นักโทษชายแม้วออกอาการดิ้นพล่านด้วยการมอบอำนาจให้ทนายพรรคเพื่อแม้วยื่นคำร้องต่อศาลปกครองฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศและพวกฐานออกคำสั่งถอนพาสปอร์ต 2 เล่ม ของตัวเองโดยมิชอบและขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 23 ธ.ค.นี้
คดีนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นักโทษชายแม้ว ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติที่ประเทศเกาหลีใต้โดยมีสาระโจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้าคสช. และที่สำคัญคือส่อเจตนาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง อันเป็นความผิดตามกฎหมายด้านความมั่นคงและความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงจนมีการแจ้งความดำเนินคดีกับ นักโทษชายแม้ว ทำให้เข้าหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการต่างประเทศต้องยกเลิกพาสปอร์ตของ นักโทษชายแม้ว
ข้อน่าสังเกตคือ ที่ผ่านมา นักโทษชายแม้ว และเหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วโจมตีกระบวนการยุติธรรมทั้งศาลรวมทั้งองค์กรอิสระอ้างว่า 2 มาตรฐานมาตลอด แต่ทุกครั้งที่ นักโทษชายแม้ว และเหล่าสาวกเข้าตาจนกลับโร่มาฟ้องร้องพึ่งอำนาจศาลสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ โดยเมื่อศาลหรือองค์กรอิสระตัดสินให้ตัวเองได้ประโยชน์ถึงยอมรับ แต่หากตัดสินให้ตัวเองเสียประโยชน์ก็จะโจมตีบ่อนทำลายทันที
การที่ นักโทษชายแม้ว ออกอาการเดือดร้อนจากการถูกยกเลิกพาสปอร์ตถูกตั้งข้อสังเกตจาก พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล ว่า ขณะนี้ นักโทษชายแม้ว ยังมีพาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกรและนิการากัว ที่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้า-ออกต่างประเทศได้ แต่พาสปอร์ตของ 2 ประเทศดังกล่าวมีข้อจำกัดในการเดินทางเข้า-ออกประเทศในเอเชียและอาเซียนมากกว่าพาสปอร์ตของไทยทำให้ นักโทษชายแม้ว เดินทางในต่างประเทศได้ยากขึ้น
ยิ่งล่าสุดการมาเยือนไทยของ สมเด็จฮุนเซ็น นายกฯกัมพูชา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนซี้ของ นักโทษชายแม้ว ที่จับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานพร้อมประกาศความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างไทยและกัมพูชาคงทำให้ นักโทษชายแม้ว ต้องหนาว โดยก่อนหน้านี้หลังจากที่คสช.ยึดอำนาจเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว สมเด็จฮุนเซ็น ประกาศชัดเจนว่าพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลคสช. เต็มที่ และที่สำคัญตัดหาง นักโทษชายแม้ว และกลุ่มเสื้อแดงโดยจะไม่ยอมให้ใช้กัมพูชาเป็นแหล่งเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกอย่างเด็ดขาด
ตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาขบวนการเพื่อแม้ว ก่อกรรมทำลายชาติบ้านเมืองอย่างร้ายแรงทั้งเป็นเผด็จการธุรกิจการเมืองเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่ทะเยอทะยานคิดยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร เป็นต้นเหตุสำคัญที่สร้างความแตกแยกในชาติลึกซึ้งรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง และที่สำคัญบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นไม่เพียงยกเลิกพาสปอร์ต แต่ต้องติดตามจับตัวนักโทษชายแม้วที่มีคดีสำคัญเป็นชนักปักหลังมากมายมารับกรรมที่ก่อไว้ แต่น่าแปลกที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่กระตือรือร้นในการตามประกบแล้วชี้เป้าประสานกับตำรวจสากลเพื่อจับตัวนักโทษหนีคดี ทั้งๆ ที่ผ่านมาเดินสายปรากฏตัวเคลื่อนไหวบ่อนทำลายชาติในประเทศใกล้ๆ ไทยนี่เอง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี