จากอาชีพนักแสดง สู่บทบาทการเป็นภรรยานักการเมือง และการเป็นคุณแม่ “สตาร์เรโทร” สัปดาห์นี้นำทุกท่านไปอิ่มเอมกับความรักความอบอุ่นของ “นุสบา ปุณณกันต์” และครอบครัว
✪ กระแสตอบรับจากบทหญิงใหญ่ แห่งบ้านทรายทอง พจมาน สว่างวงศ์?
เป็นละครรีเมคที่มีรายละเอียดแตกต่าง โดยเฉพาะคาแร็กเตอร์หญิงใหญ่ที่นุสเล่น ต้องพยายามทำการบ้านพอสมควร เพื่อถ่ายทอดออกมาให้เป็นหญิงใหญ่ที่ยังคงตามบทประพันธ์ ดีใจค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครอมตะซึ่งมีความคลาสสิก ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ก็สะท้อนให้เห็นว่านี่คือวิถีแบบไทยจริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะมีความกดดัน ถือเป็นเกียรติกับเราที่ได้เล่นผลงานประพันธ์ชิ้นเอกของคุณ ก.สุรางคนางค์ แล้วก็มีการรีเมคมาหลายยุคหลายสมัย เป็นวรรณกรรมที่คนจะเอาไปพูดถึงหลังจากนั้นอีกหลายต่อหลายปี รู้สึกดีใจที่เราได้เข้าไปอยู่ในวรรณกรรมของละครชุดนี้ นุสเชื่อว่าใครจะเล่นบทไหนก็ตาม แต่หลังจากนั้นอีกสิบ-ยี่สิบปี คนเขาก็จะพูดถึง เหมือนที่เรายังจำได้สมัยที่เป็นหนังว่ามีใครบ้างที่เล่น ทีนี้ก็จะมีชื่อเราในนั้นแล้ว ดูอยู่บนหิ้งดีค่ะ (หัวเราะ)
✪ อีกหนึ่งความภาคภูมิใจระดับเอเชีย ?
นุสเพิ่งได้รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากละครเรื่อง “ลีลาวดีเพลิง” ในการประกาศผลรางวัล Asian Television Award 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครทำเป็นละครมาก่อน เป็นนิยายที่เก๋มาก คือสนุกมาก เป็นแนวสืบสวนฆาตกรรมลึกลับซับซ้อน และตัวละครที่นุสเล่นค่อนข้างซับซ้อนมาก พลิกตอนท้าย ช่วงแรกต้องเล่นให้คนคิดว่าเราเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของการตายทั้งหมด แต่ตอนจบพลิกว่าเป็นคนที่ดีที่สุดแล้วก็เพราะรักลูกรักครอบครัว เป็นอีกศาสตร์หนึ่งของละครที่
นุสได้ฝึกฝนในการบาลานซ์ข้างนอกกับข้างในไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อน เพราะละครไทยไม่ค่อยมีบทบาทแบบนี้ด้วย ซึ่งเรตติ้งที่ออกมาก็คือดีมาก แฟนของกิ่งฉัตรก็เยอะ เขาเขียนได้สนุกมาก มีการพลิกเกมส์ไปเรื่อยๆ เล่นละครนุสจะดูเรตติ้งตลอดเลย ถามทางช่องทางทีมงานบ้าง เพราะเราอยากรู้ว่าฟีดแบ๊กเราเป็นยังไง มีคนสนใจไหมเขาดูรู้เรื่องไหม ชอบกันไหม เหมือนเราสอบ แล้วอยากดูสมุดพก (หัวเราะ) ถ้าไม่ดีเราก็จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขในซีนต่อไป พอเราได้รางวัล นุสก็ถามเขาเหมือนกันว่าดูจากอะไร คือช่องเป็นคนส่งไปค่ะ ซึ่งส่งเยอะมาก ทุกช่องส่งหมดใครมีของดีก็พยายามส่ง นุสเชื่อว่าเราในฐานะละครไทยก็อยากจะไปสร้างชื่อยังต่างประเทศ แต่ก็ไปโดยที่เราไม่รู้เลยว่าเราจะได้หรือไม่ได้รางวัล สาบานเลยว่าไม่รู้ ซึ่งอยากรู้มาก เพราะว่าการที่เราไปเวทีอย่างนั้น เราต้องเตรียมตัว เท่าที่ไปสัมผัสเหมือนเขามองว่านักแสดงละครไทยเล่นแต่ในเมืองไทย แต่พอไปเวทีสากลแล้วเรื่องของการเอ็กซ์โพสตัวเองยังสู้เขาไม่ได้ สิงคโปร์เป็นประเทศที่ชาติตะวันตกมาลงทุนเยอะ ละครเขาไม่ได้เก่งกว่าเรา แต่ว่าบุคลากรและการสื่อสารเขาง่ายกว่าค่ะ
✪ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ?
