วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แม้ตาม พ.ร.บ.สงฆ์จะให้อำนาจเบื้องต้นแก่มหาเถรสมาคม (มส.) ในการเสนอรายชื่อพระเถระผู้มีอาวุโสสูงสุด ซึ่งก็คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ช่วงเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ แต่ก็ยังผ่านขั้นตอนสำคัญอีกถึง 2 ด่าน นั่นคือต้องส่งรายชื่อไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยหากเห็นชอบจากนั้นจึงนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่การตั้งประมุขสงฆ์
เรื่องสำคัญจึงไม่เพียงยึดตัวบทกฎหมายแต่ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมควบคู่ไปด้วย เพราะหากผิดพลาดอาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติและในหมู่สงฆ์อย่างรุนแรงซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ
พระสังฆราชองค์ใหม่ต้องมีพฤติกรรมปูมหลังและจริยวัตรของสงฆ์ที่งดงามไร้ข้อครหา แต่ สมเด็จช่วง ถูกตั้งคำถามและถูกต่อต้านจากผู้คนจำนวนมาก อย่างน้อยพุทธศาสนิกชน 3 แสนคน ซึ่งหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐมได้นำรายชื่อยื่นต่อรัฐบาลก่อนหน้านี้
หลายคำถามสำหรับ สมเด็จช่วง รวมไปถึง มส.ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจเงินและผลประโยชน์ของ ธัมมชโย ซึ่งหลายเรื่องขัดต่อกฎหมายและพระธรรมวินัยร้ายแรง โดยคำถามสำคัญก็คือ ทำไม สมเด็จช่วง และมส.ถึงกล้าขัดพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ให้ธัมมชโย ปาราชิกไปตั้งแต่เมื่อปี 2542ฐานยักยอกเงินบริจาคประชาชนเกือบ
1,000 ล้านบาท เป็นสมบัติส่วนตัวยังไม่รวมพฤติการณ์อื่นของเจ้าสำนักธรรมกายอีกมากมาย โดยที่ สมเด็จช่วงและมส.ส่อพฤติการณ์ปกป้องสนับสนุนธัมมชโย มาอย่างต่อเนื่อง
อีกเรื่องหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ให้ ธัมมชโย ปาราชิกพ้นความเป็นพระไปแล้ว แต่ทำไม สมเด็จช่วงและมส.จึงฝืนพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชด้วยการมีมติเลื่อนสมณศักดิ์ให้ธัมมชโย เป็นกรณีพิเศษ ทั้งๆ ที่มีชนักปักหลังพ้นความเป็นสงฆ์ไปแล้วโดยนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์เมื่อปี 2554 และมีข่าวร่ำลือว่า สมเด็จช่วง มอบพัดยศให้ ธัมมชโย ทั้งๆ ที่การมอบพัศยศให้พระสงฆ์ที่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชอำนาจ
นอกจากนี้ยังมีข้อครหากรณี สมเด็จช่วง สะสมทรัพย์สินและมีรถหรูหลายสิบคันโดยรับทรัพย์สินจาก ธัมมชโยมหาศาล ซึ่งขัดต่อวัตรปฏิบัติอันงดงามของสงฆ์ซึ่งควรละแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวงโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเถระผู้ใหญ่ที่อยู่ในข่ายจะได้รับการเสนอชื่อเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ แต่ สมเด็จช่วง กลับส่อมีวัตรปฏิบัติซึ่งต่างจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ทรงไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้นโดยทรงใช้ชีวิตอย่างสมถะตลอดพระชนม์ชีพเป็นแบบอย่างของสงฆ์อย่างแท้จริง
สำหรับมส.นั้นล่าสุดมีพฤติการณ์ลับๆ ล่อๆ น่าเคลือบแคลงด้วยการแอบประชุมลับพิเศษเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมานี่เองโดยข่าวว่าแอบลงมติเสนอชื่อ สมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่นั้น ยังต้องผ่านด่านสำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ย้ำชัดเจนว่าถ้ามีปัญหาจะไม่นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯให้เป็นที่ระคายเบื้องพระยุคลบาทเด็ดขาด อีกทั้งการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชถือเป็นพระราชอำนาจ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี