กฎหมายนั้นต้องบังคับใช้โดยเสมอภาคเท่าเทียมกันไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตามหากทำผิดกฎหมายอันเป็นกติกาของสังคมก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปกฎหมายถึงจะมีความศักดิ์สิทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง
นักโทษชายแม้ว คนตระกูลชิน และเหล่าสาวกระบอบแม้วทั้งหลายชอบโกหกบิดเบือนเป็นนิสัย พอถูกจับได้ว่าโกงชาติปล้นแผ่นดินหรือทำผิดกฎหมายก็อ้างว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ทั้งๆ ที่ความจริงหากไม่ทำผิดศาลก็คงไม่ตัดสินลงโทษ แต่ที่สุดชั่วร้ายก็คือพอจนตรอกก็พาลเหิมเกริมลามปามจาบจ้างสถาบันเบื้องสูง อย่างเช่นที่ นักโทษชายแม้ว ไปให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ครั้งล่าสุดจนถูกถอนพาสปอร์ตและกำลังจะถูกดำเนินคดีหลายข้อหาโดยเฉพาะมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาฐานจาบจ้วงเบื้องสูง
ที่ผ่านมาดูหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พยายามก้าวข้ามและไม่อยากให้ราคานักโทษชายแม้ว ซึ่งเป็นสัมภเวสีนักโทษหนีคุกโดยปล่อยให้ใช้กรรมในต่างแดนแต่ นักโทษชายแม้ว และสาวกกลับเหิมเกริมไม่หยุดเคลื่อนไหวก่อกวนบ่อนทำลายประเทศ และที่สำคัญคือยังจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา จะมาตะแบงอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงความผิดเห็นทนโท่
และแม้จะเป็นอดีตนายกฯ และเคยยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ทำผิดกฎหมายแล้วจะอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษเหมือนประชาชนตาสีตาสาทั่วไป ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นกฎหมายก็ไร้ความหมายสังคมก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมา นักโทษชายแม้วถึงกลับพยายามผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหวังลบล้างโทษความผิดให้ตัวเองเพื่อที่จะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษ ทั้งๆ ที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐอย่างย่อยยับ จนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนเกือบ 10 ล้านคนลุกฮือออกมาแสดงพลังขับไล่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
สำหรับเรื่องถอดยศ นักโทษชายแม้ว นั้นไม่มีอะไรซับซ้อนแม้แต่นิดเดียวและควรจะจบไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ช่วงที่ผ่านมาตรงไปตรงมา แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 4-5 คนที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลหลายชุดกลับเกียร์ว่างเตะถ่วงดองเรื่องมาตลอด ทั้งๆ ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยสรุปเสนอตั้งแต่ยุครัฐบาล นายสมัครสุนทรเวช อดีตนายกฯ ถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2552 โดยชี้ว่า นักโทษชายแม้ว เข้าข่ายองค์ประกอบถูกถอดยศและริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 (2) ที่ระบุว่า เคยต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และ (6)ที่ระบุว่า เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนี ซึ่ง นักโทษชายแม้วนอกจากถูกศาลตัดสินจำคุกคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกแล้วยังหนีหมายจับในคดีอาญาร้ายแรงและคดีความมั่นคงอีก 5 คดีโดยเฉพาะเป็นหัวหน้าขบวนการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองในเหตุการณ์เมื่อปี 2553
เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นอดีตนายกฯ แต่เมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายเหมือนประชาชนทั่วไป อย่าว่าแต่นักโทษชายแม้วคือต้นตอตัวการสำคัญที่บ่อนทำลายชาติมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรองทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนอยู่เหนือกฎหมาย มีแต่ต้องรีบนำตัวมาเข้าคุกเพื่อความเสมอภาคเท่าเทียมภายใต้ยุคใหญ่แค่ไหนถ้าทำผิดก็ต้องจับ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี