วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงซึ่งมีความเห็นสอดคล้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ส่งสัญญาณชัดเจนว่าประเทศชาติจำเป็นต้องใช้แนวทางประชาธิปไตยแบบครึ่งใบเป็นเวลา 5 ปี ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากอำนาจคสช.ไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยต้องมีกลไกบางอย่างเพื่อแก้ไขวิกฤติชาติเมื่อพบทางตันและเพื่อถ่วงดุลรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้เดินตามยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศที่คสช.วางไว้
สัญญาณจากรัฐบาลสะท้อนผ่าน พล.อ.ประวิตร และเป็นประเด็นร้อนที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดในขณะนี้ก็คือข้อเสนอให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.)มาจากการสรรหาทั้งหมด ซึ่งต่างจากแนวคิดของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานที่ให้สว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมด้วยการเลือกกันเองแบบไขว้สลับในหมู่ตัวแทน 20 สาขาอาชีพ
ส่วนอำนาจหน้าที่ของสว.สรรหานั้นยังมีข้อถกเถียงว่าจะมีอำนาจหน้าที่เทียบเท่าสส.หรือไม่โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ในการร่วมลงมติเลือกผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แสดงจุดยืนชัดเจนสนับสนุนแนวคิด สว.สรรหาช่วงเปลี่ยนเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากการปฏิรูปประเทศขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ประธานสนช.ยังให้ความเห็นคัดค้านการเลือกตั้งสว.ทางอ้อมแบบไขว้สลับตามแนวคิดของ กรธ. เพราะจะเปิดช่องให้มีการตั้งกลุ่มขึ้นมาบล็อกโหวตทำให้ไม่ได้ตัวแทนของกลุ่มอาชีพอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังจะเกิดปัญหาการฟ้องร้องกันวุ่นวายจนเกิดปัญหาตามมา
ข้อเสนอ สว.สรรหาถูกต่อต้านอย่างหนักจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนักวิชาการกลุ่มหนึ่งโดยมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคสช.
อย่างไรก็ตาม จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร รวมทั้ง นายพรเพชร สะท้อนให้เห็นว่าคสช.ยืนยันเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามแผนที่วางไว้นั่นคือจำเป็นที่จะต้องมีกลไกแบบประชาธิปไตยครึ่งใบเพื่อเป็นหลักประกันในการประคับประคองการปฏิรูปประเทศไม่ให้เสียของหลังมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมทั้งเป็นกลไกผ่าทางตันเมื่อบ้านเมืองเกิดวิกฤติโดยที่กองทัพไม่ต้องเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการก่อรัฐประหารเมื่อทุกครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ไม่ว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการทำประชามติในเดือนก.ค.นี้หรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดและยังจะเป็นไปตามแผนที่คสช.วางไว้ กล่าวคือ หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านทุกอย่างก็เดินหน้าไปตามที่คสช.กำหนด แต่หากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำก็มีความเป็นไปได้ 2 แนวทางคือ แนวทางแรกเริ่มกระบวนการนับหนึ่งใหม่ในการยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งนั่นเท่ากับยืดเวลาในอำนาจของคสช.และรัฐบาลออกไปโดยปริยาย หรือแนวทางที่สอง นายกฯใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพิเศษซึ่งคสช.เตรียมไว้แล้วซึ่งอาจจะมีเนื้อหาที่เข้มเข้นยิ่งกว่าประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ
ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างไม่มีอุปสรรค โดยเฉพาะการสร้างกระแสต่อต้านจากสองพรรคการเมืองใหญ่โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย คสช.จึงจำเป็นต้องเปิดยุทธการกวาดล้างมาเฟียผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศครั้งใหญ่รอบใหม่
ทั้งนี้ บรรดามาเฟียผู้มีอิทธิพลไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ทางตรงก็ทางอ้อมโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย โดยบรรดามาเฟียหลายคนเข้าสู่สนามการเมืองกลายเป็นนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นเพื่ออาศัยคราบความเป็นนักการเมืองเป็นเกราะป้องกันและฟอกตัวเอง ขณะที่มาผู้มีอิทธิพลระดับท้องถิ่นและระดับชาติจำนวนไม่น้อยให้การสนับสนุนหรือเป็นหัวคะแนนให้กับพรรคการเมืองและนักการเมืองเพื่อใช้เป็นเกราะคุ้มกันความชั่วร้ายของตัวเอง
การกวาดล้างมาเฟียผู้มีอิทธิพลครั้งใหญ่ระลอกใหม่นี้นอกจากเพื่อความสงบของประเทศแล้วยังเท่ากับทำลายและป้องปรามขุมกำลังซ่อนเร้นของพรรคการเมืองและนักการเมืองซึ่งจะมีผลต่อการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในเดือนก.ค.นี้ รวมไปจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าด้วย
ทั้งนี้การปฏิรูปประเทศของคสช.นับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 จนขณะนี้ยังมีหลายเรื่องสำคัญที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะฉะนั้นในช่วงเปลี่ยนผ่านจำเป็นต้องใช้แนวทางประชาธิปไตยครึ่งใบเป็นเวลา 5 ปี เพื่อวางรากฐานประเทศให้มั่นคงไม่ทำให้การปฏิรูปเสียของ โดยตัวแปรสำคัญที่จะตัดสินว่า คสช.ได้รับการยอมรับจากมวลมหาประชาชนหรือไม่จะสะท้อนจากการลงประชามติในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ว่าประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ส่วนใหญ่ยังศรัทธาในคสช.เหมือนช่วงยึดอำนาจใหม่ๆ และยังไว้ใจให้คสช.เดินหน้าปฏิรูปประเทศด้วยประชาธิปไตยครึ่งใบต่อไปหรือไม่
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี