วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติแถลงผลการจัดอันดับภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นของประเทศทั่วโลก ล่าสุดปรากฏว่าไทยเลื่อนอันดับดีขึ้นจากอันดับ 85 ปีที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับ 76 จาก 175 ประเทศทั่วโลก แต่ที่น่าสนใจคือไทยได้คะแนนความโปร่งใสเท่าเดิมคือ 38 จากคะแนนเต็ม 100 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นยังแฝงตัวอยู่แม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีนโยบายขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังโดยถือเป็นวาระแห่งชาติ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นฝังรากลึกในสังคมไทยมาช้านานและมีอยู่ในทุกวงการซึ่งยากที่จะขจัดให้หมดสิ้นไปในเวลาเพียงปีสองปี ซึ่งนอกจากภาครัฐต้องออกกฎหมายที่เป็นยาแรงเพื่อลงโทษคนทุจริตทั้งข้าราชการและนักธุรกิจภาคเอกชนแล้ว ที่สำคัญต้องรณรงค์สร้างค่านิยมให้คนไทยรังเกียจชิงชังคนที่ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่องและจริงจังโดยดำเนินการลงโทษบุคคลสำคัญโดยเฉพาะนักการเมืองที่โกงชาติปล้นแผ่นดินให้เห็นเป็นตัวอย่าง เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นค่อยๆ หมดไป
แนวทางหนึ่งที่น่าสนใจที่จะขจัดพวกคนโกงก็คือความเห็นของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอดีตข้าราชการจอมตงฉินตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวจนถูกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด และจำเลยคนสำคัญคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งจากการทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดินทำให้ น.ส.สุภา ถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายเข้ากรุจน น.ส.สุภา ตัดสินใจอำลาชีวิตราชการแล้วมาสมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช.
โดย น.ส.สุภา เสนอแนวคิดว่า ที่ผ่านมานักการเมืองที่ทุจริตอย่างกรณีโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แม้จะมีการลงโทษติดคุกแต่จำเลยบางคนหลบหนี และแม้บางคนต้องติดคุกก็ไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดกับแผ่นดิน ดังนั้นต้องแก้กฎหมายโดยคนที่ทุจริตไม่ใช่ลงโทษแค่ติดคุกแล้วจบ โดยขณะนี้ป.ป.ช.เตรียมแก้กฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับที่สามซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยแม้ผู้ทุจริตจะหลบหนี แต่อายุความก็ยังอยู่
ที่สำคัญควรมีการแก้กฎหมายกำหนดว่าหากมีการทุจริตต้องยึดทรัพย์คนที่โกงทันทีเพื่อนำทรัพย์สินของแผ่นดินที่ถูกโกงไปกลับคืนมาทั้งหมดไม่ใช่แค่ติดคุกแล้วจบ
แต่ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าและกรณีตัวอย่างของการทุจริตคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลคสช.ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ต้องจัดการอย่างจริงจังอย่าปล่อยให้กลายเป็นจุดอ่อนทำลายจุดแข็งของรัฐบาลคสช.คือกรณีที่มีข่าวว่า คนในรัฐบาลระดับดอกเตอร์และอีกหลายคนแอบอ้างชื่อนายกฯและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ไปทำมาหากิน ซึ่งเรื่องนี้ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู ล่าตัวมาลงโทษขั้นเด็ดขาด แล้วประจานต่อสาธารณชนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบกลายเป็นไฟไหม้ฟาง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี