วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดี น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับนักเคลื่อนไหวป่วนเมืองตัวยงด้วยข้อหาหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำลังจะเป็นชนวนเงื่อนไขอีกเรื่องหนึ่งที่ขบวนการป่วนเมืองหน้าเดิมๆ รวมหัวกันเคลื่อนไหวประท้วงสุมไฟให้ลุกโชนโดยอ้างเป็นการกลั่นแกล้งและละเมิดสิทธิมนุษยชนของอำนาจรัฐภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ที่ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นขบวนการป่วนเมืองหน้าเดิมเพราะดูหน้าตาพวกที่ออกมาเคลื่อนไหวป้องแม่ “จ่านิว” ล้วนพวกขาประจำที่เคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายสอดคล้องกันไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง ก๊วนนักวิชาการเสื้อแดงสายธรรมศาสตร์ นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ นายรังสิมันต์ โรม กลุ่มพลเมืองโต้กลับ หรือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด แกนนำเสื้อแดงเจ้าเก่า
เวลาสมัครพรรคพวกเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วถูกจับดำเนินคดีหรือถูกคุมตัวไปปรับทัศนคติ บรรดาขบวนการป่วนเมืองหน้าเดิมๆ จะดาหน้าออกมาปกป้องและถล่มอำนาจรัฐทันที
สิ่งที่เครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วยึดถือปฏิบัติอย่างหนึ่งโดยไม่เคยเปลี่ยนนั่นคือ พร้อมโกหกบิดเบือนหรือทำได้ทุกอย่าง
แม้แต่การบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง การก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงหายนะที่จะเกิดกับชาติบ้านเมือง
อย่างกรณีไปร้องสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยก่อนหน้านี้ก็บิดเบือนลวงโลกหน้าตาเฉยว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซ้อมทรมานฝ่ายที่เห็นต่าง มาครั้งนี้คดีจับแม่ “จ่านิว” ฐานหมิ่นเบื้องสูงก็อ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพราะตำรวจมีหลักฐานเพียงแค่ข้อความในเฟซบุ๊คของแม่ “จ่านิว” ที่ตอบกลับความเห็นของผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงคนหนึ่งด้วยคำเพียงคำเดียวว่า “จ้า” ซึ่งการอ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งก็เพื่อใช้เป็นชนวนข้ออ้างในการเคลื่อนไหวสุมไฟให้ลุกโชน
โดยสามัญสำนึกตำรวจคงไม่บ้าบอคอแตกดำเนินคดีในข้อหาอ่อนไหวฐานหมิ่นเบื้องสูงกับแม่ “จ่านิว” ซึ่งเป็นเชื้อชนวนระเบิดแรงสูงที่ง่ายต่อการใช้เป็นเครื่องมือสุมไฟให้บานปลายเพียงแค่เพราะคำว่า “จ้า” โดยฝ่ายตำรวจยืนยันชัดเจนว่า การดำเนินคดีกับแม่ “จ่านิว” เพราะเป็นพฤติกรรมทำผิดอย่างต่อเนื่องโดยมีการแสดงความเห็นหมิ่นเบื้องสูงมาหลายต่อหลายครั้งอย่างต่อเนื่องและทำกันเป็นขบวนการ
ส่วนการที่ฝ่ายตำรวจไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อความหมิ่นเบื้องสูงอย่างต่อเนื่องของแม่ “จ่านิว” ก็เพราะกฎหมายบัญญัติบทลงโทษห้ามผู้ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นเบื้องสูง หากใครนำมาเผยแพร่แม้แต่สื่อถือว่ามีความผิด
คดีแม่ “จ่านิว” ถึงยังไงก็ปิดก็ไม่ได้เพราะเมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลข้อเท็จจริงทั้งหมดต้องมีการเปิดเผยต่อศาลและนำไปสู่การพิพากษาในที่สุด ดังนั้น ขอให้พิสูจน์ด้วยกระบวนการยุติธรรมแทนที่จะตะแบงออกมาเคลื่อนไหวแบบมีเจตนาแอบแฝง
ประเด็นน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ นายอนุสรณ์ พยายามส่งสัญญาณบางอย่างว่า คดีแม่ของ “จ่านิว” เป็นหมุดหมายสำคัญในการกลับมาพูดถึงเรื่องการบังคับใช้มาตรา 112
ปรากฏการณ์ขบวนการจวบจ้วงสถาบันเบื้องสูงที่เกิดขี้นตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันถือเป็นสัญญาณอันตรายเพราะดูเหมือนว่าขบวนการอุบาทว์บางกลุ่มจะเหิมเกริมและพยายามเผยแพร่แนวคิดเลวร้ายทั้งในวงกว้างและลึกขึ้นเรื่อยๆ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี