เหตุการณ์ความตึงเครียดวุ่นวายในการประชุมรัฐสภาจนต้องมีการพักการประชุมถึง 5 ครั้งในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาถือเป็นความอัปยศและเป็นสัญญาณอันตรายสะท้อนระบบรัฐสภาที่ล้มเหลว
ต้นเหตุแห่งความตึงเครียดวุ่นวายไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เกิดจากการไร้ซึ่งวุฒิภาวะและไร้ซึ่งความเป็นกลางอย่างสิ้นเชิงของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภาและ นายนิคม ไวยรัชพานิช ซึ่งเหตุการณ์อัปยศจะไม่เกิดขึ้นเลยหากผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาทั้งสองวางตัวเป็นกลางอย่างแท้จริงไม่ลุแก่อำนาจเดินเกมเร่งรีบรวบรัดเพื่อผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วตามความต้องการของ นายใหญ่จากแดนไกล
ความพยายามเร่งรีบเริ่มจากการใช้พวกมากลงมติหักดิบไม่ให้สส.ฝ่ายค้านและสว. 57 คน ที่ขอแปรญัตติไว้มีโอกาสได้อภิปรายเพื่อที่จะรวบรัดตัดความให้ผ่านร่างแก้ไขโดยเร็วจนสร้างความไม่พอใจแก่บรรดาสส.ฝ่ายค้าน
ไม่เพียงเท่านั้น นายสมศักดิ์ ยังลุแก่อำนาจและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี สส.ในฐานะผู้แทนปวงชนด้วยการสั่งให้ตำรวจหน่วยปราบจลาจลนับร้อยนายเข้ามาเตรียมพร้อมภายในรัฐสภา ซ้ำมีรถขนผู้ต้องหาของตำรวจเตรียมพร้อมไว้ด้วยสะท้อนความเป็นรัฐ
ตำรวจและเหมือนต้องการข่มขู่คุกคามสส.ฝ่ายค้าน ซึ่งการใช้ตำรวจปราบจลาจลเข้ามาคุมเชิงในรัฐสภาในสถานการณ์ปกติถือเป็นความอัปยศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของรัฐสภา
และที่เป็นชนวนแตกหักก็คือการที่ นายสมศักดิ์ ลุแก่อำนาจสั่งใช้กำลังตำรวจรัฐสภาล็อกตัวบรรดาสส.พรรคประชาธิปัตย์ออกจากห้องประชุม จึงเกิดเหตุการณ์ยื้อยุดฉุดกระชากจนวุ่นวายตึงเครียดกลางสภาอย่างที่เห็น
ความจริงฝ่ายรัฐบาลครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอยู่แล้ว และถึงลงมติอย่างไรก็ชนะการลงมติอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลไม่ลุแก่อำนาจหักดิบก็ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายอย่างเต็มที่โดยไม่สกัดขัดขวางซึ่งเป็นหลักปฏิบัติของรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก
นอกจากรวบรัดตัดความแล้ว รัฐบาลยังส่อเจตนาปิดปากฝ่ายค้านและสว.ที่ขอแปรญัตติไม่ให้อภิปรายตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายท้วงติงกันอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่จ้องแต่จะรวบรัดลงมติโดยอาศัยพวกมากลากไปกลายเป็นสภาฝักถั่ว
ที่สำคัญร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของสว.ฉบับนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองเพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้นอกจากส่อเจตนายึดวุฒิสภาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ยังส่อปูทางไปสู่การยึดครองประเทศกลายเป็นเผด็จการรัฐสภาในคราบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ
เพราะฉะนั้นรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณโดยเฉพาะสองประธานคือนายสมศักดิ์และนายนิคมต้องทบทวนพฤติกรรมการลุแก่อำนาจของตัวเองอย่างจริงจัง ซึ่งหากยังขืนใช้อำนาจเผด็จการพวกมากลากไปก็เชื่อได้เลยว่าเหตุการณ์อัปยศยังจะเกิดขึ้นอีกซ้ำซากและจะรุนแรงกว่าเดิม อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณไม่ได้จริงใจที่จะปฏิรูปการเมืองเพื่อสร้างความปรองดองอย่างที่สร้างภาพแม้แต่น้อยและที่สำคัญการใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาจะบีบให้การเมืองไปเคลื่อนไหวกันนอกสภารุนแรงมากขึ้นเพราะระบบรัฐสภาล้มเหลวพึ่งไม่ได้
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี