วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผ่าประเด็นร้อน
ปรองดองยั่งยืนต้องก้าวข้ามทักษิณ ยึดนิติรัฐขจัดประชาธิปไตยจอมปลอม

ปรองดองยั่งยืนต้องก้าวข้ามทักษิณ ยึดนิติรัฐขจัดประชาธิปไตยจอมปลอม

วันอาทิตย์ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
Tag :
  •  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แสดงท่าทีตอบรับหลังจากที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และเป็นหนึ่งในแกนนำคสช. เสนอแนวคิดให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางสร้างความปรองดองในชาติถือเป็นการส่งสัญญาณว่าคสช.กำลังจะผลักดันการสร้างความปรองดองอันเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญเพื่อการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จภายในปีนี้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม แนวคิดการสร้างความปรองดองหนีไม่พ้นที่จะต้องพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรมให้แก่คู่ขัดแย้งทุกกลุ่มทุกสีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤติทางการเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ประเด็นสำคัญและเป็นเรื่องอ่อนไหวก็คือการนิรโทษกรรมจะครอบคลุมบุคคลในระดับไหนบ้าง เพราะมีบทเรียนครั้งสำคัญมาแล้วกรณีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอยโดยรัฐบาลหุ่นเชิดภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บงการโดย นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีโทษจำคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาล โดยมีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐเคยเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังต่อต้านจนกลายเป็นวิกฤติทางการเมืองมาแล้ว


ความจริงแล้วไม่มีใครในชาติที่ไม่อยากเห็นการปรองดอง แต่การปรองดองต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติรัฐและความถูกต้องชอบธรรม ซึ่งแบบอย่างการสร้างความปรองดองในชาติซึ่งประสบความสำเร็จเคยมีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแอฟริกาใต้ ขณะที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการอิสระและตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน และสถาบันพระปกเกล้าเคยศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองไว้แล้ว โดยเฉพาะคอป.เคยเสนอรายงานผลสรุปการศึกษาที่ใช้เวลาหลายปีให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ถูกโยนทิ้งตะกร้าอย่างไม่สนใจ ทั้งๆ ที่เป็นทางออกการสร้างความปรองดองที่เป็นประโยชน์สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับถูกปัดทิ้งเพียงเพราะไม่สนองตอบความต้องการของนายใหญ่ทักษิณที่มุ่งแต่จะลบล้างโทษความผิดให้ตัวเองเป็นสำคัญ

ตามกรอบการสร้างความปรองดองที่คอป.และ สถาบันพระปกเกล้าศึกษาไว้มีแนวคิดที่สอดคล้องกันคือหากจะสร้างความปรองดองคู่กรณีที่ขัดแย้งจะต้องมานั่งโต๊ะเจรจากันอย่างเปิดอกเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงแห่งความขัดแย้ง โดยทุกฝ่ายต้องยอมรับความผิดของตัวเองเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดปัญหาอีกในอนาคต และผู้ที่ทำผิดต้องยอมรับโทษจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม

อีกทั้งการนิรโทษกรรมควรมุ่งลบล้างโทษความผิดให้เฉพาะมวลชนทุกสีทุกกลุ่มที่ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสงบสันติในช่วงที่ผ่านมา โดยต้องไม่ครอบคลุมคดีทุจริต คดีอาญาหรือคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงร้ายแรง รวมทั้งความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยโทษฐานหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้เชื่อแน่ว่าทุกคนในชาติคงไม่ปฏิเสธ

ทั้งนี้การปรองดองต้องไม่ใช่เกิดจากการใช้วิธีการข่มขู่กดดันเพื่อให้ยกโทษความผิดแก่คนที่โกงชาติปล้นแผ่นดินหรือบงการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนชาติพินาศย่อยยับ หรือใช้รัฐบาลหุ่นเชิดประชาธิปไตยจอมปลอมออกกฎหมายลบล้างโทษความผิดให้ตัวเองทั้งๆ ที่เป็นการทำลายหลักนิติรัฐ

กรอบการนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองที่ถูกต้องชอบธรรมและเป็นไปได้จึงต้องอยู่บนหลักการที่ต้องยึดหลักนิติรัฐ ดังที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ 2 สมัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เคยกล่าวไว้ว่า “การปรองดองต้องไม่ใช่ทำผิดให้เป็นถูก” มิฉะนั้นแล้วแทนที่จะสร้างความปรองดองกลับจะเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤติทางการเมืองรอบใหม่

ดังนั้นการสร้างความปรองดองด้วยการนิรโทษความผิดให้คนทุกสีทุกกลุ่มทางการเมืองให้สำเร็จเสียทีเพื่อประเทศจะได้เดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืนจึงถือเป็นปัญหาท้าทายและอ่อนไหวสำหรับคสช.และรัฐบาลซึ่งหากไม่ยึดหลักนิติรัฐและความถูกต้องชอบธรรมแทนที่จะแก้ปัญหากลับจะเป็นชนวนให้เกิดวิกฤติที่ร้ายแรงกว่า อีกทั้งการที่จะสร้างความปรองดองอย่างยั่งยืนยังต้องขจัดธุรกิจการเมืองและเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายซึ่งเป็นต้นเหตุรากเหง้าของความแตกแยกในชาติ 
มิฉะนั้นวังวนวิกฤติความรุนแรงทางการเมืองรอบใหม่ก็ยังจะวนเวียนกลับมาและจบลงด้วยการรัฐประหารกลายเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซากไม่รู้จบ

ทีมข่าวการเมือง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘เจมส์ – กาด – แฟ้ม – แมทธิว’ พร้อมส่งหัวใจเตรียมรับสัญญาณเตือน ในซีรีส์ ‘Love Alert มีคำเตือนโปรดระมัดระวัง’

จับตา! ปี 2569 ช่อง 7HD กับปรากฏการณ์ข่าวโฉมใหม่ 'มีเรื่องต้องคุย'

‘กรีน ปัฐยฬุรี’ เปิดตัวซิงเกิลพิเศษ only us mode ส่งท้ายปี

เจรจา3ฝ่ายชื่นมื่น จีนยืนยันไม่แทรกแซง ช่วยเขมร20ล้านหยวน ‘ทรัมป์’โผล่ร่วมยินดี

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved