วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และเป็นหนึ่งในแกนนำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เสนอแนวคิดให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางสร้างความปรองดองในชาติ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ต้องจับตา
หากจะพูดถึงแนวคิดการสร้างความปรองดองก็คงต้องพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรมให้แก่คนทุกกลุ่มทุกสีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤติทางเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ประเด็นสำคัญและเป็นเรื่องอ่อนไหวก็คือการนิรโทษกรรมจะครอบคลุมบุคคลในระดับไหนบ้าง โดยต้องไม่ลืมบทเรียนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริตเคยเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคน ออกมาแสดงพลังต่อต้านจนกลายเป็นวิกฤติทางการเมืองมาแล้ว
เพราะฉะนั้นหากจะมีการนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองต้องมีกรอบที่ชัดเจน โดยพิจารณาแบบอย่างจากหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเฉพาะ“เนลสัน แมนเดลา โมเดล” ของแอฟริกาใต้ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการอิสระและตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มีดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน และสถาบันพระปกเกล้า เคยศึกษาไว้แล้ว แต่ถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์โยนทิ้งตะกร้าเพราะไม่สนองตอบความต้องการของนายใหญ่นักโทษหนีคุกที่มุ่งแต่จะลบล้างโทษความผิดให้ตัวเอง
กรอบการสร้างความปรองดองที่คอป.และ สถาบันพระปกเกล้าศึกษาไว้มีแนวคิดที่สอดคล้องกันคือหากจะสร้างความปรองดองคู่กรณีที่ขัดแย้งจะต้องมานั่งโต๊ะเจรจากันอย่างเปิดอกเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงแห่งความขัดแย้ง โดยทุกฝ่ายต้องยอมรับความผิดของตัวเองเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดปัญหาอีกในอนาคต และยอมรับโทษหากทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม
อีกทั้งการนิรโทษกรรมควรมุ่งลบล้างโทษความผิดให้เฉพาะมวลชนทุกสีทุกกลุ่มที่ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสงบสันติในช่วงที่ผ่านมา โดยต้องไม่ครอบคลุมคดีทุจริต คดีอาญาหรือคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงร้ายแรง รวมทั้งความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยโทษฐานหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้เชื่อแน่ว่าทุกคนในชาติคงไม่ปฏิเสธ
ที่สำคัญการปรองดองต้องไม่ใช้วิธีการข่มขู่กดดันเพื่อให้ยกโทษความผิดแก่คนที่โกงชาติปล้นแผ่นดินและบงการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนชาติพินาศย่อยยับ หรือใช้รัฐบาลหุ่นเชิดประชาธิปไตยจอมปลอมออกกฎหมายลบล้างโทษความผิดให้ตัวเองทั้งๆ ที่เป็นการทำลายหลักนิติรัฐ
ดังนั้นกรอบการนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองต้องที่ถูกต้องชอบธรรมและเป็นไปได้ต้องอยู่บนหลักการ ดังที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ 2 สมัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เคยกล่าวไว้ว่า “การปรองดองต้องไม่ใช่ทำผิดให้เป็นถูก”
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี