หลังจากที่บรรดานักเลือกตั้งโดยเฉพาะเหล่าสาวกขบวนการระบอบทักษิณดาหน้าออกมาข่มขู่โจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แบบรายวันพร้อมทั้งประกาศรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เพื่อจุดกระแสให้เกิดความปั่นป่วนโดยไม่สนใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปในกลางปีหน้าหรือไม่ แต่ก็ถูกสวนกลับจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ว่าต้องมีการเลือกตั้งในปีหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ด้านหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนต่อชาวโลกเพื่อลดแรงเสียดทานและสร้างความเชื่อมั่นว่าไทยกำลังกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ขณะที่อีกด้านหนึ่งคำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่ามีแผนสำรองไว้แล้วหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติได้สร้างความสั่นสะท้านแก่เหล่านักเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยจนต้องออกมาตีโพยตีพายเพราะแผนสำรองที่ว่าอาจจะมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับพิเศษของคสช.ซึ่งเป็นยาแรงยิ่งกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยเสียอีก
ความหวั่นเกรงในอาวุธลับอันเป็นไม้ตายยาแรงของ คสช.ที่ซ่อนอยู่ทำให้บรรดาแกนนำระบอบทักษิณ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาดับเครื่องชนคสช. และส่งสัญญาณพร้อมที่จุดชนวนสุมไฟป่วนเมือง
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ให้ความเห็นว่า การที่คสช.อุบไต๋ไม่ยอมเผยว่าจะใช้แผนอะไรหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านโดยให้ไปวัดดวงในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2560 ถือเป็นไม้เด็ดวัดใจฝ่ายที่จ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงประชามติ เพราะไม่รู้เลยว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวที่จะงัดออกมาใช้ก่อนการเลือกตั้งจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรและจะนำไปสู่อะไรซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้เกมของคสช.
ทั้งนี้มีข่าวว่าแผนรองรับหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติถูกคสช.กำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยมีแผนรองรับไว้หลายแผน แต่ที่เป็นไม้ตายสำคัญที่สุดของคสช.ก็คือ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ให้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้กุมอำนาจรัฏฐาธิปัตย์สามารถใช้อำนาจสิทธิ์ขาดอะไรก็ได้เพื่อความมั่นคงของชาติและเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น
พล.อ.ประยุทธ์ อาจใช้อำนาจตามมาตรา 44 นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับคสช.ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรกออกมาประกาศใช้ หรืออาจนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งในอดีตมาปรับแต่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นไปตามเป้าหมายของคสช.คือต้องวางรากฐานการปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญให้สำเร็จเพื่อไม่ให้การยึดอำนาจของคสช.ต้องเสียของ
แต่ที่บรรดานักการเมืองโดยเฉพาะระบอบทักษิณหวั่นเกรงมากก็คือ อาจมีการยืดอำนาจของคสช.และรัฐบาลออกไปไม่ว่าด้วยทางตรงหรือทางอ้อม ขณะเดียวกันก็อาจใช้ยาแรงคุมกำเนิดพรรคการเมืองโดยกำหนดให้พรรคการเมืองทุกพรรคสิ้นสภาพชั่วคราวเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและเดินหน้าบริหารประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยมีข่าวบางกระแสระบุว่าอาจถึงขั้นมีการกำหนดให้ผู้สมัคร สส.ต้องสมัครในนามอิสระโดยไม่สังกัดพรรคการเมือง
เพราะฉะนั้นไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะผ่านประชามติหรือไม่ก็ตาม ฝ่ายที่เดือดร้อนดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเอาตัวรอดก็คือบรรดานักเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคธุรกิจการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยซึ่งกลัวการปฏิรูปประเทศและการใช้ยาแรงของคสช. และไม่ว่าผลการทำประชามติจะออกมาอย่างไรล้วนอยู่ภายใต้เกมของคสช.โดยภารกิจสำคัญก็คือต้องวางรากฐานปฏิรูปประเทศให้สำเร็จด้วยการขจัดธุรกิจการเมืองและเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันเป็นต้นตอของวิกฤติชาติตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ชาติบ้านเมืองกลับไปสู่วังวนแห่งวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายโดยเหล่านักธุรกิจการเมืองอีก
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี