การมาบรรยายพิเศษของศาสตราจารย์มิเชล ทรอปเปอร์ แห่งมหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในหัวข้อ“ถอดบทเรียนการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองสู่การปฏิรูปประเทศในระบอบประชาธิปไตย : ประสบการณ์จากต่างประเทศ” ซึ่งจัดโดยสถาบันพระปกเกล้า นับว่าได้ให้แง่คิดเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และความหมายของประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อย่างน่าสนใจ
โดย ศาสตราจารย์มิเชลทรอปเปอร์ พยายามชี้ให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญของไทยที่ผ่านมามีความคล้ายคลึงกับรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศสที่มีมาหลายฉบับ และที่เหมือนกันอีกอย่างคือทั้งสองประเทศต่างก็ผ่านการรัฐประหารมาด้วยกันทั้งคู่ “แม้การรัฐประหารอาจนำไปสู่เผด็จการ แต่บางครั้งอาจไม่ใช่ แต่เป็นไปเพื่อปูทางไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยและทำให้ประชาธิปไตยเกิดความสมบูรณ์ยั่งยืนยิ่งขึ้น”
ความเห็นของนักวิชาการอาวุโสของฝรั่งเศสท่านนี้ทำให้นึกถึงประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดจากการถูกรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเกิดการรัฐประหารถึง 2 ครั้งที่ล้วนมีสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมืองทั้งสิ้น
การรัฐประหารครั้งแรกเกิดในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริต ถูกรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ด้วยเหตุผล 4 ประการคือ 1.มีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร 2.สร้างความแตกแยกในชาติอย่างรุนแรงจนเสี่ยงที่จะนำไปสู่การนองเลือด 3.แทรกแซงองค์กรอิสระและพยายามผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศ และ 4.มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริม
ส่วนรัฐประหารครั้งที่สองคือยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดที่ชักใยบงการโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย ที่นำประเทศไปสู่ภาวะรัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางความแตกแยกในชาติอย่างรุนแรงจนใกล้จะเกิดสงครามกลางเมืองจากการที่มวลมหาประชาชนเกือบ 10 ล้านคนออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณที่ใช้อำนาจเสียงข้างมากรวบรัดผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและความถูกต้อง รวมทั้งเกิดการทุจริตอย่างมโหฬารในโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แค่มีรัฐธรรมนูญหรือมีการเลือกตั้งหรือประชาธิปไตย 3 วินาทีตอนหย่อนบัตรลงคะแนน แต่มีความหมายครอบคลุมทั้งก่อนไปจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งคือการเลือกตั้งต้องใสสะอาดไม่มีการซื้อเสียงหรือใช้วิธีการสกปรกให้ได้มาซึ่งคะแนนและแม้หลังเลือกตั้งจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะทำชั่วได้ตามอำเภอใจโดยไม่ฟังฝ่ายเสียงข้างน้อย แต่ต้องบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและยึดหลักธรรมาภิบาล มิฉะนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการทรราชเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตย
ศาสตราจารย์มิเชล ทรอปเปอร์ยังให้ข้อคิดว่ารัฐธรรมนูญดีคนต้องดีด้วย
ดังนั้นแม้จะมีรัฐธรรมนูญที่ดีเลิศเพียงใดก็ตาม แต่นักการเมืองเลวประชาธิปไตยก็เป็นแค่ประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทยๆ ที่เหล่านักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อาศัยทุนมหาศาลและเล่ห์ชั่วร้ายเป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจและโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนคืนบวกกำไรมหาศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี