เส้นทางมายา มีคนเดินเข้า-ออกกันให้ขวักไขว่ แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยหนีหาย.. 20 ปีกับการคลุกวงใน “อุ๊” ช่อผกา วิริยานนท์ อาจไม่ได้อยู่เบื้องหน้าเล่นละครดัง ซีรี่ส์ฮิต แต่เธอติดใจกับงานพิธีกรที่ต่อยอดสู่ความก้าวหน้าครั้งใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง!!
เริ่มต้นเส้นทางด้วยการใช้เสียง
ออกโทรทัศน์ครั้งแรกตอนอายุ 19 ปีค่ะ กับการประกวดร้องเพลง เพราะเป็นคนชอบร้องเพลง แต่ว่าได้ทำงานครั้งแรกตอนอายุ 21 หลังเรียนจบ คือเริ่มงานทางโทรทัศน์ ด้วยการเป็นผู้สื่อข่าวในสื่อของ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล จากนั้นอีก 1 ปีก็ขึ้นมาเป็นผู้ประกาศข่าวภาคค่ำ ของสถานีช่อง 9 แล้วก็ย้ายไปอ่านข่าวภาคค่ำให้ช่อง 5 ตอนนั้นอายุ 22 ปี
จากร้องเพลงมาอ่านข่าว
พอดีว่าตอนร้องเพลงมันเป็นความมันส์ค่ะ(หัวเราะ) แต่ข่าวเป็นเรื่องอาชีพ ตอนร้องเพลงก็มีคนชวนให้ออกอัลบั้มนะคะ แต่ว่าคุยกันแล้วไม่ลงตัว อุ๊ไม่ได้มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปินซะทีเดียว ตอนวัยรุ่นก็อยากเนาะ แต่มีชีวิตอยู่กับความเป็นจริง ว่าไปนั่งรองานเป็นศิลปินมันไม่ใช่ ไม่รู้เป็นแล้วจะดังไหม แต่เราได้งานผู้สื่อข่าว เราได้งานผู้ประกาศข่าวภาคค่ำเลยนะ ผู้ประกาศหลักของสถานีโทรทัศน์เลยนะ ก็อ่านอยู่ทางช่อง 9 และช่อง 5 และหลังจากนั้นก็หยุดงานข่าว ลาออกมา แล้วมาทำงานพิธีกรโทรทัศน์ครั้งแรกตอนอายุ 24 เริ่มรายการแรกของกันตนาชื่อรายการ “ท้าทาย” คู่กับ คุณภาณุเดช วัฒนสุชาติ และหลังจากนั้นก็เป็นพิธีกรเรื่อยมาจนทุกวันนี้ 20 กว่าปีในการทำงานพิธีกร
หลงรักในอาชีพพิธีกร
งานพิธีกรเป็นงานที่เราได้ใช้ศักยภาพในตัวเรา ในการทำความเข้าใจเนื้อหาที่เจ้าของรายการต้องการจะสื่อสาร เหมือนเราจะต้องบริโภคเนื้อหาทั้งหมดของรายการนั้น และก็จัดกระบวนการย่อยด้วยตัวของเราเอง ได้ทำการบ้าน แล้วตกผลึกความคิดในการทำงาน คืออุ๊เป็นคนชอบวิเคราะห์ด้วยค่ะ การทำพิธีกรต้องจับประเด็น วิเคราะห์แล้วก็ใส่สีสันในเนื้อหาเพื่อนำเสนอออกมา (ทำให้ต้องหยุดอ่านข่าว?)ในช่วงนั้นมันไปกันไม่ได้ค่ะ และยอมรับว่าการอ่านข่าวไม่สนุก เพราะเขาเขียนมาให้อ่าน ยังไงก็ต้องอ่านอย่างนั้น แต่พิธีกรเขาเขียนมายังไง พูดได้อีกแบบหนึ่งเลยค่ะ มันมันส์ตรงนี้แหละ
วุฒิการศึกษา
จบปริญญาตรีและโท ทางสื่อสารมวลชนค่ะ ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาโทนิเทศฯ จุฬาฯ
งานแสดงที่ห่างหาย
อุ๊เล่นละครเรื่องแรกคือ “ล่า” ของเอ็กแซ็กท์ และหลังจากนั้นก็มีละครช่อง 3 ของพี่ไก่เรื่อยๆ คือช่วงเป็นพิธีกร มีผู้จัดฯมาชวนเล่นละคร จริงๆ อุ๊ชอบการแสดงมากนะคะ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็เล่นละครเวทีของมหาวิทยาลัยเยอะมาก ถือว่าเป็นนางเอกละครประจำมหาวิทยาลัยเลยแหละ เล่นเรื่องใหญ่ๆของมหา’ลัย คนทั้งมหา’ลัยรู้จักอุ๊หมด แต่เพราะภาพเราชัดเจนในด้านพิธีกร และอีกอย่างหนึ่งคือช่วงที่งานเยอะจัดๆ อุ๊เคยถ่ายพิธีกรเยอะที่สุด 7 รายการต่อสัปดาห์ คือทำงาน 7 วันเลย เพราะฉะนั้นหาคิวเล่นละครยาก เพราะละครจะใช้เวลาสามวันหรืออย่างเก่งก็สองวันต่อสัปดาห์ ช่วงนั้นมีสลับคิวเล่นละครบ้าง แต่ก็รับได้ทีละเรื่อง คราวนี้รู้สึกเหนื่อย จนกระทั่งเมื่อประมาณสัก 10 ปีที่แล้ว เป็นช่วงรอยต่อ อุ๊ได้รับการชักชวนจากผู้ใหญ่ ให้ไปทำงานบริหาร ตอนนั้นอุ๊เข้าไปอยู่ในทีมบริหารของห้างโรบินสัน ซึ่งต้องมีการประชุมบอร์ดอะไรแบบนี้ ประชุมทีมบริหารก็ใช้เวลาในการทำบริหาร 3 วันต่อสัปดาห์ คิวที่จะทำในวงการลดน้อยลงอีก ทำให้จำเป็นต้องปฏิเสธละครไป ตอนนั้นมีผู้จัดฯโทร.มาติดต่อเยอะมาก และก็ติดต่อให้เล่นละครอยู่อย่างงี้เกือบ 3 ปี จนหลังจากนั้นไม่มีใครโทร.เลย เพราะเขาคงไปพูดกันว่า เรียกไปมันก็ไม่เล่น(หัวเราะ) คือเราไม่ได้หยิ่งนะ แต่ว่าไม่ว่างจริงๆ ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราอายุ 30 กว่าๆบทนางเอกฝันไปเหอะ ไม่มี เพื่อนนางเอกก็ไม่ได้แล้ว จะไปเป็นแม่ ก็เด็กเกินไป จะเป็นน้าก็ไม่มีความสำคัญ เป็นช่วงที่หาบทที่น่าเล่นไม่ได้ อุ๊ก็เลยบอกถ้าไม่มีที่อยากเล่นก็ไม่ต้องเล่น..จบ
10 ปีที่หยุดพักจากละคร
รับเป็นพิธีกรฟรีแลนซ์ค่ะ แต่ว่าปัจจุบันมีบริษัทของตัวเอง ทุกวันนี้เป็น MD เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท AU Communication จำกัดรับผลิตรายการโทรทัศน์ อีเว้นท์ ออกาไนเซอร์ และก็ทำประชาสัมพันธ์ แต่งานที่โดดเด่นมากก็คือ เรารับวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารในโครงการขนาดใหญ่ และในช่วงนี้อุ๊ก็ได้รับเชิญจากภาคราชการ ให้ไปเป็นคณะอนุกรรมาธิการที่จะไปวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องที่หนึ่งคือ คณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชั่น เรื่องที่สองคือการสร้างความเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ อันนั้นเป็นงานการวางแผน ซึ่งเป็นความชำนาญมากของอุ๊ แต่คนไม่รู้ แต่ผู้ใหญ่จะรู้ ผู้ใหญ่จะเรียกใช้งานตลอด เราก็เริ่มพัฒนาฝีมือในเชิงของการวางแผนที่มันเป็นความแยบยลในธุรกิจ คนรู้จักเราในฐานะคนหน้ากล้อง งานหน้ากล้องอุ๊ก็ยังทำอยู่ แต่งานหลังกล้องอุ๊เป็นผู้บริหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับตัวเองในจุดนี้มากขึ้น
เวลาเปลี่ยน งานเปลี่ยน
อุ๊ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในการทำวิชาชีพ เราเป็นเด็กๆ เราก็ใช้ความตึงของหน้าเราอยู่หน้ากล้อง ถูกมั้ยคะ พอเราอายุมากขึ้น เราขายความสวยอย่างเดียวไม่ได้หรอก เราต้องขายความสามารถ และในอาชีพสื่อสารมวลชน ไม่ได้มีแค่คนหน้ากล้องอย่างเดียว มีทีมงานหลังกล้อง โปรดิวเซอร์เก่งๆ มีผู้กำกับเก่งๆ ซึ่งนั่นคือทักษะอย่างหนึ่งที่คนหน้ากล้องส่วนหนึ่งก็พัฒนาตัวเองไปสู่จุดจุดนั้น แต่มากกว่าจุดนั้นก็คือผู้บริหารสถานี ผู้บริหารบริษัท หรือว่าบริษัทที่สามารถรับนโยบาย จากงานหน้ากล้องมาเป็นผู้ผลิตเป็นคนหลังกล้อง อีกงานหนึ่งก็คืองานนโยบาย ซึ่งอุ๊คิดว่าการที่มีโอกาสเรียนรู้จนไต่ลำดับตัวเองขึ้นมา เป็นคนวางนโยบาย ถือว่าเป็นอะไรที่ยากนะ และก็เป็นโชคของเรา ใช้คำว่าโชคนะคะ ที่มีโอกาสได้เรียนรู้งานจากคนเก่งๆ ในหลายๆ รูปแบบ เราใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิตของเราทำงานทุกวันนี้ได้
ความเป็น “อุ๊” ที่นำมาสู่จุดนี้
คิดว่ามี 2 เรื่องค่ะ หนึ่งคือความจริงจัง คนที่ทำงานกับอุ๊ ต้องมีสองอย่างคือชอบมากใช้งานกันมา 20 ปี กับเกลียดขี้หน้าไปเลย เพราะอุ๊เป็นคนทำงานจริงจัง เพราะฉะนั้นบางทีสไตล์คนทำงานจริงจัง จะมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ กับอันที่สอง คือความลึก อุ๊เป็นคนลงลึกในรายละเอียดมาก ยิ่งพออายุมากขึ้น ยิ่งทำงานลงรายละเอียด วิเคราะห์ได้ละเอียด ยกตัวอย่างง่ายๆ นะคะ ทุกวันนี้แม้กระทั่งงานพิธีกร สมัยเราสาวๆ พวกงานเปิดตัวเครื่องสำอาง เขาจะเรียกเราถูกมั้ยคะ พอเราอายุขนาดนี้แล้ว ต้องรอเครื่องสำอางสำหรับคน 40 เขาถึงจะเลือกเราไปทำพิธีกร แต่อุ๊ก็ไม่ได้ตกงานพิธีกร เพราะอุ๊พัฒนาความสามารถของตัวเอง เป็นพิธีกรที่พูดข้อมูลลึกๆ ได้ เพราะฉะนั้นในงานพิธีกรของภาครัฐอุ๊ต้องสัมภาษณ์อธิบดี 7 กรม พร้อมกัน เสวนาอะไรแบบนี้ เสร็จเราหมดเลยนะ ผู้ใหญ่ถึงขั้นเจาะจงเลยนะว่าต้อง คุณอุ๊เท่านั้น เพราะพิธีกรคนอื่นเขารู้สึกว่าไม่คุ้มหรอกมั้ง ที่เขาจะต้องมานั่งอ่านเปเปอร์ประมาณ 50 หน้า สำหรับการขึ้นเวทีหนึ่งงาน แต่อุ๊ชอบ อุ๊ทำการบ้านสุดชีวิตกว่าอุ๊จะไปทำงานที่มันเป็นทางวิชาการ เราก็ทำการศึกษา และก็ประกอบกับฐานเดิมครั้งแรกเราเป็นนักข่าว และทำข่าวเจาะมา อุ๊ไม่ได้ทำข่าวตามหมายเชิญ เราก็จะสนุกเวลาได้สืบค้นข้อมูลการศึกษาข้อมูลเชิงลึก ก็เลยกลายเป็นอุปนิสัยของอุ๊ไปแล้ว ทุกวันนี้ถ้าลูกค้าที่ใช้เราบ่อยๆ และเรียกว่าต้องเป็นเรา ทุกคนพูดเหมือนกันเลยว่า คุณอุ๊ลึกดีซึ่งอันนี้เราก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราต้องรักษา เป็นจุดขาย คือมันไม่ตึงแล้วค่ะหน้า(หัวเราะ) แต่สมองยังได้อยู่ เรามีงานทำ เราอยู่ในวงการมาได้ 20 กว่าปี ทั้งๆ ที่อุ๊ไม่เคยเซ็นสัญญาในสังกัดใครเลยนะคะ ตั้งแต่วันแรกเลยนะ ที่อุ๊ลาออกจากการเป็นลูกน้อง ดร.สมเกียรติ อุ๊เป็นฟรีแลนซ์ ในงานหน้ากล้อง เป็นฟรีแลนซ์มาตลอด 25 ปี แต่อุ๊มีงานทำตลอด (เป็น CEO แล้วคิดถึงงานละครบ้างมั้ย?) คิดค่ะ ตอนนี้เริ่มคิด และขอประกาศ ถ้ามีบทที่ได้แสดงความสามารถเรียกมาเลยนะคะ หาคิวได้แล้ว(หัวเราะ) (อยากได้บทแบบไหน?) โอ๊ย...ดิฉันเจียมบอดี้ค่ะ คงไม่ระบุขนาดนั้น แค่ขอให้มีน้ำหนักในเรื่องราวพอสมควร เพราะเราไม่ได้อยากจะเล่นละครเพื่อแค่ได้เงิน แต่อยากจะพัฒนาความสามารถในการแสดงอยากมีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับเก่งๆ ที่ทำให้เราเล่นละครเก่งขึ้น
ยอมทิ้งเงินเพื่อให้ได้งาน
อุ๊ยอมทิ้งเงินที่จะได้จากการเป็นนักแสดงไปรับเงินเดือนในฐานะผู้บริหาร เพราะอุ๊มองว่าอุ๊จะได้ความสามารถในการบริหารกิจการและมันทำให้อุ๊สามารถบริหารธุรกิจตัวเองได้ในขณะนี้ และก็สามารถต่อยอดงานวางแผนการสื่อสารให้กับโครงการรัฐบาลได้ ถ้าอุ๊ไม่ยอมทิ้งเงินในตอน 10 ปีที่แล้วนะ อุ๊คงไม่มีวันนี้ อุ๊ทำสิ่งที่อุ๊ทำอยู่วันนี้ไม่ได้
ชีวิตครอบครัว
โสดค่ะ เคยจะแต่งงานนะ เมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมานี่เอง แต่พอไม่ได้แต่ง ก็เลยโสด(หัวเราะ) และอุ๊ก็ไม่เคยมีข่าวกับผู้ชายคนไหนในวงการนี้เลย เพราะว่าอุ๊ค่อนข้างระวังตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่แต่งกับใครนะ คือเรื่องรัก ไม่เคยรังเกียจนะคะ แต่ว่าเลือกค่ะ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า ความหวังจะลดลงเรื่อยๆ เพราะดิฉันเยอะ ลูกค้าก็มีมาจีบบ้าง แต่ก็จะไม่ถี่มากนัก เพราะหนึ่งคืองานเราเยอะเราไม่ได้ไปแฮงเอ้าท์หาผู้ชายนะคะ อันนี้ข้อที่ชัดมาก และสองก็คือเดินเข้ามาแล้วแบบ... ข้อเสียของการมีประสบการณ์ในวงการนี้คือ มันอ่านคนขาด คุยไปสามนาที รู้แล้วว่าคนนี้ไม่ใช่ คือถ้าเจอคนที่ไปด้วยกันได้ และพัฒนาความสัมพันธ์ไป เราไม่เคยปฏิเสธโอกาส แต่ถ้าไม่เจอ อุ๊มีความสุขแล้วที่จะอยู่ด้วยตัวของตัวเอง เพราะฉะนั้นอุ๊ไม่โหยหา แต่ก็ไม่ปิดกั้น อยู่กับความเป็นจริง
ณ วันนี้ยังไม่ “พอ” กับความก้าวหน้า
ไม่พอค่ะ ไม่เคยพอ ไม่งั้นจะเปิดบริษัทมิสแคลร์เหรอคะ(หัวเราะ) (มาเปิดบริษัทมิสแคลร์(Ms.Claire) ได้อย่างไร?) ร่วมหุ้นกับรุ่นน้องที่สนิทกันเป็นการส่วนตัวค่ะ “พิน” (ศิรินทร์ อัครพุฒิพันธ์) รู้จักกันมานาน อุ๊ชอบดำน้ำ แล้วเราอยู่แก๊งเดียวกัน พอเขาคิดจะทำธุรกิจตัวนี้ก็มาปรึกษาและก็ชวนอุ๊เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น เราก็เลยพัฒนาธุรกิจนี้ด้วยกัน ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง อุ๊ถือว่าน่าจะเป็นแหล่งรายได้ที่อุ๊เอาไว้ส่งเสียหลานไปเรียนเมืองนอกในอนาคตได้(หัวเราะ)
ก้าวใหม่ที่น่าตื่นเต้น
บริษัทมิสแคลร์ เป็นบริษัทที่รับทำความสะอาดในรูปแบบใหม่ ใช้ระบบออนไลน์จองใช้และชำระเงินผ่านเว็บhttp://msclairecleaning.com โดยเปิดให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งผลตอบรับต้องเรียกว่าเกินคาดจากที่เราคิดไว้เยอะมาก จากที่ตอนแรกคิดว่าลูกค้าจะเป็นคนที่อยู่คอนโดฯเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ติดต่อเข้ามากลับเป็นบ้าน ที่มีแม่บ้านอยู่แล้ว แต่ก็ยังเรียกใช้บริการของเราด้วยความที่เราบริการแบบมาตรฐาน ไม่สะอาด เราไปทำให้ใหม่ จนกว่าลูกค้าจะพอใจ จึงทำให้หลายคนบอกปากต่อปาก จนตอนนี้งานล้นมือค่ะ
เศรษฐินีขนาดย่อม
ยังค่ะ ยังๆ ดิฉันไม่รวยหรอก เพราะดิฉันทำงานเยอะมาก แต่งานที่ทำเกือบครึ่งคืองานที่ไม่ได้เงินอุ๊เป็นคนทำงานฟรีเยอะมาก ทำงานให้องค์กรศาสนา ไม่เคยคิดค่าตัว ทำให้มูลนิธิฯตั้งหลายที่ เป็นงานแบบงานเพื่อสังคม บางทีไม่ได้ตังค์เลย ตอนนี้มีมูลนิธิที่ดูแลอยู่ 3 ที่ ก็ไม่ได้ทำเพื่อเงิน คือตายไปกลัวชาติหน้าเกิดมาไม่สวย เลยต้องทำบุญเยอะๆ ค่ะ(หัวเราะ)
เพราะความอารมณ์ดี ผสมผสานกับความรักในการเรียนรู้ขั้นลึกซึ้ง การได้รับรู้ตัวตนของ “อุ๊” ช่อผกา วิริยานนท์ จึงเป็นเรื่องน่าทึ่งที่น้อยคนจะได้สัมผัสกัน!!
ลูกหมี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี