สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเขม็งเกลียวมีแนวโน้มงวดเข้าไปทุกขณะโดยคอการเมืองต่างพากันลุ้นระทึกกับคำพูดของ พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนกงานมูลนิธิรัฐบุรุษซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษที่ว่า “ ขอให้อดใจรอดูสักนิดและสุดท้ายต้องจบเพราะบ้านเมืองเกิดปัญหาความขัดแย้งมานานหลายปี ........ บ้านเมืองเราเสียโอกาสเพราะเผชิญเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองกว่า 10 ปี เมื่อบ้านเมืองถึงทางตันต้องแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายไปกว่าปัจจุบันเพราะทุกคนในประเทศนี้อยากให้จบ”
คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.พิศณุ เกิดขึ้นหลังจากที่คณะรัฐบุคคลนำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยื่นข้อเสนอแนวคิดต่อ พล.อ.เปรม ให้ทำหน้าที่คนกลางประสานกับผู้นำกองทัพ ผู้นำฝ่ายตุลาการและผู้นำสังคมทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
ที่ถึงทางตันซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปก็จะร่างเป็นพระบรมราชโองการโดย พล.อ.เปรม จะเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
นอกจาก พล.ท.พิศณุ อดีตนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม อีกท่านหนึ่งคือ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันอย่างน่าสนใจว่า วิกฤติการเมืองครั้งนี้ต้องจบ โดยความชอบธรรมในประเทศจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนจนทุกฝ่ายยอมรับได้อย่างสนิทใจ
ข้อน่าสังเกตุก็คือ ก่อนหน้านี้บรรดาผู้นำจากทุกเหล่าทัพรวมทั้งตำรวจนำโดย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม เนื่องในโอกาสปีใหม่ไทย ซึ่งประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวแสดงความปลาบปลื้มที่ผู้นำเหล่าทัพมากันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับกล่าวอย่างมีนัยยะทางการเมืองขอให้กองทัพมีความเป็นเอกภาพเป็นที่พึ่งของประชาชน
ปัญหาอยู่ที่ว่าฉากจบของวิกฤติบ้านเมืองตามคำพูดของนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม
คืออะไร ซี่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า ถึงที่สุดแล้วกองทัพจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผ่าทางตันวิกฤติของประเทศไม่โดยทางตรงก็ทางอ้อม โดยดำเนินการไปตามลำดับก่อนหลังจากเบาไปหาหนัก ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่สามารถดื้อดึงที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปได้อีกแล้ว
เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญคงไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งหากประเมินจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่จากการสำรวจของสำนักวิจัยหรือโพลล์สำนักต่างๆที่ออกมาก่อนหน้านี้สะท้อนชัดเจนว่า เกิดวิกฤติศรัทธาของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมือง และนักการเมืองอย่างรุนแรง และที่ชัดเจนไปกว่านั้นก็คือเสียงสะท้อนประชาชนที่ต้องการนายกฯคนกลางเข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะเวลานานพอสมควรเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ของระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์และเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตย สำหรับบรรดานักการเมืองทั้งหลายที่สร้างความฉิบหายให้ประเทศมามากแล้วคงถึงเวลาต้องออกไปพักข้างเวทีก่อน ปล่อยให้รัฐบาลคนกลางที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวซึ่งนี่อาจเป็นคำตอบสำหรับฉากจบของปัญหาบ้านเมืองที่สั่งสมมานาน
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี