หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีโทษจำคุก ไปพูดที่ประเทศเกาหลีใต้ โจมตีบ่อนทำลายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และถึงกับเหิมเกริมพาดพิงจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ทำให้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาฐานหมิ่นเบื้องสูง รวมทั้งความผิดต่อความมั่นคง และที่สำคัญยกเลิกพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เครือข่ายระบอบทักษิณเคลื่อนไหวชิงพื้นที่ข่าวและเยาะเย้ยท้าทายคสช.และรัฐบาลผ่านโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
เครือข่ายระบอบทักษิณเคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดิน โดยอาศัยอดีต สส.พรรคเพื่อไทย แกนนำรวมทั้งกลุ่มนักวิชาการและนักศึกษาเครือข่ายเสื้อแดงเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ หรือปล่อยข่าวบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ กรณีปล่อยข่าวจะมีปฏิวัติซ้อน จน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ต้องรีบออกมาปฏิเสธข่าวก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย
ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจสอบพบว่าข่าวเท็จที่ถูกปล่อยออกมาเป็นฝีมือของขบวนการระบอบทักษิณที่หวังเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกในกองทัพ และสร้างความระส่ำระสายในบ้านเมือง ซึ่งจากการตรวจสอบรู้แหล่งที่มาแล้วว่ามีต้นตอข่าวปล่อยมาจากนอกประเทศและมีการแพร่ข่าวต่อๆ กันอย่างเป็นขบวนการ
ที่น่าจับตาก็คือความเคลื่อนไหวของ 7 นักศึกษากลุ่มดาวดินมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ก่อนหน้านี้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคสช.และรัฐบาลอย่างต่อเนื่องจนถูกควบคุมตัว แต่คสช.ก็ปล่อยตัวเพื่อให้กลับตัว แต่ 7 นักศึกษากลุ่มดาวดินซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระบอบทักษิณยังคงออกมาเคลื่อนไหวท้าทายคสช.และรัฐบาลส่อเจตนาท้าทายยั่วยุ คสช.และรัฐบาลจนล่าสุดคสช.เตรียมออกหมายจับ 7 นักศึกษากลุ่มดาวดินเพื่อดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดฐานชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
การเคลื่อนไหวท้าทายคสช.ของ 7 นักศึกษากลุ่มดาวดินถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแผนยั่วยุให้คสช.จับกุมเพื่อใช้เป็นข้ออ้างจุดชนวนสร้างข่าวไปทั่วโลกว่า คสช.ใช้อำนาจเผด็จการคุกคามเสรีภาพของประชาชนจนลุกลามบานปลายทั้งในและนอกประเทศ โดยจะมีเครือข่ายระบอบทักษิณกลุ่มอื่นออกมาผสมโรงเคลื่อนไหว
ข้อสังเกตดังกล่าวส่อเค้าเป็นจริงเมื่อองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลซึ่งก็รู้กันอยู่ว่าสมคบกับระบอบทักษิณมาตลอดออกมาเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการจับกุม 7 นักศึกษากลุ่มดาวดินในทันทีรวมทั้งยุติการลิดรอนเสรีภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ
ขณะเดียวกันด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวซึ่งสร้างความเสียหายล่มจมแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท และกำลังจะถูกฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างออกมาเคลื่อนไหวแบบซ่อนรูปเพื่อสร้างภาพไม่ให้ถูกประชาชนลืม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามสร้างภาพและบารมีตัวเองอีกครั้งด้วยการจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ 48 ปี ที่วัดแสนสุข ย่านมีนบุรี โดยมีอดีตรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์และแกนนำพรรคเพื่อไทยมาร่วมงานกันจำนวนมากเพื่อแสดงพลังระบอบทักษิณ
แต่ที่น่าจับตาก็คือท่าทีแข็งกร้าวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ประกาศว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีอนาคตอีกยาวไกล ไม่มีทางติดคุกและจะไม่มีคุกใดจะรับคนชื่อยิ่งลักษณ์ได้เพราะไม่แข็งแรงพอ คุกจะแตกอย่างแน่นอนเพราะประชาชนจะไม่มีทางยอม
ท่าทีแข็งกร้าวของ นายจตุพร เป็นสัญญาณกดดันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กำลังพิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวและจะเป็นผู้ชี้ชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งหากมีความผิดจริงก็จะต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ไม่รวมโทษทางแพ่งที่ต้องชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินเป็นเงินหลายแสนล้านบาท
เพราะฉะนั้นเชื่อว่าจากนี้เป็นต้นไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิพากษาชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ความเคลื่อนไหวของเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งบนดินและใต้ดินจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มีทางยอมให้น้องสาวตัวเองต้องเดินเข้าประตูคุกเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้กับแผ่นดินจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างเด็ดขาด
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี