน กลับร่ำรวยมหาศาลจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทเนื่องจากรู้ข้อมูลภายใน
เพราะฉะนั้นสองเฒ่าหากยังมีจิตสำนึกเพื่อชาติบ้านเมืองอยู่บ้างควรหยุดหลอกหลอนประเทศ และหยุดสร้างความระส่ำระสายทำลายชาติบ้านเมืองท่ามกลางการสาปแช่งของประชาชนจำนวนมาก
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี