คำประกาศของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนใหม่ที่จะสลายตำรวจสีต่างๆ โดยเฉพาะตำรวจมะเขือเทศเพื่อฟื้นศรัทธาขององค์กรตำรวจ ให้กลับมาเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มืออาชีพที่มีจิตใจรับใช้ชาติและประชาชนนับเป็นนิมิตหมายที่ดีหลังจากที่ตลอดกว่า10 ปีที่ผ่านมา ภาพพจน์องค์กรตำรวจเกิดวิกฤติศรัทธา ถูกมองเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณ
สำหรับปูมหลังของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้นี้ หากยังจำกันได้นายตำรวจผู้นี้นี่แหละที่เสี่ยงเอาตัวเองเข้าห้ามทัพไม่ให้กำลังตำรวจเข้าปะทะกับมวลชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อปี 2551 เพราะไม่อยากให้คนไทยด้วยกันเอง ต้องเสียเลือดเนื้อจนถูกขนานนามว่าเป็นวีรบุรุษสีกากี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ นั้นได้ชื่อว่ามีความรู้ความสามารถเก่งทั้งบู๊และบุ๋น โดยด้านบู๊นั้นเคยอยู่กองปราบปราม และผ่านคดีสำคัญมามากมาย ส่วนบุ๋นนั้นจบหลักสูตรเอฟบีไอจากสหรัฐอเมริกา
การที่มีนายตำรวจมืออาชีพที่มีจิตใจรับใช้ชาติและประชาชนมาเป็นผู้นำองค์กรตำรวจในยุคเปลี่ยนผ่านอาจถือเป็นความโชคดีของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังเหลืออายุราชการอีกถึง 5 ปี ซึ่งจะมีเวลาในการปฏิรูปองค์กรตำรวจให้เป็นมืออาชีพและเป็นตำรวจของชาติและประชาชนอย่างแท้จริง เว้นแต่หลังเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้รัฐบาลนักการเมืองเลวเข้ามามีอำนาจแล้วเขี่ย พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ้นทางเพื่อดันนายตำรวจที่ยอมเป็นทาสรับใช้อยู่ใต้อุ้งเท้านักการเมืองขึ้นมาคุมอำนาจกลายเป็นรัฐตำรวจเหมือนที่ผ่านๆ มา
นอกจากองค์กรตำรวจกำลังจะปฏิรูปเรียกศรัทธาจากประชาชนให้กลับคืนมายังมีสัญญาณที่ดีสำหรับสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ยุคผลัดใบที่กำลังพลิกโฉมจากภาพที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นทนายทาสรับใช้ระบอบทักษิณมานานกว่า 10 ปี กลับมาเป็นทนายของแผ่นดินอีกครั้ง โดยสะท้อนภาพจากกรณีที่นายตระกูล วินิจฉัยภาค อัยการสูงสุด โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวแสดงความเห็นกรณีที่ถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร อดีตนายกฯ ฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องดำเนินคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและสร้างความเสียหายแก่รัฐเป็นมูลค่ามหาศาล โดยข้อความในเฟซบุ๊คของ นายตระกูล มีใจความว่า “คุณพ่อสอนผมว่ารับราชการต้องอดทน อดกลั้น ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน คดีจำนำข้าวผมต้องทำตามหน้าที่ครับ”
นับตั้งแต่รัฐบาลทักษิณเข้ามามีอำนาจยึดครองประเทศตั้งแต่เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ได้ใช้อำนาจผลประโยชน์เข้าครอบงำแทบทุกองคาพยพของประเทศทั้งหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรวมทั้งสำนักงานอัยการสูงสุดโดยมีการตั้งข้าราชการที่ยอมเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณขึ้นเป็นอัยการสูงสุด อย่างต่อเนื่องจนทำให้องค์กรซึ่งควรจะเป็นทนายของแผ่นดินกลายเป็นองค์กรทนายเพื่อระบอบทักษิณ จนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่22 พ.ค. ปีที่แล้วจึงมีการปฏิรูปถ่ายเลือดสำนักงานอัยการสูงสุดให้กลับมาเป็นองค์กรทนายของแผ่นดินอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นจากจุดยืนของผู้นำองค์กรตำรวจและสำนักงานอัยการสูงสุดดังกล่าว จึงเป็นสัญญาณ และแบบอย่างที่ดีสำหรับข้าราชการทั้งหลายที่จะยึดมั่นในความเป็นข้าราชการของแผ่นดินไม่ใช่ทาสรับใช้ผู้มีอำนาจตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี