นับวันระบอบทักษิณผ่านร่างทรงพรรคเพื่อไทยจะเหิมเกริมยึด”หลักกู”เป็นใหญ่ สวนทางกับจิตวิญญาณตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ตัวเองชอบสร้างภาพ  โดยที่ประชุมพรรคเพื่อไทยนัดล่าสุดถึงกับประกาศแข็งข้อไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคเมื่อวันพุธที่ผ่านมาโดยกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68  ที่ให้อำนาจสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่องร้องเรียนกรณีพบการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเพียงหน่วยงานเดียว โดยตัดสิทธิ์ประชาชนในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของรัฐบาลว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เห็นว่า รัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 291 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับพิจารณาเรื่องดังกล่าว ดังนั้นรัฐสภาจึงไม่ต้องดำเนินการตามศาลรัฐธรรมนูญเพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้

ก่อนหน้านี้ นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฏรอาสาปกป้องสถาบัน และคณะ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่า ประธานรัฐสภา และ 312 สส.พรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา(สว.)กลุ่มหนึ่งร่วมกันยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียง 5 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณา

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง  พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์มายังที่ประชุมพรรคเพื่อไทย สองครั้งซ้อน เร่งรัดให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และโจมตีศาลรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง พร้อมกับปลุกเร้าให้สาวกระบอบทักษิณทั้งหลายดับเครื่องชนศาลรัฐธรรมนูญ

ศาลรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระนอกเหนือจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ถูกระบอบทักษิณหมายหัวหวังขจัดให้พ้นทาง  เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบถ่วงดุลอันเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาผลประโยชน์และแผนการของระบอบทักษิณที่จะผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ที่ผ่านมา ระบอบทักษิณยึด”หลักกู”เป็นที่ตั้งมาตลอดโดยหากอค์กรอิสระโดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองถึงจะยอมรับ แต่หากตัดสินในทางลบก็จะออกมาโจมตีข่มขู่กดดันอาฆาตมาดร้าย

การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนหน้านี้ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การผลักดันสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ที่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นร่างทรงขึ้นมาชำเรารัฐธรรมนูญปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับเท่ากับล้มล้างรัฐธรรมนูญอันขัดต่อบทบัยญัติมาตรา 68 ทำให้ร่างแก้ไขมาตรา 291 ค้างในวาระ 3 จนขณะนี้ ทำให้ระบอบทักษิณเปลี่ยนวิธีการด้วยการหันมาแก้ไขมาตรา 68 มอบอำนาจให้สำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตุว่ารับใช้ระบอบทักษิณในการรับคำร้องซึ่งจะทำให้ทำให้การแก้ไขมาตรา 291 เดินหน้าต่อไปได้ แต่การแก้ไขมาตรา 68 ส่อเค้าล้มเหลวอีกครั้งจากมติรับเรื่องร้องเรียนของศาลรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุดซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างมากถึงกับส่งสัญญาณให้เหล่าบริวารดับเครื่องชนศาลรัฐธรรมนูญ

การใช้”หลักกู”แข็งข้อต่อศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นสัญญาณอันตรายเป็นอย่างยิ่งและเป็นจุดเริ่มต้นที่ส่อเค้าว่าจะนำไปสู่การอาศัยพวกมากลากไปข่มขืนรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างศาลรัฐธรรมนูญและบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลายที่เป็นก้างขวางคอของระบอบทักษิณอันเป็นการทำลายระบอบตรวจสอบถ่วงดุลและปล่อยให้มีการสถาปนาระบอบทักษิณผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทีมข่าวการเมือง