พลังมหาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วสารพิศนับแสนคนยังคงยืนหยัดร่วมชุมนุมแสดงพลังที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินมานานเกือบเดือนแล้วโดยล่าสุดได้แสดงประชามติยกระดับการเคลื่อนไหวจากการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้คนโกงอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมมาเป็นการโค่นล้มระบอบทักษิณให้พ้นจากแผ่นดิน
พร้อมกันนี้มีการประกาศแนวทางอารยะขัดขืน 4 มาตรการประกอบด้วย 1.เข้าชื่อคัดค้านถอดถอนส.ส.และสมาชิกวุฒิสภา(สว.) 310 คนที่สนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อนักโทษชายแม้ว 2.ต่อต้านสินค้าผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือระบอบทักษิณ 3. ร่วมแสดงออกเพื่อให้รู้ว่ามีความรังเกียจเดียดฉันท์กับบรรดาทาสรับใช้ระบอบทักษิณ อาทิ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานรัฐสภา 4.จะรวมพลังมวลชนให้ได้ 1 ล้านคนเพื่อยกระดับการชุมนุมขั้นสูงสุด ดึงข้าราชการที่อยู่ระบอบทักษิณให้กลับมาเป็นข้าราชการของประชาชน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพลังมหาประชาชน ประกาศดีเดย์แสดงพลังครั้งใหญ่ของมวลมหาประชาชนในวันที่ 24 พ.ย.นี้เพื่อเปิดศึกแตกหักโค่นระบอบทักษิณ ดังนั้นต้องจับตาการยกระดับการเคลื่อนไหวขั้นสูงสุดในวันที่ 24 พ.ย.ซึ่งจะเป็นวันที่มหาประชาชนออกมาแสดงพลังครั้งยิ่งใหย่ที่สุดในประวัติศาสตร์และจะพิพากษาชี้ชะตารัฐบาลหุ่นเชิดและขบวนการทาสรับใช้ระบอบทักษิณ
ขณะที่การชุมนุมของพลังมหาประชาชนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นปัจจัยหลักที่สั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของนายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกสภา การเดินเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านในสภาควบคู่กับความเคลื่อนไหวของพลังมหาประชาชนนับว่าแหลมคมมากขึ้นทุกขณะโดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ นายจารุพงศ์ เรื่องสุวรรณ รมวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมยื่นถอดถอน แต่รัฐบาลหุ่นเชิดผ่าน นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร กลับเล่นเกมไม่ยอมบรรจุญัตติซักฟอกเข้าสู่วาระในสภาผู้แทนฯโดยอ้างว่าญัตติของฝ่ายค้านไม่ได้แนบข้อกล่าวหา ซึ่งการเดินเกมของรัฐบาลหุ่นเชิดพรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นแผนเปิดช่องทางยุบสภาหนีในยามคับขันให้ กับ นายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ เพราะหากมีการบรรจุญัตติซักฟอกเข้าวาระการพิจารณาแล้วรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามไม่ให้มีการยุบสภาจนกว่าการอภิปรายซักฟอกจะสิ้นสุดลง ขณะเดียวกันก็เป็นการปิดหูปิดตาประชาชนเพราะเกรงว่าข้อมูลการเปิดโปงของฝ่ายค้านจะยิ่งทำให้ประชาชนเกิดวิกฤติศรัทธาในรัฐบาลจนไปร่วมชุนนุมที่อนุสารีย์ประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามล่าสุด นายสมศักดิ์ ยอมบรรจุญัตติซักฟอกของฝ่ายค้านเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนฯแล้วในวันที่ 21 พ.ย. แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังตั้งแง่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายได้เพียงวันเดียว ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการอภิปราย 3 วัน
ขณะเดียวกันรัฐบาลหุ่นเชิดยังต้องเผชิญกับระเบิดเวลาลูกใหญ่อีกลูกหนึ่งนั่นคือคำชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นคำร้องให้วินิจฉัยว่า 312 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและสว.ทาสรับใช้ระบอบทักษิณที่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสว.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพราะมีการเสียบบัตรแทนกัน รวบรัดหักดิบขั้นตอนการพิจารณา รวมทั้งส่อเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดในลักษณะใช้ทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์อย่างประนีประนอมโดยชี้ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้ร่างตกไป แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้วินิจฉัยให้ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 312 ส.ส.และสว. และไม่ยุบพรรคการเมืองที่ร่วมสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ
แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแบบทางสายกลาง แต่ขบวนการระบอบทักษิณกลับเหิมเกริมด้วยการประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและเตรียมวางแผนที่จะล้มล้างศาลรัฐธรรมนูญรวมไปถึงองค์กรอิสระต่างๆที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในการแสวงหาผลประโยชน์และแผนผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณด้วยการเตรียมเดินหน้าผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อันจะนำไปสู่การล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งจะยิ่งเป็นชนวนให้ประชาชนออกมาขับไล่ระบอบทักษิณมากยิ่งขึ้น
ผลการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญแม้จะเหมือนถอดชนวนระเบิดเวลาลูกใหญ่ไปได้ลูกหนึ่งทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงในระดับหนึ่ง แต่ระเบิดเวลาลูกใหญ่และสำคัญอย่างแท้จริงก็คือเส้นตายการชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ของมหาประชาชนที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ซึ่ง นายสุเทพ ประกาศเรียกร้องให้มวลมหาประชาชนออกมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ถึง 1 ล้านคน พร้อมทั้งย้ำว่าการทำ ศึกขั้นแตกหักของมวลมหาประชาชนครั้งนี้จะต้องจบลงภายในสิ้นเดือนนี้
ขณะที่พฤติการณ์ของแกนนำฝ่ายรัฐบาลดูเหมือนจะยิ่งเรียกแขกด้วยการยั่งยุท้าทายพลังมหาประชาชนสุมไฟวิกฤติให้ลุกลามบานปลายมากขึ้น โดยเฉพาะ นายจารุพงศ์ เย้ยและท้าทายพลังมหาประชาชนว่า แม้จะออกมาชุมนุมถึง 1 ล้านคนจริงก็ยังน้อยกว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่มีถึง 14 ล้านเสียง ขณะที่ นายธาริต คุกคามพลังมหาประชาชนด้วยการขู่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เป่านกหวีดขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐ
รัฐบาลยังสร้างเงื่อนไขยั่วยุท้าทายพลังมหาชนด้วยการใช้ทั้งม็อบเสื้อแดง รัฐตำรวจ และหน่วยงานทาสรับใช้ระบอบทักษิณโดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ กรมอัยการ หรือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.)ข่มขู่คุกคามพลังมหาประชาชนทุกวิถีทาง โดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ถึงกับด่าด้วยคำว่า “ม็อบระยำ”
เพราะฉะนั้นสถานการณ์ศึกระหว่างพลังมหาประชาชนกับทรราชย์ระบอบทักษิณได้มาถึงจุดแตกหักโดย 24 พ.ย.นี้หากประชาชนมาร่วมแสดงพลังอย่างมืดฟ้ามัวดินถึง 1 ล้านคนอย่างที่นายสุเทพตั้งเป้านั่นก็จะเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์เมื่อพลังมหาประชาชนพิพากษาชะตากรรมระบอบทักษิณสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี