นั่งชมละคร ทอฝันกับมาวิน ทางช่อง One เห็น “ปู” กนกวรรณ บุรานนท์ กลับมาขึ้นหน้าจออีกครั้ง ทำให้นึกฉงนว่า อาชีพหลัก/อาชีพรอง สลับหน้าที่กัน หรือธุรกิจหลักอย่าง ลูกชิ้นปูเด๋อ มีการพลิกผัน!? วันนี้เลยต้องขอล้อมวงนั่งถกเรื่องของ “ปู”
l กลับมารับงานละครอีกครั้ง!?
รับค่ะ (ตอบอย่างรวดเร็ว) ก่อนหน้านี้หายไป 4 ปี เพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกค่ะ คือคุณแม่ปูเสียตั้งแต่ปู 8-9 ขวบ เราเลยรู้สึกอยากเลี้ยงลูกให้ดี เพราะชีวิตไม่แน่นอน พ่อปูเป็นนักพากย์หนัง เราก็อยู่แต่กับยาย กับพี่ชาย ซึ่งยังไงก็ไม่อุ่นเหมือนอยู่กับแม่ พอมามีลูกเอง เราไม่รู้ชีวิตจะเกิดอะไรบ้าง เลยอยากใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่กับเขาให้ได้มากที่สุดค่ะ แล้วพอดีวันหนึ่งอยู่บ้าน พี่หนึ่ง (วรเชษฐ์ นิ่มสุวรรณ) โทร.มาบอกว่า “ปู รับละครไหม?” ตอบทันที “รับพี่” บอกเขาว่าตอนนี้เหงามาก หนูได้คิวแค่ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นะ วันธรรมดาหนูยังคงต้องรับ-ส่งลูกอยู่ แกก็โอเค เรียกไปเล่น “Fly To Fin สุดติ่งจิงเกิลเบล” ของช่อง ทรูโฟร์ยู พี่ผิน (ผิน เกรียงไกรสกุล) เป็นคนกำกับ เล่นเป็นแม่ เก้า-จิรายุ จบจากเรื่องนั้นก็มาเล่น “ทอฝันกับมาวิน” เล่นเป็นเมีย เกริก ซิลเลอร์ คือให้เล่นอะไร เราเล่นหมดค่ะ เพราะคิดถึงบรรยากาศในกอง อยากเข้าไปสัมผัส เม้าท์มอยกับเพื่อนๆ
l บรรยากาศกองถ่ายในรอบ 4 ปี!?
แตกต่างจากเดิมมาก (เน้นเสียง) เด็กสมัยนี้เก่งค่ะ ตอนแรกเล่นเป็นแม่เก้า-จิรายุ ก็บอกเลยนะว่า เก้า พี่ไม่เคยรู้จักเก้า แต่พี่ต้องมาเล่นเป็นแม่เก้า ขอพี่กอดทีหนึ่ง ก็ค่อยๆ สนิทกัน บอกเก้าว่าพี่ไม่ได้เล่นละครมานานแล้ว เพราะฉะนั้นแนะนำพี่ได้ บอกพี่ได้นะ พี่ไม่ว่า เพราะพี่หายไปนานแล้ว ก็จะบอกผู้กำกับคอยเช็คอยู่เรื่อยว่าจะเอาอะไรอีกไหม และในเรื่องนี้ เราก็ได้เรียนรู้เรื่องเด็กแต่ละคนไปด้วย อย่างเก้าเขาเล่นละครเก่งนะ เขาเล่นเป็นธรรมชาติมากๆ จากที่เราได้เห็นและสัมผัสได้จากการร่วมงานกันของเรากับเขา จนบางทีเราก็รู้สึกจนขนลุกเลยนะ ก็เรียกว่าการเล่นละครสมัยนี้ เราต้องตามตัวที่เราเล่นด้วยได้ ไม่ใช่ว่ามายึดติดกับตัวเราฝ่ายเดียว ว่าฉันเล่นตามบทนะ ไม่ๆ เพราะว่าโลกยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เด็กเดี๋ยวนี้เก่ง ส่วนอีกเรื่อง ทอฝันกับมาวิน ไปเล่นเป็นแม่วิกเตอร์ ก็ไปขอกอดเขาอีกล่ะ (หัวเราะ) แล้วเขาก็จะเรียกเราว่า แม่ๆ แม่หรรษา คนนี้ก็เล่นเก่งนะ เขากล้าเล่นในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะสื่อว่าเราเป็นแม่ลูกกันจริงๆ คือเราคิดว่า เออกล้าเล่นอย่างงี้แกเก่งว่ะ พอหลังๆ ก็จะติดตามผลงานเขา ให้กำลังใจในการทำงานของเขาอยู่เรื่อยๆ
l ผลงานมาสเตอร์พีช
ปูมาจากสายละครเวทีค่ะ ของ แดส ดรีมบอกซ์ เพราะฉะนั้นงานที่ประทับใจก็จะเป็นละครเวทีเรื่อง “พินัยกรรมของหญิงวิกลจริต” ที่ชอบเรื่องนี้เพราะเล่นคนเดียว เป็นผู้หญิงคนเดียวในประเทศไทยที่เล่นละครเวทีคนเดียวเกือบ 2 ชั่วโมง เป็นคนวิกลจริต ทำพินัยกรรม คนดูเห็นเราคนเดียว ฟีดแบ๊กดีค่ะ ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด เพราะไม่มีใครเล่น (หัวเราะ) ดราม่าทั้งเรื่อง เล่นไป 2 อาทิตย์ 10 รอบ ร้องบ้าบออยู่คนเดียว และคนดูก็ต้องตามให้ได้ว่า ไอ้ตัวละครตัวนี้มีที่มาที่ไปยังไง ผ่านมาประมาณ 20 กว่าปีได้ และที่ประทับใจคือไม่มีใครบ้าเหมือนเรา (หัวเราะร่วน) เพราะว่าพี่ลิง (สุวรรณดี จักราวรวุธ) ที่เป็นผู้กำกับ เขาถามว่า “ปูเล่นไหม เล่นคนเดียว” เราก็ “เหรอพี่” เขาบอก “บ้านะ เอาไหม” ก็โอเคลองดู ซ้อมก็ซ้อมกับแกเป็นบ้าไปเลย ด้วยความอยากลองอยากเรียนรู้ ซึ่งตอนนั้นละครทีวี.ก็มีนะเล่น “สามคนอลเวง” แล้วด้วยค่ะ
l จากวิกฤติสู่โอกาสทอง
ชีวิตปูมีวิกฤติอยู่เรื่อยๆ มีช่วงหนึ่งที่ไม่มีงาน 2-3 เดือน จะมีงานอยู่ครั้งเดียว เลยไปรับเชิญละครวิก 07 สมัยก่อน แล้วก็มีคนแนะนำให้รู้จัก ดร.เสรี วงษ์มณฑา ไปเล่นละครรับเชิญตอนเดียว อาจารย์บอกว่า เอ๊ะ...คนนี้เสียงดังดี ไปเล่นละครเวทีไหม เราก็โอเค ใจเราตอนนั้นคิดว่าอะไรที่ได้ตังค์ เอาหมดแหละ เราต้องกินต้องอยู่ อาจารย์นี่แหละที่เป็นคนแรกที่ทำให้รู้จักละครเวที ไปเล่นที่โรงแรมมณเฑียร อยู่พักหนึ่ง แล้วก็มีช่วงชีวิตที่ไม่มีงานอีก เพราะเราเป็นนักแสดงตัวเล็กตัวน้อย บางคนก็ไม่รู้จักเรา อาจารย์มีร้านอาหารของน้องสาวอยู่ที่อเมริกา ก็คิดที่จะไปทำที่โน่น เดินเรื่องเรียบร้อยแล้วนะ แดส ดรีมบอกซ์ โทร.มาบอก ปูมีละครเวทีเรื่อง “ซินเดอเรลลา” พี่ตั้ว-ศรัณยู กับ ขวัญฤดี กลมกล่อม เป็นพระนาง มาเล่นไหม เราโอเคเล่นก่อน ให้ได้ตังค์ก่อน แต่เราก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะไปอเมริกา แต่พอจบเรื่อง “ซินเดอเรลลา” ปุ๊บ เขาจะทำเรื่อง “ทึนทึก” เขาบอก “ปูคิดมากไหม ต้องมาเล่นเป็นคนใช้นะ?”ด้วยความที่เราชอบแสดง “บทไหนปูก็เล่นค่ะ” ใจนี่คิดอย่างเดียวขอให้ได้ตังค์ ปรากฏว่าชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพิ่มรอบแล้วเพิ่มรอบอีก ขายบัตรดีเป็นเทน้ำเทท่า กันตนาก็ไปดูนะคะ แต่ก่อนหน้านี้ก็เล่นละครกันตนามาก่อนแล้ว เป็นละครตอนเย็น วัยซน, กว่าจะสวมหมวกขาว แล้วก็ห่างไป ปรากฏว่าพี่ที่กันตนาไปดูละครเวทีเรื่อง “ทึนทึก” เห็นเรา ก็ชวนมาเล่น ซิทคอมเรื่อง “พ่อบ้านเมียเผลอ” เล่นเป็นคนรับใช้ เล่นอยู่ 3 ปีครึ่ง กลายเป็นแจ้งเกิดจากบทคนใช้ ละครเวทีเรื่อง “ทึนทึก” พลิกชีวิตเลย ทุกวันนี้นับถือแดส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หรือว่า ดรีมบอกซ์ ปัจจุบันนี้ เป็นบ้านหลังที่ 2 เลย รักและผูกพันกันมากค่ะ
l คนรู้จักชื่อ กนกวรรณ บุรานนท์
มีละครเวทีอีกเรื่องชื่อ “ตะลุยเมืองตุ๊กตา” ค่ะ ปูได้เล่นเป็น ตุ๊กตาของนางเอก พูดอยู่ประโยคเดียว คุณแม่ใจดีจังเลย (เลียนเสียงเด็ก) ก็อยู่อย่างงี้ทั้งเรื่อง ตอนนั้นยังไม่ดังค่ะ สูจิบัตรไม่มีชื่อปู เขาบอกลืม แต่เขาแก้ปัญหาจุดนั้นโดยการทำแบบทายปัญหาร่วมสนุกกัน หลังละครจบ ทายว่า “ใครที่เล่นเป็น ตุ๊กตาจินนี่?” ทุกคนเลยไปสืบถามกันใหญ่ว่า ใคร ใคร และทำให้คนรู้จักว่า อ๋อ... กนกวรรณ บุรานนท์ เล่นเป็นจินนี่ วิกฤติก็เป็นโอกาสให้ปูอีก (หัวเราะ) ตรงนี้ทำให้เราได้แฟนละครเวทีของเราอีกกลุ่มหนึ่งเลยนะคะ แต่ก็ยังไม่พีคอีก มาพีคสุดๆ ตอนเขาทำ “สามคนอลเวง” เป็นละครตอนสั้นๆ ซึ่งเขาจะเขียนว่า เรื่อง “คุณนายขี้เหนียว” ผู้แสดง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล เป็นคุณนาย กนกวรรณ บุรานนท์ เป็น อีแจ๋ว อันนี้คนเริ่มติดแล้วว่า อ๋อ คนนี้คือ กนกวรรณ คนรู้จักปูจาก สามคนอลเวง เพราะมีการบอกชื่อตัวแสดง บทที่ได้รับตลอดในทุกเรื่องที่เรามี พอมาเล่นละครเรื่องนี้ปุ๊บ จากที่เคยบอกว่าสามเดือนมีงานครั้งหนึ่ง กลายเป็นวันหนึ่งมี 2 3 4 5 ….. โอ้โห ชีวิตเปลี่ยนอีก นั่งวินมอเตอร์ไซค์เป็นว่าเล่น อ่านสปอร์ตเสร็จไปเป็นพิธีกรเพลงให้กับ RS คือรับงานเยอะมาก ขนาดว่าไม่มีเวลาไปเอาเงินเดือนค่ะ 2 เดือนไปเอาทีหนึ่ง เพราะเราไม่ว่างตลอด ชีวิตไม่เคยเจอ จากที่ไม่มีงานแล้วต้องมีงานแน่นขนาดนี้ ก็เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่ค่ะ พอเสร็จจากละคร “สามคนอลเวง” มีเดียทำรายการ “555” เขาเห็นเราจาก “สามคนอลเวง” แล้วเขาก็เลือกเราไปเป็นพิธีกร ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียว และเป็นจุดเริ่มต้นของการเจอพี่เด๋อ ดอกสะเดา
l เพจเจอร์สื่อรัก
เมื่อก่อนจะมีเพจเจอร์ พี่เด๋อส่งหาเราอยู่ 2 ปี ไม่ลงชื่อว่าเป็นใคร ทำงานอยู่ที่ไหน เหนื่อยไหม กินข้าวหรือยัง ซึ่งเราไม่รู้ว่าใคร และไม่ได้สืบหาว่าใครด้วย เป็นเวลา 2 ปี ที่ชีวิตมีความสุขมาก เพราะเวลาไปถ่ายละครก็จะมีพระรองมาคอยถามไถ่ พี่ปูกินน้ำไหม ร้อนหรือเปล่า เราก็จะแอบคิดมโนของตัวเองไปว่า เอ๊ะใช่คนนี้หรือเปล่า แล้วตอนนั้นทำหลายเรื่องด้วย ละคร พิธีกรอีก เราปลื้มเพจเจอร์อยู่แบบนั้นแหละ เคยเล่าให้พี่เด๋อฟังด้วยนะ คือเราก็บอกทุกคนแหละ เพจเจอร์ดัง เราก็อวด เพราะเราปลื้มมีคนมาแอบชอบเรา แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครนะ (หัวเราะ) มีความสุขมาก
l พรายกระซิบเฉลยตัวหนุ่มปริศนา
พี่ตือ (สุวพันธ์ อุบลชาติ) ภรรยาของ พี่เด่น ดอกประดู่ เขาจะชอบเขียนบทให้คู่กัน เราก็คิดว่าเขาแหย่เล่นเฉยๆ ในรายการไม่มีอะไรหรอกมั้ง และอีกอย่างพี่เด๋อ กับพี่เด่น สนิทกัน และพี่ตุ๊ก-ดวงตา ก็เคยพูดแซวในรายการ “สี่ทุ่มสแควร์” ว่า อุ๊ยตุ๊กก็ไม่ได้ดีไม่ได้น่ารัก เหมือน ปู- กนกวรรณ นิ เราก็เคยดูและเห็นก็คิดว่าเฮ้ย...ซวยแล้วมาอะไรกับฉันหรือเปล่า? ประมาณนี้ แต่ก็คิดว่าสงสัยเวลาเราทำงานเราจะคุยกับพี่เด๋อบ่อย คนเขาอาจจะเห็น เราก็ไม่คิดอะไร คนอื่นก็จะมากระซิบว่า ดูๆ พี่เด๋อหน่อยนะ คือจริงๆ อ่ะพี่เด๋อเขาไปบอกพี่ตือให้ช่วยเชียร์หน่อย บอกพี่ตุ๊ก-ดวงตา ด้วย ตอนนั้นเขาเล่นละครด้วยกัน เขาบอกพี่ตู่แต่งหน้า รายการ สี่ทุ่มสแควร์ เพราะพี่ตู่แต่งหน้าปูในรายการ 555 ที่เป็นพิธีกร เขาก็จะถามว่าทำไมไม่ไปบอกด้วยตัวเอง เขาก็จะบอกว่า กลัวปาก เพราะเขาอาจจะเห็นปูเป็นแบบนี้ไง เป็นคนพูดตรงๆ เขาก็เลยกลัว คือทุกคนรู้หมดเขาบอกหมด ยกเว้นปูนี่แหละ สุดท้ายเขาคงอัดอั้นทนไม่ไหวส่งเพจมาว่า อยากให้อาทิตย์หนึ่งมีวันศุกร์ 7 วัน เพราะว่าอัดรายการด้วยกันวันศุกร์ นั่นไง! เราก็เอ๊ะ! วันศุกร์ฉันไปไหน อ้าววันศุกร์อัด รายการ 555 นี่หว่า อุ๊ย... ใช่เปล่า? เพราะว่าก่อนหน้านั้นคนนี้ก็พูด คนนั้นก็พูด เลยให้พี่ตู่แต่งหน้าไปถามให้หนูหน่อยว่าใช่เขาหรือเปล่า เขาก็ไปถาม แล้วก็บอกว่า ใช่ (พอรู้ปุ๊บ?) ความฝันความหวังมลายสิ้น (หัวเราะร่วน) ไม่ใช่ๆ โล่งใจค่ะ ว่าไม่ต้องคอยลุ้นให้ปวดหัว คือ สองปีส่งได้ทุกวัน
l ชีวิตคู่เริ่มต้น
เราเข้ากันได้เร็ว เพราะเราโทร.หาเขาได้ 24 ชั่วโมง คือด้วยวงจรชีวิตพี่เด๋อที่เล่นคาเฟ่ แล้วต้องนอนดึก ส่วนปูไปถ่ายละครเลิกกองตีสองตีสาม เรายังโทร.หาเขาได้เลย วงจรชีวิตคล้ายๆ กัน เป็นเหมือนเพื่อนกัน อยู่ในวงการอาชีพเดียวกันเพราะฉะนั้นจะรู้ว่าช่วงไหนฉันเหนื่อย ช่วงไหนอะไรยังไง เข้าใจกันและกัน และพ่อแม่เราก็ตายหมดแล้ว แก่แล้วก็เราสองคนก็อยู่ดูแลกันต่อไป ปูอยู่กับพี่เด๋อตั้งแต่อายุ 30 นะ จนตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันมา 18 ปี แล้วค่ะ (มีช่องว่างระหว่างวัยไหมคะเห็นอายุห่างกัน 15 ปี) เราไม่ได้คิดเรื่องอายุค่ะ เราคิดแค่ว่ารู้นิสัยกัน และเราก็ไม่ต้องมีอะไรที่ต้องมาคีฟคาแร็กเตอร์ไว้ เราก็เป็นเรา เพราะเราเคยร่วมงานกันมาก่อนแล้ว รู้จักกันมาก่อนแล้วก็จะสบายๆ
l สมาชิกใหม่ มาพร้อมกับอาชีพใหม่
เป็นลูกหลงค่ะ ไม่ได้วางแผน เขามาปีที่ 8 แล้ว คือก่อนหน้านี้ก็ตั้งใจจะมีลูกอยู่แล้ว ไม่เคยคุมกำเนิด มีก็มี ไม่มีก็ไม่เป็นไร พอผ่าน 2 ปี ไปไม่มี ก็คิดว่าไม่มีแล้วล่ะ ก็อยู่กันไป อยู่ดีคืนดีปีที่ 8 ท้อง พอท้องแล้วไม่มีงาน จากที่เคยมีงานทุกวันพอท้อง 6 เดือนปุ๊บมีละครติดต่อเข้ามาให้ไปเล่นก็รับไม่ได้ ก็เลยอยู่กับบ้านเฉยๆ เกิดความฟุ้งซ่าน แล้วที่ช่อง 3 แต่ก่อนเขาจะมีออกบูธดารางานกาชาด พี่ดำเขาก็โทร.มาชวนบอกว่า ปู ไปขายของไหม เช่าบูธของช่อง 3 เราก็ไปพี่ ไปๆ จองไปบูธหนึ่งโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร ขอให้ดิฉันได้ออกจากบ้านก่อน ดิฉันเบื่อมาก ตอนนั้นท้อง 6 เดือนครึ่ง ก็นั่งคิดกันกับพี่เด๋อว่า เราจะทำอะไรดี? คนอื่นเขาก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองกัน ขายก๋วยเตี๋ยว ขายน้ำพริก ขายน้ำองุ่น แล้วเราล่ะ แล้วก็คิดได้ว่าตอนเด็กๆ เราชอบกินลูกชิ้น ทำง่ายแค่รับลูกชิ้นมาเสียบปิ้งขาย โอเคตกลงเอาอันนี้แหละ ง่ายและสนุกดี เริ่มด้วยไปซื้อเตาปิ้งหมูสะเต๊ะในตลาด 250 บาท 1 เตา รับลูกชิ้นเพื่อนพี่เด๋อ ที่ตัวเรากินเองแล้วคิดว่าโอเค อร่อย รับมาเสียบไม้ปิ้งขาย รับน้ำจิ้มมา ตอนนั้น 9 วัน ขายได้ 4 แสน คือคนเยอะมาก งานกาชาด กำไร 230,000 บาท เกิดความรู้สึกว่า เฮ้ย! ท่าจะเวิร์ก นี่ขนาดเราไปรับเขามานะ เรายังได้กำไรขนาดนี้ ถ้าเราทำของเราเองล่ะ เราจะต้องได้กำไรมากกว่านี้สิ เพราะต้นทุนจะต้องลดลงไปอีก เราก็มานั่งคิดกัน เราเห็นลูกชิ้นกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อของปูพากย์หนังที่โพธาราม ก็จะมีรถเข็นลูกชิ้นขาย แล้วตอนนี้ล่ะ 40-60 ปีแล้วยังไม่วายไปจากตลาด ลูกชิ้น ยังอยู่ในตลาด และอีกอย่างลูกชิ้นดิ้นได้คือ ปิ้งก็ได้ ยำ ทอด แกงจืด เกาเหลา ทำได้หมด เราก็แบบ ได้ไอเดียแล้ว!!
l ตั้งต้นธุรกิจด้วยเงินสองแสน
เงินที่ได้มาตอนนั้นเอามาซื้อเครื่องทำลูกชิ้นหมดเลยค่ะ แต่พอมีเครื่อง เราก็ทำไม่เป็น โทร.กลับหาน้าที่โพธารามบ้านเกิด เพราะที่นั่นจะมีโรงงานลูกชิ้น เราก็ไปพูดกับเขาตรงๆ บอกว่า สอนให้หน่อย ปูไม่รู้ว่าทำไมลูกชิ้นมันออกมาเป็นลูกๆ ปูไม่ได้มาขายแข่งกับคุณนะ หรือเอาสูตรคุณด้วย ปูจะขายเฉพาะงานช่อง 3 เพราะเมื่อก่อนจะมีวิกสามพระรามสี่ โปรโมทละครสองเดือนครั้ง ไปตามห้างต่างๆ เราจะทำแบบนี้และเราก็คิดแล้วว่าเราจะได้เงินแน่ๆ เขาก็มาสอนค่ะ โดยที่ไม่คิดตังค์เลย แม้แต่สลึงเดียว ทำให้รู้ว่า อ๋อ... ต้องเอาหมูไปตีกับน้ำแข็ง ถ่ายวีดีโอไว้ ทุกวันนี้ลูกชิ้นปูเด๋อส่งทั่วประเทศ แต่ไม่ส่งที่โพธารามที่เดียว เพราะว่าเขามีพระคุณกับเรามากๆ ค่ะ เวลากลับบ้านก็จะมีกระเช้า มีของไปขอบคุณเพื่อระลึกถึงเขาอยู่เสมอ
เมื่อเรารู้วิธีทำแล้ว เราก็มาปรับสูตรเอง เป็นของเรา ได้ยินมาว่า ลูกชิ้นข้างบ้านเขาใส่แป้งสาลี เราก็เข้าซูเปอร์มาร์เก็ตไปซื้อแป้งสาลี โดยที่ไม่รู้ว่าในปริมาณเท่าไหร่ที่เขาใช้ทำ แต่เครื่องมืออยู่กับเราไม่เป็นไร เราก็จดสูตรซึ่งสมุดสูตรจะหนามาก วันหนึ่งใช้หมูทีละ 10 กิโล เพราะถ้าหมูน้อยเครื่องจะไม่บีบ ครั้งแรกผลที่ได้ ห่วยแตก ก็ปรับกันไปใช้เวลา 8 เดือน กว่าจะได้ลูกชิ้นที่อร่อยแบบไม่ใส่ผงชูรส เพราะที่บ้านปูไม่กินผงชูรส ลูกชิ้นปูไม่มีอะไรเลยค่ะ ใส่เกลืออย่างเดียว แป้งมีนิดหน่อย นอกนั้นหมูล้วนค่ะ ปูถือว่าหนึ่งเราเป็นนักแสดงถ้าเราทำไม่ดี คนกินเขารู้ คนที่ทำอาชีพเดียวกันเขารู้ เราจะต้องโดนด่าสองเท่า เพราะเราเอาชื่อเสียงดารามาหากิน หลอกลวงประชาชน ก็เลยปฏิญาณตนว่าทำให้ดีที่สุด ขายแพงกว่าเจ้าอื่นไม่เป็นไร แต่ต้องดี ลูกชิ้นปูขายแพงกว่าเจ้าอื่นค่ะ
l จากนักแสดงมาเป็นแม่ค้าขายลูกชิ้น
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรค่ะ มันเกิดวิกฤติคือท้องนะคะ แล้วไม่มีงาน จะให้เราทำยังไง แล้วเราก็ย้อนไปถึงพ่อเรา พ่อเราพากย์หนังที่โพธาราม พ่อจะมีตังค์ก็ต่อเมื่อมีหนังพากย์ วันหนึ่งเสียงในฟิล์มจากกรุงเทพฯไป โพธาราม พ่อคิดว่าจะได้พากย์ ก็ไม่ได้แล้ว นั่นคือตังค์เลี้ยงลูกไม่มีแล้ว ในขณะที่ข้างบ้านขายกล้วยปิ้งลูกละสลึง เขามีตังค์ให้ลูกไปโรงเรียนทุกวัน ซื้อจักรยานให้ลูก ในขณะที่ปูใครๆ ก็รู้จักทั่วโพธารามเลยนะ แต่ไม่มีตังค์ไปโรงเรียน เราก็ไม่อยากให้ชีวิตลูกเราเหมือนเราตอนเด็กๆ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าค้าขายเพอร์เฟกท์สุด ขายอะไรก็ได้ มันมีเงินหมุนให้ลูกไปโรงเรียน
l ชื่อเสียงช่วยผลักดันยอดขาย
ของของคุณต้องดีด้วยนะคะ ถ้าของไม่ดี จะแวบเดียว คือเราต้องทำให้ได้ ไม่เหมือนคนอื่น ลูกชิ้นที่มีชื่อเสียงมีอยู่มากมายหลายเจ้าที่เขาอยู่มานาน ฉะนั้นเราจะสร้างความแตกต่างให้ลูกชิ้นเรายังไง คนมักจะถามว่าจุดเด่นคืออะไร คือ เป็นหมูล้วนค่ะ ขายแพงก็ขายไปเถอะค่ะ เดี๋ยวผู้บริโภคเขาตัดสินใจเลือกเอง และในหัวก็ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชิ้นฉันจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ดีมีชื่อเสียงติดอันดับอะไร ไม่เคยคิดไปแข่งกับใคร คิดแต่จะเลี้ยงลูกอย่างเดียว สูตรใครก็สูตรใคร แล้วแต่ผู้บริโภค เราจะไม่กดดัน ขายไปทำไป
l ความหวงและห่วงที่มีต่อลูกคนเดียว
ห่วงสิ่งแวดล้อมมากกว่าค่ะ เพราะยุคสมัยเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป ห่วงคลิปที่สุด กลัวลูกโดนคลิปในห้องน้ำ เพราะมันทำลายชีวิตคนได้เลย เดี๋ยวนี้เร็วมาก กดไปทีเดียวเป็นหมื่นเป็นแสน แต่เราจะไม่ปิดกั้นลูกนะว่าห้ามๆ เราจะคอยบอกสอนให้ลูกคิดเองแยกแยะให้ออก คำพูดคำหยาบได้ยินไปเลยลูก แต่คิดเองว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด ชีวิตไม่มีกลาง มีถูกผิดแค่นั้นจบ
l วางแผนอนาคตลูก
ชีวิตเป็นของเขาค่ะ เราเหมือนต้นไม้ต้นใหญ่ ลูกก็เป็นต้นเล็กๆ เวลาที่เขาโตขึ้นกิ่งก้านอาจจะไปเกะกะรบกวนคนอื่น เราก็ต้องคอยตัดคอยริบให้เขาอยู่ในกรอบ วางให้เขา แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเขาจะเป็นอะไร จะเข้าวงการหรือเปล่ามีอาชีพอะไรก็เรื่องของเขา (สานต่อธุรกิจลูกชิ้นไหม?) ถ้าทำได้ก็ดีค่ะ เป็นอาชีพที่เลี้ยงส่งเสียเขามา แต่ถ้าเขาไม่ชอบ อยากจะเป็นอาร์ติสท์ก็เป็นไปเถอะค่ะ ชีวิตของเขา ตอนนี้ที่เห็นแววคือ ชอบร้องเพลงกับเต้น แต่ไม่ชอบการแสดง เสียงเขาก็จะคล้ายๆ ปู พาไปเรียนทุกอย่าง ให้เธอเลือกเองว่าชอบแบบไหน (แล้วชีวิตของคุณแม่ปู-กนกวรรณ?) ปูอายุเยอะแล้วค่ะ ทำอะไรเรื่อยๆ ไปแบบนี้แหละค่ะ ละครก็รับเล่นปกติ ลูกชิ้นก็ทำไป แต่บางครั้งที่ว่างๆ เหงาๆ ก็ไปเรียนทำไส้กรอก เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ค่ะ
ขยันทำ ขยันคิด แบบนี้มีหวังว่าอีกไม่นานเราคงจะได้ทาน ไส้กรอกปูเด๋อ เพิ่มขึ้นอีกเมนูนะคะพี่ปู ส่วนใครที่คิดถึงงานแสดงของพี่ปูก็เปิดดูได้ “ทอฝันกับมาวิน” ทางช่อง One สนุกและกลมกล่อมไม่แพ้ลูกชิ้นปูเด๋อของเธอเลยค่ะ
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี