จากวันแรกที่ถูกจำกัดความว่าเป็น “นางเอก” เธอคือสาวลูกครึ่งที่แฟนละครต่างหลงรัก ด้วยแววตากลมโต แสนน่ารัก คนรู้จักในนาม “เจ้าแม่ละครเย็น” ..25 ปีผ่านไป “วิกกี้” กันตา ดานาว โลดแล่นเปลี่ยนผ่านความขึ้น-ลงของชีวิต จากคนดังที่ไม่เคยต้องยึดติด หันเหสู่ชีวิตงานประจำที่ถูกจำกัดในเรื่องของเวลา
ย้อนวันเก่า แรกเข้าวงการบันเทิง
สมัยก่อนโมเดลลิ่งจะชอบเดินสายตามโรงเรียนค่ะ ช่วงนั้นลูกครึ่งเริ่มได้รับความนิยม กำลังเป็นที่ต้องการ แต่มีนักแสดงที่เป็นลูกครึ่งไม่มาก แล้ววิกกี้เรียนโรงเรียนนานาชาติ เลยทำให้เราได้รับโอกาสดีๆ ทางโมเดลลิ่งก็เข้ามาถ่ายรูป ชวนไปแคสงาน ก็เริ่มมีงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา และได้รู้จักกับคนในวงการบันเทิงมากขึ้น จนทางบริษัทกันตนาชวนให้ไปเล่นละครค่ะ
ละครเรื่องแรก
ละครเรื่อแรกคือ “ทิวาหวาม” เป็นงานแสดงเรื่องแรกในชีวิต และต้องเป็นนางเอกด้วย ซึ่งตอนนั้นเราไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงเลย รู้สึกกดดัน และตื่นเต้นมาก เราเพิ่งอายุแค่ 16 ยังเรียนหนังสืออยู่ พอเข้ากองละครก็จะเกรงใจทุกคนในกองถ่าย คือเราใหม่มากกับงานแสดง กลัวว่าจะทำให้นักแสดง และทีมงานคนอื่นเสียเวลา แต่โชคดีมากที่ทุกคนให้คำแนะนำ คอยสอน และเข้าใจเราเป็นอย่างดี พอผ่านพ้นมาได้ ก็รู้สึกว่าการแสดงสนุกดี ไม่ได้ยากอย่างที่เรากลัว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และมีฟีดแบคจากแฟนๆ ดีมาก ทำให้วิกกี้ได้มีงานละครต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
ตัดสินใจถอยห่างจากวงการ
คือหลังจากแสดงละครได้ประมาณ 7-8 ปี วิกกี้ก็แต่งงานค่ะ และก็เริ่มใช้ชีวิตครอบครัว จริงๆ ช่วงแรกที่มีลูก ยังรับเล่นละครอยู่นะคะ พาเขาไปกองถ่ายด้วย ไปเลี้ยงลูกในกองถ่าย แต่พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียน ก็ตัดสินใจหยุดการแสดง คือด้วยความที่เป็นแม่ เราอยากเห็นพัฒนาการของเขา อยากไปรับ-ไปส่งลูกที่โรงเรียนเอง ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นความตั้งใจของวิกกี้ตั้งแต่แรกว่าถ้ามีลูกอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองค่ะ ถามว่าเสียดายไหมที่ทิ้งงานแสดง ณ ช่วงเวลานั้นที่ได้ตัดสินใจไป ไม่รู้สึกเสียดายเลยค่ะ เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการ เราทำงานทุกวัน คงเป็นเพราะสมัยก่อนนักแสดงน้อยด้วย อาทิตย์หนึ่งถ่ายละคร 2-3 เรื่อง เราไม่เคยมีชีวิตตอนเด็ก หรือชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่นๆ เขา พอเข้ามหาวิทยาลัยแทบไม่ได้ไปเรียนเลย ไปสอบอย่างเดียว ทำให้ชีวิตไปเร็วมาก จนเรารู้สึกเหนื่อย และอีกอย่างเรามีครอบครัวมีลูกซึ่งเราตั้งใจจะทุ่มเททุกอย่างให้ เรามีลูก 2 คน ถ้าไม่ได้อยู่กับเขาตั้งแต่เล็กๆ เราจะพลาดโอกาสหลายๆ อย่างไป ทั้งระหว่างหัดพูด ฟันขึ้น หรือหัดเดิน เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยค่ะ ที่ตัดสินใจแบบนั้น ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าคุ้มค่าด้วยซ้ำ
ดารากับความรักในสมัยนั้น
ยุคก่อนคือการมีความรักของนักแสดงต้องเป็นเรื่องปิดบัง บอกใครไม่ได้ แต่ของวิกกี้กับสามี (ภากร กสิโสภา) แตกต่างจากคนอื่นๆค่ะ คือวิกกี้ประกาศเองเลยว่ามีแฟน และพอบอกว่าจะแต่งงาน เขาก็ไม่ตื่นเต้นกันแล้ว เพราะเราประกาศทุกอย่างเองตั้งแต่ต้น รวมถึงเรื่องท้องด้วย อาจด้วยนิสัยตรงๆ ของวิกกี้เอง คือคิดว่าถ้าทุกคนรับได้ก็รับ แต่ถ้ารับไม่ได้เราก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกของเราไปค่ะ
กันตา ดานาว ในบทบาทของ “คุณแม่”
แรกๆ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกอย่างเดียวเลยค่ะ ทั้งวันทั้งคืน พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียนทำให้มีเวลาว่างเยอะขึ้น เลยได้ไปช่วยงานสามี แต่หน้าที่หลักคือรับส่งลูกจนลูกโต ลูกยังบอกเลยว่าให้แม่กลับไปทำงานได้แล้ว (หัวเราะ) จนตอนหลังได้มีโอกาสเข้าไปทำงานประจำที่คิงพาวเวอร์นับช่วงเวลาถึงตอนนี้ก็ 8 ปีแล้วค่ะที่ได้ทำงานประจำมา
เปลี่ยนงาน ปรับความรู้สึก
งานประจำกับงานแสดงแตกต่างกันเยอะมากๆค่ะ การทำงานเป็นพนักงานประจำ เขาจะมีเวลาที่แน่นอน และมีกรอบของงานที่ชัดเจน แล้วเราเคยทำงานอิสระมา พอมาทำงานแบบนี้ ค่อนข้างเครียด ไม่ชินกับกรอบที่เขาตั้งไว้ ต้องมีการตอกบัตรเข้า-ออก ถ้าวันไหนฝนตก มีพายุ หรือน้ำท่วม เครื่องคอมพิวเตอร์เขาไม่ได้สนใจด้วยน่ะค่ะ เราก็จะโดนหักเงินตามกฎของบริษัท พอโดนบ่อยๆ ก็ทำให้เสียสุขภาพจิตนะคะ แต่ด้วยความที่เราอยู่ในวงการบันเทิงมา วงการสอนให้เราเป็นคนตรงต่อเวลา ไม่งั้นก็จะพลอยทำให้คนอื่นเสียเวลาไปด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ติดตัววิกกี้มา ทำให้เรื่องเวลาไม่ค่อยมีปัญหากับเราเท่าไหร่ แต่ที่มีปัญหาจริงๆคือกฎที่ค่อนข้างบีบเรา ว่าต้องกินข้าวตอนนี้ เข้างานตอนนี้ แต่พอทำงานไปได้สักพักใช้เวลา 3 – 4 เดือน ก็ปรับตัวได้ค่ะ เริ่มสนุกกับการทำงาน และทำให้เราได้รู้ว่าคนอื่นทั่วๆไปเขาใช้ชีวิตประจำวันกันยังไง ได้เรียนรู้เข้าใจคนอื่นๆรอบข้างมากขึ้นด้วย
2 ทายาทหนุ่มหล่อที่กำลังเนื้อหอม
ตอนนี้ลูกชายคนโตอายุ 21 ค่ะ ส่วนคนเล็ก 20 คนโตเรียนโรงเรียนตำรวจกำลังจะจบปีหน้า เป็นนายสิบตรี รับราชการตำรวจ ส่วนคนน้องเรียนปริญญาตรี และกำลังอยู่ในช่วงสอบเข้าโรงเรียนตำรวจแบบพี่ชายเขาค่ะ ถ้าเขาสอบได้ก็จะได้รับราชการแบบพี่เขา แต่ก็มีคนถามเยอะว่าลูกๆ จะเข้าวงการไหม จริงๆ วิกกี้ตามใจเขาค่ะ ถ้าจริงจังเขาก็ยังไม่เคยพูดอะไร อย่างเมื่อตอนเด็กเราก็พาลูกๆ เข้ากองถ่าย ถ้าเกิดในกองบอกให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ ไม่อิดออดนะ แต่ถ้าตอนนี้จะให้มาแสดงเต็มตัว รู้สึกได้ว่าลูกๆ เขายังเขิน เหมือนว่าตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ก็ให้เขาได้เรียนได้สอบในทางสายอาชีพ อย่างน้อยเขาก็ยังมีอาชีพสามารถดูแลตัวเองได้ ทำให้คนเป็นพ่อแม่หมดห่วงค่ะ ถ้าเขาไม่ชอบจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นในอนาคต คราวนี้ก็ตามใจเขาเลยค่ะ
คิดถึงบรรยากาศในกองถ่าย
คิดอยู่ตลอดค่ะ คือจริงๆ มีละครติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ แต่ด้วยปัญหาเรื่องเวลา คือคิวละครไม่ตรงกับเวลาทำงานของเราค่ะ ถ้าเกิดว่าคิวละครเบรกจากการทำงานได้สักหน่อย แบบอาทิตย์หนึ่งถ่าย 2 -3 วันก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่บางเรื่องที่ติดต่อมาไม่ฟิควันเลย ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวรับเล่นได้ แต่ตอนนี้ก็มีโอกาสได้เล่นละครอีกครั้งค่ะ เรื่อง “บ้านศิลาแดง” กับทางค่ายโพลีพลัส
หวนคืนจออีกครั้ง
พอกลับมาเล่นครั้งนี้รู้สึกตื่นเต้นมาก ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีกครั้ง เหมือนเป็นนักแสดงใหม่เลยค่ะ ก่อนที่จะมาแสดง ก็มีการเวิร์คช้อปกันก่อน เพื่อดูบทบาทการแสดงว่ามีอะไรต้องปรับหรือแก้ไหม เวลาแสดงจริงๆ จะได้ไม่เกร็ง คือช่วงที่หายไปก็ยังคงคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ตอนถ่ายละคร หรือเบื้องหลังในกองถ่ายอยู่ มันทำให้มีความสุขจริงๆ ตอนนี้พอมีคิวถ่ายละครเราก็จะตื่นเต้น และอยากไปทุกครั้งค่ะ
รุ่นพี่มองรุ่นน้อง
ปัจจุบันนักแสดงเยอะมาก ขนาดวิกกี้เป็นคนชอบดูละคร ยังจำนักแสดงได้ไม่หมดเลยค่ะ คนเดินเข้าออกกันง่าย แต่อยากให้ทุกๆ คนที่ได้เข้ามาตรงนี้ รู้สึกเคารพในวงการนี้ อย่างน้อยคุณเป็นน้องใหม่เข้ามาก็ควรมีความเคารพผู้ใหญ่ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนมาก ยุคนั้นเวลาเราเจอผู้ใหญ่ถึงแม้ว่าจะเคย หรือไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน เราต้องเข้าไปทำความเคารพ เพราะถือว่าผู้ใหญ่คืออาจารย์ แต่ปัจจุบันไม่เป็นยังงั้น ถ้าเกิดไม่ได้ร่วมงานกัน เขาก็จะเฉยๆกับเรา พอได้มาร่วมงานกัน เขาถึงได้ยกมือไหว้ หรือทักทาย ในฐานะรุ่นพี่ก็อยากจะแนะนำว่ายังมีคนอีกมากมายที่อยากเข้ามาในวงการนี้ ถ้าคุณได้รับโอกาสนั้นแล้ว คุณควรทำโอกาสนั้นให้ดีที่สุด เพื่อคุณจะได้ยืนอยู่ในวงการบันเทิงได้ยืนยาวค่ะ
และนี่คือความในใจจากอดีตนางเอกลูกครึ่งยุคแรกของเมืองไทย “กันตา ดานาว”
พรหมประภา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี