กรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์ซึ่งแม้จะมีการแถลงชี้แจงจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) แต่ก็ยังสร้างความคาใจต่อสาธารณชนไม่น้อยโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องค่าหัวคิวในการหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์7 พระองค์ ซึ่งแม้แต่ พล.อ.ธีรชัย ต้องเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้โดยโยนให้สื่อไปถาม พล.อ.อุดมเดชสีตบุตร รมช.กลาโหม และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการตั้งแต่ต้นเอาเอง
ปัญหาที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นปมที่ลุกลามบานปลายมาจนขณะนี้เกิดจากการที่ พล.อ.อุดมเดช ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ยอมรับว่า มีปัญหาค่าหัวคิวการหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์จริง แต่เป็นเรื่องตัวบุคคลเพียงบางคนและมีการคืนเงินแล้ว ซึ่งประเด็นดังกล่าวพรรคเพื่อไทยและขบวนการระบอบทักษิณได้นำไปขยายผลเปิดแผลโจมตีคสช.และรัฐบาลถึงขนาดเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. รวมทั้ง พล.อ.อุดมเดช แสดงความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์ พรรคเพื่อไทย เลขาธิการคนเสื้อแดงยังเรียกร้องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์เพื่อความโปร่งใส
ขณะเดียวกันขบวนการใต้ดินจงใจเผยแพร่เอกสารที่มีลักษณะคล้ายเอกสารทางราชการทางโซเชียลมีเดียกล่าวอ้างเปิดโปงขบวนการกินค่าหัวคิวโครงการอุทยานราชภักดิ์ซึ่งมีทั้งระดับบิ๊กในรัฐบาลและคสช. ซึ่งแม้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. จะออกมาแถลงยืนยันว่าเอกสารที่มีการเผยแพร่เป็นของปลอม แต่ยังคงไม่สามารถขจัดปมความคลางแคลงใจของสาธารณชนให้หมดไป
เนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ที่คลุมเคลือซ่อนเงื่อนงำของ พล.อ.อุดมเดช กลายเป็นปมให้ปัญหาลุกลามบานปลาย และยิ่งมีข่าวว่าพ.อ.คชาชาต บุญดี นายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าหัวคิวโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดย พ.อ.คชาชาตขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วยิ่งทำให้ปมค่าหัวคิวโครงการอุทยานราชภักดิ์เพิ่มความน่าเคลือบแคลงมากขึ้น
ทั้งนี้การขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นจุดแข็งของคสช.และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติและเป็นเป้าหมายสำคัญซึ่งเป็นความหวังในการปฏิรูปประเทศ
นอกจากนี้จากผลสำรวจหรือโพลล์ของสำนักวิจัยทุกสำนักตลอดช่วงที่ผ่านมาล้วนสะท้อนตรงกันว่า ประชาชนยังเชื่อมั่นศรัทธาในคสช.และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและมุ่งทำทุกอย่างเพื่อให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติอันเลวร้ายอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ยิ่งประชาชนตั้งความหวังศรัทธาต่อคสช.และรัฐบาลมากเท่าไหร่ แต่หากผิดหวังปฏิกิริยาต่อต้านสะท้อนกลับย่อมรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพบว่าคนในคสช.หรือรัฐบาลมีพฤติการณ์ทุจริตเสียเองซึ่งไม่ต่างอะไรจากเหล่านักลากตั้งที่โกงชาติปล้นแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการอุทยานราชภักดิ์ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวหากมีการทุจริตแล้วจะไปหวังอะไรกับการปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดเหล่านักโกงเมือง
ดังนั้น จากบทเรียนกรณีปมค่าหัวคิวโครงการอุทยานราชภักดิ์จึงถือเป็นบทเรียนสำหรับคสช.และรัฐบาลที่จะต้องระมัดระวังไม่ปล่อยให้บุคคลแวดล้อมประพฤติตัวแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ หรือตกเป็นข่าวมีส่วนพัวพันกับขบวนการทุจริตไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งหากพบเรื่องทุจริตต้องชี้แจงยอมรับต่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมาและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมและแสดงความโปร่งใส มิฉะนั้น คสช.และรัฐบาลอาจตายน้ำตื้นเพราะปมทุจริตโดยคนแวดล้อมผู้มีอำนาจในคสช.และรัฐบาล จะเป็นผลเสียในระยะยาวและอาจทำให้การรัฐประหารโดยคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ปีที่แล้ว และการปฏิรูปเสียของ และที่สำคัญทำให้กลุ่มอำนาจเก่าอันชั่วร้ายมีโอกาสที่จะกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอันจะนำพาบ้านเมืองไปสู่วงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอีกครั้งหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี