วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
มติเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องของกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา(สว.)สรรหานำโดยนายสมชาย แสวงการที่ให้วินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 กำลังเป็นปมร้อนโดยประเด็นน่าสนใจที่ต้องจับตา 2 ก็คือ ท่าทีของขบวนการระบอบทักษิณที่ยึดหลักกูเป็นใหญ่แสดงความแข็งกร้าวประกาศอาฆาตเตรียมเอาคืนศาลรัฐธรรมนูญเลยเถิดไปถึงขั้นขู่ตอบโต้ฝ่ายที่ถูกอ้างว่าเป็นอำมาตย์ ขณะเดียวกันต้องจับตาชะตากรรมของ 312 ส.ส.และสว.ที่ร่วมลงชื่อขบวนการชำเรารัฐธรรมนูญครั้งนี้
หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติมีข่าวว่าบรรดาทีมกฏหมายระบอบทักษิณนำโดย นายโภคิน พลกุล นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวิชิต ชื่นบาน ต่างหารือกันอย่างเคร่งเครียดเพื่อหาช่องกฏหมายแก้เกมเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไปได้ตามเป้าหมายของนายใหญ่จากแดนไกล
ขณะที่อีกด้านหนึ่งบรรดาแกนนำ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงพากันเรียงหน้าออกมาประกาศกร้าวข่มขู่พร้อมเอาคืนศาลรัฐธรรมนูญ โดย นายจตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ย้ำว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรื้อศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ส่วน น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพวกเปิดแถลงข่าวประกาศกร้าวไม่ยอมรับมติศาลรัฐธรรมนูญโดยจะมีการแจ้งความเอาผิดกับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ของประมวลกฏหมายอาญา
ด้าน นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง จี้รัฐสภาเดินหน้าลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระ 3 ไปเลยโดยไม่ต้องไปสนใจศาลรัฐธรรมนูญอีก เพราะสัญญาณต่างๆที่ออกมาจากฝ่ายอำมาตย์แรงมาก ซึ่งนี่คือยกแรกเท่านั้นในการต่อสู้กับฝ่ายอำมาตย์ที่ยังตามเล่นงานไม่เลิก
นายสมหวัง อักษรราสี แกนนำคนเสื้อแดง ย้ำว่า เมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม คนเสื้อแดงจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว คนเสื้อแดงทั่วประเทศเตรียมตัวให้ดี เพราะพวกองค์กรอำมาตย์กำลังเริ่มทำงานแล้วเราจะเป่านกหวีดพร้อมกัน
มาทางด้านมติของศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องของกลุ่ม สว.สรรหาไว้พิจารณาโดยจะมีการเชิญ 312 ส.ส.และสว.ที่ร่วมยื่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มาชี้แจงก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยว่า การแก้ไขมาตรา 68 ด้วยการตัดสิทธิของประชาชนในการยื่นคำร้องกรณีพบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการรล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งยกเลิกอำนาจในการรับเรื่องร้องเรียนของศาลรัฐธรรมนูญตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันโดยกำหนดให้ยื่นเรื่องได้เฉพาะกับอัยการสูงสุดเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยมาแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 68
ที่สำคัญการแก้ไขมาตรา 68 ยังส่อเจตนาอาศัยสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่ารับใช้ระบอบทักษิณเป็นเครื่องมือให้สามารถเดินหน้าผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ค้างอยู่ในวาระที่ 3 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขมาตรา 291 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งหากผ่านร่างแก้ไขมาตรา 291 สำเร็จก็จะเข้าแผนระบอบทักษิณในการผลักดันสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ร่างทรงเพื่อชำเรารัฐธรรมนูญปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับปูทางให้ระบอบทักษิณยึดอำนาจประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ของขบวนการระบอบทักษิณจึงเป็นเพียงการพลิกแพลงวิธีการ แต่ยังคงเป้าหมายเดิมคือมุ่งที่จะผ่านร่างแก้ไขมาตรา 291 ให้ได้ ทั้งๆที่อาจเข้าข่ายความผิดฐานล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนั้นแนวโน้มที่ต้องจับตาคือ หากต่อไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดว่าการแก้ไขมาตรา 68 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 6 พรรคร่วมรัฐบาลคือพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคหลังชล พรรคมหาชนและพรรคประชาธิปไตยใหม่ รวมทั้ง 312ส.ส.และสว.ที่ร่วมยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีสิทธิตายหมู่ทางการเมืองยกแก๊งแบบหอกสนองคืนด้วยมาตรา 68 ที่ตัวเองยื่นแก้ไขนี่เอง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี