ฌานิศ ใหญ่เสมอ หรือ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ เป็น 1 ใน 3 ของสมาชิก วงบอยสเก๊าท์ วงบอยแบนด์ที่เคยโด่งดังในช่วงปี 2536-2539 แต่เมื่อชีวิตพบจุดเปลี่ยน ทุกอย่างจึงผิดรูปผิดทาง เขาต้องฝ่าฟันมรสุมและเรื่องราวต่างๆ เพื่อยืนหยัดในวงการบันเทิง ที่เขาเอ่ยปากว่า รักมาก ... “สตาร์เรโทร” สัปดาห์นี้จะพาย้อนไปฟังเรื่องราวในวันเก่า และปัจจุบันของลูกผู้ชายที่ชื่อ “ต๊ะ” ฌานิศ ใหญ่เสมอ
ก่อนแจ้งเกิดเป็น ‘ต๊ะ บอยสเก๊าท์’
ผมเริ่มจากการถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณามาก่อนครับ แล้วได้มีโอกาสรู้จักกับ พี่อ้อย แสนมนตรา ซึ่งเป็นคนในโมเดลลิ่งค่อนข้างใหญ่ของบ้านเราในตอนนั้น พี่อ้อยส่งรูปผมไปให้ พี่พจน์ อานนท์ แล้วพี่พจน์ก็ให้ลองไปเทสต์หนัง อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป ปรากฏว่าผ่าน ผมได้เป็นหนึ่งในนักแสดงของเรื่อง หลังจากนั้นก็ได้ไปถ่ายแบบให้นิตยสารเธอกับฉัน ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น
โอกาสวิ่งเข้าหา
ช่วงนั้นทางบริษัทอาร์เอส เขามีโปรเจกท์ที่จะทำศิลปิน 3 คนพอดี แล้วทางบริษัทใช้วิธีให้นักแสดงวัยรุ่นในยุคนั้นเข้าไปลองเทสต์เสียงดู ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกเรียกไป แต่ตอนนั้นไม่มีหวังที่จะได้งานเลยครับ (หัวเราะ) เพราะผมเป็นคนเสียงแหบ แต่แล้ววันหนึ่งทางบริษัทก็เรียกเราเข้าไป บอกว่าเราได้เป็นหนึ่งในโปรเจกท์นี้ เขาถามผมว่าอีก 2 คน ผมอยากได้ใครเพราะโปรเจกท์นี้มันมี 3 คน ผมเลยตอบไปว่าอยากได้ดิ๊บ (ธนพงศ์ คล้ายพงศ์พันธ์) กับ โจ (ธเนศ ฉิมท้วม) คือทั้งสองคนเป็นเพื่อนจริงๆ ที่ทำงานด้วยกันในหนัง อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป แล้วสิ่งหนึ่งที่พวกเราจะทำด้วยกันหลังถ่ายเสร็จคือการเล่นกีตาร์ ร้องเพลงกัน ระหว่างนั้นเราก็เคยคุยกันว่าถ้าวันหนึ่งใครมีโอกาสได้ทำเพลง ให้ดึงอีก 2 คนไปด้วย ซึ่งตอนนั้นโจมีโอกาสก่อน กับค่ายเพลงเล็กๆ แต่ติดปัญหาบางอย่าง ทำให้ไม่ได้ทำ พอผมมีโอกาส ผมเลยอยากดึงโจกับดิ๊บมาร่วมงาน โดยทางอาร์เอส เรียกโจกับดิ๊บเข้าไปในเวลาที่ไม่ตรงกัน แล้วถามคำถามเดียวกับผม ซึ่งทั้งสองคนก็ตอบคำตอบเดียวกัน ทำให้พวกเรามีโอกาสเซ็นสัญญา แล้วออกอัลบั้มเพลงเป็นบอยสเก๊าท์ชุดแรกครับ
ความดังเข้ามาแบบไม่รู้ตัว
ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าเราจะดังขนาดนั้น บอกได้เลยว่าพวกเราสามคนไม่เคยมานั่งคุยกันเลยว่าจะต้องดัง เพียงแต่ว่าทุกอย่างที่เราได้มีโอกาสเข้ามาทำ เราทำด้วยความสุข มันเป็นความฝันที่พวกเราอยากจะเป็นศิลปินแล้ววันหนึ่งพวกเราได้ทำตามความฝัน เราเลยทำงานทุกอย่างที่เข้ามาด้วยความสุขครับ
เพลงในความทรงจำ
เพลงที่ดังสุดๆ น่าจะเป็นเพลงแรกครับ “ขอคืน” เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จัก บอยสเก๊าท์ แล้วหลังจากนั้นเพลงอื่นๆ ก็ได้รับกระแสมาเรื่อยๆ ทุกเพลง
ย้อนคิดถึงความดัง
ต้องบอกว่ายุคนั้นแตกต่างกับปัจจุบัน คือยุคของพวกผม มีตัวเลือกของศิลปินไม่เยอะ แล้วศิลปินกับประชาชนห่างไกลกันมาก ที่เขาบอกว่าเป็น “ดาว” คือเรื่องจริง สมัยนั้นศิลปินจับต้องยาก เห็นตัวยาก ไม่เหมือนปัจจุบันที่มีศิลปินเยอะมาก และมีการแข่งขันกันสูง ทำให้เราเลือกดูกันได้ ตอนรุ่นพวกผมคือเวลาศิลปินไปจัดงานประจำปี หรืองานเทศกาลจะเป็นอะไรที่ตื่นเต้นกันมาก แล้วจะมีประเพณีการขึ้นรถกระบะแห่ทั่วเมืองเพื่อเป็นการยืนยันว่ามีศิลปินมาเล่นจริงๆ ตามที่เขาโปรโมทไว้ แต่ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ในความสำเร็จคือการเป็น บอยสเก๊าท์ การเป็นทีมเวิร์กของเรา และบอยแบนด์เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับสมัยนั้น ถ้าให้คิดถึงเหตุผลที่ทำให้เราดังก็ต้องบอกว่ามีหลายองค์ประกอบรวมกันครับ
‘ต๊ะ’ ดังที่สุดในวง!?
ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ทุกคนอาจจะเห็นผมในบทบาทของนักแสดงเยอะ เลยมองว่าผมงานเยอะกว่าโจกับดิ๊บ แต่จริงๆทั้งสองคนก็มีงานละคร งานหนังเหมือนกัน เพียงแต่สองคนนั้นจะถนัดไปทางงานด้านพิธีกร ซึ่งงานส่วนนั้นตัวผมไม่ค่อยถนัดครับ
แยกวงบอยสเก๊าท์
พวกเราแยกกันตอนช่วงปีที่ 6-7 ครับ ตอนนั้นทางบริษัทได้จับพวกเราแยก คือให้ผมออกมาทำเดี่ยว แล้วโจกับดิ๊บแยกไปทำดูโอ้ เป็นศิลปินคู่ครับ จริงๆแล้วก่อนหน้าที่จะแยกกัน เรามีการทำอัลบั้มที่ 3 กันไว้แล้วประมาณ 4 เพลง เข้าห้องอัดกันเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ทางผู้ใหญ่เขาดูแล้วว่าน่าจะถึงเวลาที่ควรจะแยกแล้ว เพราะเราเริ่มโตกันแล้ว และเพลงที่ทำไว้ ก็ดูใสๆ กว่าอายุของเรา ทางผู้ใหญ่เลยยกอัลบั้มชุดนั้นไปให้ราฟฟี่ แนนซี่ แทนครับ
สัมพันธ์ในหมู่เพื่อน ‘ดิ๊บ’ และ ‘โจ’
ปัจจุบันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน ยังติดต่อกัน ก่อนหน้านี้เราเคยทำรายการบอยสเก๊าท์เม้าท์แสบๆ ทางทรูวิชั่น และก็มีรายการวิทยุ บอยสเก๊าท์เม้าท์ป่วนเมือง แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำรายการแล้วครับ ตอนนี้อีกบทบาทหนึ่งที่พวกเราอยากนำเสนอคือการเป็นนักฟุตบอล พวกเรา 3 คนเตะฟุตบอลอยู่ทีมก๊อตซิล่าสตาร์เอฟซี เป็นทีมที่ส่งเข้าแข่งขันในรายการแอร์เอเชียซูเปอร์สตาร์ลีก ซึ่งเป็นลีกที่ทำมาเลียนแบบฟุตบอลอาชีพ แล้วทีมของเราเป็นแชมป์ทั้งสองลีกครับ จริงๆปัจจุบันพวกเราก็ยังร้องเพลงด้วยกันครับ แล้วแต่มีคนติดต่องานมาครับ
ผลงานภาพยนตร์สร้างชื่อ
ที่โดดเด่นน่าจะเป็น เด็กเสเพล ครับ เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในปี 2541 แล้วก็นักแสดงที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นของค่ายวิทยุค่ายหนึ่ง และก็ได้รางวัลเพื่อเยาวชนดีเด่นของสำนักนายกฯครับ ถ้าจะบอกว่าช่วงนั้นเป็นจุดสูงสุดของชีวิตผมก็ได้ครับ
ยังคงสนุกกับงานแสดง
จริงๆ ผมเพิ่งปิดกล้องละครเรื่องหนึ่งไป แต่ว่ามีปัญหาบางอย่าง ทำให้ยังไม่สามารถออนแอร์ได้ ซึ่งเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนั้นแล้วครับ เป็นเรื่องของทางบริษัทหรือผู้ใหญ่จะจัดการ
เลือกบท
ผมไม่อยากใช้คำว่า เลือกบท มันดูแรงไป ใช้คำว่าให้ความสำคัญกับบทบาท และงานมากกว่าครับ แต่ก็ยอมรับว่าที่ไม่ค่อยเห็นผมในหน้าจอ เป็นเพราะผมก็เลือกครับ เพียงแต่ไม่ใช่ว่าเราเรื่องมากหรืออะไร ผมแค่ให้เกียรติในผลงานที่ผ่านๆมาของตัวเอง แต่ละงานที่ผ่านมาค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี พอวันหนึ่งผมจะเลือกรับอะไรสักอย่าง ผมต้องดูแล้วว่าเหมาะสม และมีอะไรให้เราได้แสดงฝีมือ บอกได้เลยครับว่าถ้าอันไหนที่เหมาะสมผมพร้อมจะทำ งานในวงการเป็นงานศิลปะ เราต้องทำและถ่ายทอดด้วยความสุข อันไหนที่ไปทำแล้วรู้สึกอึดอัด งานก็คงออกมาไม่ดี แต่ต้องบอกผู้จัดทุกคนจริงๆ ครับว่าตัวผมยังรักงานแสดงและพร้อมจะร่วมงาน ผมไม่ใช่คนเรื่องมากเพียงแต่ขอดูความเหมาะสมครับ
เสียใจกับความผิดพลาดในอดีต
แน่นอนครับว่า ผมเสียใจ แต่วันเวลาได้รักษาแผลตรงนั้น และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น มองอะไรละเอียดหลายชั้นมากขึ้น เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ต้องอยู่กับคำของคนให้ได้ เราจะมานั่งเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ครับ เพราะเวลาผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก เสียดายไปก็จะยิ่งบั่นทอนจิตใจ ความผิดพลาดนั้นเราก็มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้นด้วย ฉะนั้นสู้เราเอาเวลาเสียใจมาพิสูจน์ตัวเองดีกว่าครับ ว่าเรายังมีดีมากกว่าที่ทุกคนมองจากภายนอก ทุกวันนี้มีหน้าที่อย่างเดียวคือพิสูจน์ตัวเองครับ
กำลังใจที่สำคัญ
ผมโชคดีที่อย่างน้อยมีบอยสเก๊าท์แฟนคลับ และคนที่ยังสนับสนุนอยู่ ตรงนี้เป็นน้ำล่อเลี้ยงเติมเต็มหัวใจของผมครับ เลยทำให้ไม่ค่อยมีความน้อยใจเกิดขึ้น ซึ่งผมก็ขอขอบคุณแฟนๆ ที่ยังรักและเชื่อใจเสมอ แต่ถ้ามีอะไรน้อยใจคงเป็นเรื่องคดี (พัวพันกับยาเสพติดและคดีทำร้ายแฟน) หรือข่าวที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่าผมสู้คดีอยู่ 2 ปี แล้วศาลตัดสินให้ผมไม่มีความผิดครับ แต่สังคมได้พิพากษาผมไปเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่อยากพูดถึงอดีตครับตอนนี้ควรอยู่กับปัจจุบัน
เพราะรัก จึงยังทำ
ผมต้องบอกว่าผมรักอาชีพนี้ เวลาผมทำงานผมใช้ใจทำครับ และผมมองว่าอาชีพนี้มีคุณค่า เพราะเราได้ทำให้คนอื่นมีความสุข อาจจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อเห็นคนอื่นมีความสุขเพราะเรา ผมก็มีความสุขครับ
ตารางงานในปัจจุบัน
ตอนนี้ผมทุ่มเทให้กับฟุตบอล และงานประจำคือบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจไม้แปรรูปซึ่งผมช่วยเพื่อนทำ แต่ไม่ถึงกับหุ้นส่วนครับเรียกว่าเป็นพนักงานดีกว่า ทั้งการเตะฟุตบอลและงานประจำเป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับผมครับ ส่วนงานด้านอื่นๆ ตอนนี้ผมได้เป็นที่ปรึกษาให้กับค่ายเพลงค่ายหนึ่งครับ และก็ยังรับร้องเพลงตามที่มีคนจ้างมาครับทั้งร้องแบบครบทีมบอยสเก๊าท์ และร้องเดี่ยวครับ
ฝากถึงแฟนๆ
ขอบคุณแฟนๆ ทุกๆ คนที่ยังรักและคิดถึงบอยสเก๊าท์อยู่ครับ แล้วก็อยากให้ติดตามผลงานต่อๆ ไปของพวกเราทั้งสามคนด้วย และสามารถติดตามอินสตาแกรมของผมได้ที่ @ taboyscout ครับ
พรหมปภา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี