วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทุกวันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวและซ่อมแซมบ้านเมืองที่แทบกลายเป็นซากปรักหักพังจากผลงานรัฐบาลลากตั้งระบอบทักษิณที่อึฉี่เรี่ยราดอย่างไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งหนึ่งในผลพวงอัปยศของรัฐบาลทักษิณก็คือทิ้งปัญหาราคายางตกต่ำที่ยังสร้างความเสียหายให้ประเทศมาจนทุกวันนี้
หากยังจำกันได้ยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยผลักดันนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรทั่วประเทศปลูกยางกันขนานใหญ่ จากเดิมที่ปลูกกันเฉพาะภาคใต้กลายเป็นปลูกยางทั้งภาคตะวันออกและภาคอีสาน และถึงขนาดดันโครงการซื้อกล้าพันธุ์ยางนับล้านต้นแจกให้เกษตรกรทั่วประเทศปลูก ท่ามกลางข่าวทุจริต ซึ่งผลพวงจากการส่งเสริมให้ปลูกยางอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ปัจจุบันยางล้นประเทศ ราคาตกเพราะยางค้างสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศมีจำนวนถึง 5 ล้านไร่ ซึ่งเกินความต้องการของตลาดมหาศาล
นอกจากปัญหาผลผลิตยางภายในประเทศที่ล้นตลาดแล้ว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังโชคไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ และราคาน้ำมันดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ยิ่งทำให้ราคายางตกฮวบ ประกอบกับช่วงหลังจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อยางรายใหญ่จากไทยหันไปปลูกยางเองในประเทศเวียดนาม กัมพูชา และลาว ทำให้ยางไทยยิ่งขายไม่ออกและราคาตกต่ำ
จากวิกฤติราคายางที่ต่ำเป็นประวัติการณ์เหลือแค่ 4 โลร้อย ทำให้ม็อบชาวสวนยางภาคใต้เริ่มก่อหวอดโดยบางส่วนเตรียมนัดชุมนุมและอดข้าวประท้วงในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ขณะที่นายกฯลุงตู่ ประกาศกร้าวเตือนม็อบเกษตรกรสวนยางภาคใต้และย้ำจะไม่ยอมตามแรงกดดันของม็อบชาวสวนยางอย่างเด็ดขาด
จากปัญหาเผชิญหน้าระหว่างม็อบชาวสวนยางภาคใต้และรัฐบาลที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นที่รู้กันว่าการปลูกยางคืออาชีพหลักที่ผูกพันกับเกษตรกรส่วนใหญ่ในภาคใต้มาช้านาน ซึ่งการที่ยางราคาตกต่ำเป็นประวัติการณ์ย่อมเดือดร้อนแสนสาหัส ขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ต้องเข้ามาแก้ปัญหาทั้งที่รัฐบาลชุดก่อนๆ ทิ้งไว้ รวมทั้งปัญหาใหม่ที่ซ้ำเติม ขณะที่รัฐเองก็มีงบประมาณไม่มากและต้องการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ต้องการใช้วิธีแก้ปัญหาแบบฉาบฉวยหาเสียงแบบนักการเมืองด้วยการทุ่มงบประมาณมหาศาลพยุงราคายางจนเป็นภาระทางการคลังของประเทศในอนาคต
เมื่อเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทั้งฝ่ายรัฐและชาวสวนยาง ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อคลี่คลายไม่ให้เหตุการณ์บานปลายและสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือหันหน้ามาหารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ โดยประเด็นสำคัญคือความเดือดร้อนของชาวสวนยางที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า แต่การที่ชาวสวนยางจะเรียกร้องให้รัฐพยุงราคา กก.ละ 60 กว่าบาท อาจจะเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป จึงน่าที่จะมีการหารือตัวเลขความช่วยเหลือที่เหมาะสม ขณะเดียวกันรัฐบาลอาจจัดหาเงินให้กู้ยืมปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำแก่ชาวสวนยางเพื่อไปลงทุนทำอาชีพอื่นหรือปลูกพืชทางเลือกอื่นเพื่อเสริมรายได้
ทั้งนี้สิ่งสำคัญทั้งรัฐและชาวสวนยางต้องใช้ท่าทีที่เป็นมิตรพร้อมที่จะหารือเพื่อร่วมกันหาทางออก เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวโดยไม่รับฟังอีกฝ่ายหนึ่ง ผลก็คือไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์ มีแต่ความเสียหายที่จะเกิดกับชาติบ้านเมือง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี