ก่อนหน้านี้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภาอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรที่สนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.มาตลอด แต่ล่าสุด ดร.อาทิตย์ กลับแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวด้วยใจความว่า “ขอให้มีรัฐบาลพลเรือนปฏิรูปแห่งชาติที่เด็ดขาด อาจเด็ดขาดกว่ารัฐบาลทหารที่โลเล”
ทัศนะของ ดร.อาทิตย์ และบุคคลสำคัญอีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นกัลยาณมิตรของคสช.คงมีทัศนะที่เหมือนกันโดยสะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวังต่อผลงานของคสช.ที่สู้อุตส่าห์ลงทุนยึดอำนาจการปกครองประเทศจากระบอบการเมืองอันเลวร้าย แต่ 2 ปี หลังการยึดอำนาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ส่อเค้าว่า การยอมให้ประชาธิปไตยถอยหลังเข้าคลองเพื่อแลกกับปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญอาจเสียของจากความโลเลขาดความเด็ดขาดของผู้นำคสช.
ทุกวันนี้เครือข่ายขบวนการกลุ่มอำนาจเก่าโดยเฉพาะตัวการสำคัญก็ยังคงลอยนวลซ้ำนับวันจะยั่วยุท้าทายบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรอโอกาสกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง โดยอำนาจพิเศษของคสช.ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ และแทนที่พูดน้อยต่อยหนัก กลับขู่มากแต่ต่อยเบาไม่สามารถทำให้ขบวนการป่วนเมืองโดยกลุ่มอำนาจเก่าหยุดการก่อกวนแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่การขุดรากถอนโคนให้สิ้นซากเพื่อขจัดปัญหาที่ต้นตอ
การปฏิรูปประเทศในเรื่องสำคัญอย่างการปฏิรูปตำรวจซึ่งเป็นเสียงเรียกร้องของมหาชนทั้งประเทศที่ความจริงควรจะสำเร็จมานานแล้วกลับถูกซื้อเวลาโยนให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
ส่วนการกวาดล้างการทุจริตประพฤติมิชอบซึ่งน่าจะเป็นผลงานจุดแข็งของคสช.และรัฐบาล แต่กลับเกิดข่าวอื้อฉาวเสียงร่ำลือในความไม่ชอบมาพากลโดยมีคนของรัฐแอบอ้างชื่อผู้มีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์อยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปเป็นประเด็นขยายผลโจมตีว่าอำนาจรัฐจากการรัฐประหารก็มีปัญหาคอร์รัปชั่นไม่ต่างจากรัฐบาลนักการเมือง
นอกจากเสียงร่ำลือเรื่องทุจริตของคนของรัฐที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากสำหรับนายกฯและหัวหน้าคสช.ก็คือ บรรดาคนแวดล้อมใกล้ตัวทั้งหลายที่อาจจะอาศัยอำนาจหน้าที่ภายใต้ยี่ห้อคสช.ไม่เพียงทุจริตประพฤติมิชอบ แต่อาจถึงขั้นจุดชนวนระเบิดเวลาถล่มคสช.และรัฐบาลให้พินาศได้จากเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดใหม่ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นผลผลิตของคสช.ทางอ้อมมีมติด้วยเสียง 6 ต่อ 1 ให้ถอนฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์อดีตนายกฯระบอบทักษิณ กับพวก ซึ่งรวมทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) น้องชายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
เรื่องนี้กำลังส่อเค้าบานปลายเมื่อเครือข่าย พธม.ทั่วโลกออกมาต่อต้านมติของป.ป.ช.และมองว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคสช.เนื่องจาก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจประธานป.ป.ช. คือลูกน้องที่รับใช้ใกล้ชิด พล.ต.อ.ประวิตรและ พล.ต.อ.พัชรวาท มาก่อน
ทั้งนี้ ผู้นำที่ดีคิดทำงานใหญ่ต้องมีสติหนักแน่นรอบด้าน รู้จักแยกมิตรแยกศัตรูให้กระจ่าง และยึดผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมากกว่าการเกรงอกเกรงใจเจ้านายเก่าหรือผู้มีพระคุณที่เชิญมาร่วมงาน เพราะไม่อย่างนั้นคสช.และรัฐบาลอาจตายน้ำตื้นพังเพราะคนแวดล้อมบางคนที่ไม่สุจริตมีเป้าหมายแอบแฝง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี