กรณีแฮกเกอร์ฉีกหน้ากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ที่มี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีทีและรัฐบาลด้วยการล้วงตับเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯดูแลรับผิดชอบ โดยโพสต์ภาพและข้อความด่านายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจนยับเยินไม่มีชิ้นดี นับเป็นปรากฏการณ์และสัญญาณสะท้อนที่บ่งชี้อะไรหลายอย่างสำหรับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้

สัญญาณประการแรกสะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมและวิกฤติศรัทธาที่ประชาชนนับวันจะหมดความอดทนต่อพฤติการณ์ของรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ โดยทักษิณและเพื่อทักษิณชุดนี้เต็มแก่รวมไปถึงความเหลืออดต่อพฤติการณ์ของผู้นำประเทศที่เผยธาตุแท้กรณีที่ไปปาฐกถาในเวทีประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย ประจานแผ่นดินเกิดของตัวเองจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขายชาติเนรคุณประเทศเพื่อตัวเองและพี่ชายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกและที่สำคัญจงใจโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือน (หลายคนถึงกับใช้คำว่าโกหกตอแหล)ประวัติศาสตร์ในหลายประเด็นด้วยการสร้างภาพความเป็นประชาธิปไตยอำพรางความชั่วร้ายของระบอบทักษิณซึ่งสร้างความเข้าใจผิดต่อชาวโลก

ที่ผ่านมารัฐบาลตั้งแต่ตัวนายกฯลงมาไปจนถึงบรรดาสาวกระบอบทักษิณทั้งหลายถูกตั้งข้อสังเกตว่ามักโฆษณา ชวนเชื่อ สร้างภาพบิดเบือนความจริงมาตลอดโดยพยายามเชิดชูตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่พฤติกรรมที่เป็นจริงดูจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ใครก็ตามซึ่งมีความเห็นต่างจะถูกทึกทักตราหน้าว่าเป็นศัตรูของระบอบประชาธิปไตย โดยข้ออ้างที่คนในระบอบทักษิณอ้างอยู่เสมอถึงความไม่เป็นประชาธิปไตยก็คือ การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 โค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นการพูดความจริงเพียงบางส่วน โดยไม่พูดถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การรัฐประหาร

ความจริงสาเหตุที่แท้จริงนำไปสู่การล่มสลายของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เกิดจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งเป็นเพียงปลายเหตุ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการรัฐประหารจากพฤติกรรมอันเลวร้ายของระบอบทักษิณทั้งสิ้นจนประชาชนจำนวนมากทนไม่ไหวออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณในขณะนั้นจนลุกลามบานปลายเสี่ยงที่จะเกิดสงครามกลางเมืองนองเลือด จนกองทัพต้องออกมายุติสถานการณ์ด้วยการรัฐประหาร

ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอันเป็นไปจนถูกโค่นล้มพ้นจากอำนาจก็คือเหตุผล 4 ข้อของการรัฐประหารประกอบด้วย มีการทุจริตอย่างมโหฬาร ผูกขาดอำนาจแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ สร้างความแตกแยกในชาติ และมีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงกันอย่างเหิมเกริม

ย้อนกลับมาดูสัญญาณประการที่สองจากกรณีแฮกเกอร์ถล่มนายกฯนกแก้วยังสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนหมดความอดทนต่อการโฆษณาชวนเชื่อและบิดเบือนจากฝ่ายรัฐเพียงด้านเดียวทั้งจากบุคคลในรัฐบาลรวมทั้งสื่อของรัฐและสื่อกระแสหลักบางสำนักที่เป็นกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนซึ่งเมื่อข้อมูลถูกปิดกั้นบิดเบือน ประชาชนย่อมหาทางระบายผ่านโลกโซเชียลมีเดียกันอย่างพรั่งพรูลุกลามอย่างที่เห็น ซึ่งยิ่งรัฐบาลปิดหูปิดตาประชาชนและโกหกบิดเบือนเท่าไหร่ก็ยิ่งเร่งให้ประชาชนมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

เพราะฉะนั้นยิ่งรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณปิดหูปิดตาบิดเบือนเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้พลังมหาชนเติบโตมากขึ้นเท่านั้นโดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลใหญ่หลวงจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายประเทศของโลกมาแล้ว ทั้งนี้หากวันไหนที่ประชาชนหมดความอดทนอาจไม่ใช่แค่สงครามในโลกไซเบอร์ แต่คลื่นมหาชนพร้อมจะลุกฮือออกมาแสดงพลังบนท้องถนนเพื่อแสดงให้เห็นว่าหมดเวลาแล้วสำหรับรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ โดยทักษิณ และเพื่อทักษิณในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม

ทีมข่าวการเมือง