นุสเข้าวงการมาตั้งแต่ประมาณ ปี พ.ศ. 2534-2535 เรียกว่าเกินความคาดหมายมาก เพราะว่าตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นนักแสดง คิดว่าอยากไปทำงานเป็นทูต เพราะว่าชอบภาษา พอเข้าวงการ เราก็คิดว่าเล่นแค่เรื่องเดียว“รักในรอยแค้น” ก็คงจะไม่มีต่อแล้วมั้ง คงจะเป็นเรื่องเดียวและเรื่องสุดท้าย และกลับไปเรียน เพราะว่าเรียนหนักมาก ตอนนั้นเรียนอักษร จุฬาฯ สุดท้ายก็ดูสิคะ ยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนโชคชะตาชีวิตเรา ถูกกำหนดไว้แล้ว ถ้าดวงชะตาเราจะต้องเป็นก็ต้องเป็น นุสเคยแว่บไปทำงานประจำเหมือนกัน ตอนที่เรียนจบใหม่ๆ อยากลองว่าสมมุติถ้าเราตัดใจจากตรงนี้ไปเผื่อตรงนั้นจะใช่ สุดท้ายระหว่างทำงานก็ถูกเรียกกลับมาเล่นละคร และก็ใจอ่อน ตอนนั้นทำงานบริษัทเกี่ยวกับไมโครชิพเป็นบริษัทฝรั่ง ก็ชอบนะคะทำไปได้ 2 ปี แต่ทำในลักษณะไม่ได้ยืนขาเดียวยังแว่บมาเล่นละคร เลยทำให้เห็นว่าเป็นอะไรที่ตัดไม่ขาด หรือแม้กระทั่งไปมีครอบครัวแล้ว มีลูกยั้วเยี้ย (หัวเราะ) ก็กลับมาอีก ยังอยู่โยง(หัวเราะ)
✪ ภาพสาวผมหยิกที่ทุกคนจดจำได้ ?
นุสเป็นคนธรรมชาติๆ ไม่แต่งตัวแบบบูติกประโคม ชอบผจญภัยท่องเที่ยวพเนจร ชอบเขียนหนังสือ ชอบไปขวนขวายอะไรที่เป็นโลกภายนอก เพราะว่าชอบเปิดโลกทัศน์ เลยมีเพื่อนต่างชาติเยอะ นุสเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวเยอะไม่ค่อยออกงานสังคม เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้วคือถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เราเกรงใจแล้วไปช่วย ก็จะไม่ค่อยไปถ่ายรูปแล้วลงหนังสือ จนบางคนเขาเลิกชวนไปแล้ว แต่กับสังคมในกองถ่ายก็สนุกสนาน ถ้าไม่ได้ต้องใช้สมาธิกับบท เวลาอยู่กับทีมงานก็จะแหย่ล้อเล่นกัน นี่คือโลกของนุสค่ะ
✪ กับคู่ขวัญทางการแสดง ?
น่าจะเป็น พี่แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเล่นรักในรอยแค้น, เคหาสน์ดาว และ มังกรเดียวดาย ด้วยกัน 3 เรื่อง นอกนั้นก็เป็นรับเชิญบ้าง เราเหมือนเป็นพี่น้องที่ร่วมงานกัน เพราะว่าตอนนั้นพี่แท่งก็อาวุโสกว่านุสเยอะนะ นุสยังเรียนหนังสืออยู่เลย เราเข้ามายังงงๆ ทำตัวไม่ถูก วางตัวไม่เป็น มาแบบเด็กเนิร์ดค่ะ ว่างพักก็นั่งอ่านหนังสือ ไม่ได้เก๊ก ไม่ได้แอ๊บนะคะ แต่ว่าเรียนหนักจริงๆ พ่อแม่ก็บอกว่าเล่นละครได้แต่ห้ามให้การเรียนเสีย เราก็รับปากสัญญา เลยกดดัน อีกทั้งเพื่อนและครูก็จับตามอง เพราะสมัยก่อนไม่ค่อยมีจากเด็กเนิร์ดเรียนหนักๆ มาเป็นนางเอกละคร เลยเป็นแรงกดดันให้เราขยัน จนได้เกียรตินิยมมา แต่ต้องขยันหัวฟูเลยนะคุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) คนอื่นเขาจะคิดว่าเราหยิ่งแต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก คือภาระเราเยอะค่ะ
✪ พรสวรรค์ในการแสดง ?
กลายเป็นว่าเราชอบ รู้สึกว่าเราไม่ต้องพยายามหนักหนาสาหัส หรือต้องท่องบททั้งวันทั้งคืน อาจจะเพราะพรสวรรค์และความสามารถบวกกัน เราสามารถคิดและเรียบเรียงแล้วแสดงออกมาได้อย่างง่าย โดยที่ไม่รู้สึกว่าเครียดหรือเป็นภาระ เราก็เล่นสบายๆ และนุสไม่เล่นอะไรที่มันเค้นเกิน เป็นอารมณ์ที่เรารู้สึกจริงๆ อย่างเรื่อง “เถ้ากุหลาบ” ก็เครียดเพราะนางเอกเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด มีความกดดัน แก้แค้นแทนพ่อ “คุณหญิงนอกทำเนียบ” ก็หนัก นุสมักจะเจอเรื่องหนักๆ ไม่รู้เป็นไง ไม่ค่อยได้เล่นเรื่องเบาๆ ซึ่งเคยขอไปหลายครั้ง เราก็เป็นคนขำๆ ฮาๆ ซึ่งพี่บอยก็บอกว่าในวัยนุสตอนนั้นคนที่เล่นบทหนักๆ ไม่ค่อยมีใคร แต่ที่เล่นขำๆ มีเยอะ
✪ ผลงานสุดประทับใจ ?
นุสประทับใจทุกเรื่องนะคะ คือการรับงานจะต้องเกิดจากพื้นฐานคืออ่านแล้วรู้สึกเห็นอนาคตของตัวละคร เราเล่นแล้วเราสนุกกับมัน ตั้งแต่เด็กรับเรื่องไหน เราต้องอ่านแล้วรู้สึก เฮ้ย! มันใช่เลย มันสามารถที่จะขยายเล่นไปได้แบบนั้นแบบนี้ แต่ที่ส่งมานุสก็ไม่ได้รับทุกเรื่อง บางเรื่องรู้สึกว่ามันไปไม่ได้ เราไม่รู้จะเล่นอะไร ก็ไม่ได้รับ เลือกบทที่เข้ากับเรา ใจเราต้องรู้สึกอินสนุกกับมัน เพราะเราต้องอยู่กับมันเป็นเดือนๆ เป็นคนชอบทำอะไรท้าทาย รุ่นหลังๆ มาเนี่ย “ลีลาวดีเพลิง” ถือว่าเป็นละครที่นุสประทับใจที่สุด ถ้าย้อนไปเรื่องแรก “รักในรอยแค้น” ก็ประทับใจเพราะว่าเป็นเรื่องแรก ส่วนเรื่อง “คุณหญิงนอกทำเนียบ” นุสได้เล่นถึง 2 เวอร์ชั่น คือครั้งแรกได้เล่นเป็นตัวศจี ที่เป็นนางเอก และอีกครั้งที่ช่อง 8 นำมารีเมค เราได้เล่นเป็นคุณหญิงอรุณวตี ซึ่งแต่ก่อนนุสคิดว่าจะไม่เล่นรีเมคละครที่ตัวเองเคยเล่นไว้ เพราะเราเล่นไปแล้ว ก็สุดๆ ของเราแล้ว เลยไม่อยากกลับมาเสี่ยง อย่างเรื่องนี้ที่นุสเล่น เพราะว่าเป็นบทที่ส่ง คือตัวละครหลักๆ มีอยู่ 3 ตัว การที่เรากลับมาเล่นอีกครั้ง ไม่ได้น่าเกลียดเลย ตอนที่พี่แก้วเล่นเขาก็พีคมากจากลำยอง เขาก็ดันเราส่งเราไว้ดีมาก นุสก็ประทับใจเพราะว่าเป็นเรื่องแรกที่มาเล่นช่อง 7 และเป็นเรื่องที่ดีมากๆ จนกระทั่งป้าอี๊ด-ทมยันตี เคยบอกว่าเขามองไม่เห็นใครเลยนอกจากนุส นุสเป็นตัวศจีที่ใช่มากผู้ประพันธ์บทมาพูดกับเราแบบนี้ มันยิ่งกว่ารางวัลอีก ถ้าคนอื่นพูดจะเฉยๆ เลยจำมากเรื่องนี้ จะมีการรีเมคอีกไหม ใครจะมาเล่นตัวที่เราเล่น รอมาเป็นเวลา 20 ปี เลยถือว่า “รักในรอยแค้น” กับ “คุณหญิงนอกทำเนียบ” เป็น 2 เรื่องที่ประทับใจ (การข้ามมาร่วมงานกับช่อง 7 ?) นุสเป็นนักแสดงที่ไม่เคยเซ็นสัญญา แต่ว่ามีอะไรก็จะปรึกษาหารือพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) แล้วการที่มาเล่นก็ปรึกษาหลายคน ส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุน เพราะเป็นบทที่ดีและช่อง 7 ก็มีความแข็งแรง และดีกับเราตรงที่ตลาดกว้างขึ้น เพราะว่า “รักในรอยแค้น” พีคจริง แต่ว่าเป็นการเปิดตลาดเมืองและคนรุ่นใหม่ ส่วนตลาดของช่อง 7 จะกว้างกว่า เราก็เลยทำงาน 2 ระบบสลับกันตลอด เอาเทคนิคของอีกที่มาปรับใช้ เป็นการหล่อหลอม ผสมผสาน นุสว่าไม่ค่อยมีใครได้ทำแบบนี้หรอก ถ้าเล่นสไตล์เอ็กแซ็กท์ จะไม่เหมือนกับช่อง 7 เราต้องปรับตัวให้ได้เหมือนมี 2 โหมดค่ะ
✪ บทบาทการเป็นคุณแม่ ?
นุสเลี้ยงลูกเองค่ะ ลูกชาย 2 คน น้องปุณณ์อายุ 15 เป็นหนุ่มแล้ว ตัวสูงกว่านุสอีก เวลาไปเดินเที่ยวเหมือนนุสไปเดินกับชายหนุ่ม เสียงแหลมๆหายไปแล้ว มาแบบตัวยักษ์ใหญ่ เวลาเราโอบ เรากอด ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่เหมือนเด็กน้อยของเราแล้ว ส่วนกับน้องกันต์ 8 ขวบ ยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันได้อยู่ค่ะ เราจะให้เวลากับลูกเต็มที่ นุสเป็นแม่ที่สอนหนังสือลูกเองด้วยนะ ตั้งแต่ที่เขาเด็กๆ ทั้งคู่ สอนแบบจริงจังเลย เพียงแต่ว่าพอโตขึ้นเขาจะมีอะไรที่ยากขึ้น เวลาเราน้อยลง หรือไม่ก็เขาจะมีความเกรงอกเกรงใจ เหมือนกับพอเป็นแม่มาสอนลูกในวัยที่กำลังวัยรุ่น เราจะรู้สึกว่าให้ครูที่เป็นติวเตอร์หรือครูที่โรงเรียนอบรมสั่งสอนดีกว่า เขาจะได้ถามได้ทุกเรื่องโดยไม่ต้องรู้สึกว่า เดี๋ยวตอบผิด แล้วแม่จะด่าไปสิบวัน (คุณแม่ดุขนาดนั้นเลย ?) ไม่ค่ะ เขาคิดเองเหมือนสมัยเราเด็กๆ เราก็ไม่อยากเรียนกับแม่ เดี๋ยวแม่จะรู้ว่าเราแข็งอ่อนอะไร แล้วก็จะเอาไปบ่น คิดฝังใจว่าเราไม่เก่ง นุสก็เข้าใจตรงนี้เลยให้เขาเรียนกับครูในช่วงที่เขาโตค่ะ นุสจะชอบอ่านหนังสืออ่านนิทานให้ลูกฟังท่องศัพท์ให้ความรู้เขาเท่าที่เราจะให้ได้
✪ สไตล์ในแบบน้องปุณณ์ น้องกันต์ ?
เขาเป็นคนว่านอนสอนง่าย อ่อนโยน เข้าสังคมมนุษยสัมพันธ์ดีมากกับทุกรุ่นทุกวัย เป็นคนไนซ์ หาเรื่องคุยได้ กับผู้ใหญ่เขาก็เข้าได้ กับรุ่นเด็กก็คุย ดูแลมีน้ำใจกับเพื่อน นุสถึงไม่แปลกใจที่ปุณณ์มีเพื่อนเยอะมาก เวลาไปเรียนต่างประเทศก็เอาตัวรอดได้ แม้แต่ครูฝรั่งก็รัก ไม่ได้รักเพราะซนหรือน่ารักนะคะ แต่เขามีความเป็นผู้ใหญ่เกินเด็ก คอยดูแลเป็นตัวแทนไปแข่งกีฬา ครูก็แฮปปี้ยิ้ม (ปลูกฝังเขายังไง ?) นุสคิดว่าครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องให้เขาเจอคนเยอะๆ การที่ลูกได้อยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่ก็มีส่วน เขาได้ซึมซับ เขาไม่เขิน ไม่รู้สึกว่าตัวเองประหลาด รู้ว่าผู้ใหญ่ชอบอะไร เราจะต้องคุยเรื่องอะไร ส่วนคนเล็กอาจจะยังเด็กอยู่ มีความแก่นเป็นตัวของตัวเอง มีอารมณ์ดื้อ ไม่ว่านอนสอนง่ายเหมือนพี่ แตกต่างกันเลย 2 คนพี่น้อง นุสไม่ได้มีกรอบสำหรับเขามากนะให้เขาเป็นตัวของตัวเอง ในวัยเด็กให้มั่นใจในสิ่งที่ทำ กล้าคิดกล้าทำ แต่ทั้งคู่นุสจะสอนแบบไทยๆ แม้ว่าจะไปอยู่เมืองนอกบ้าง เรียนโรงเรียนอินเตอร์ แต่ให้เขามีความเป็นไทย เจอใครก็มือไม้อ่อนไหว้ทุกคน อยู่บ้านต้องพูดไทย ไม่ใช่ติดพูดฝรั่งคำไทยคำ ไม่เอาไม่ชอบ และต้องเรียนรู้วัฒนธรรมไทยทุกวันนี้อย่างคนเล็กนุสนั่งอ่านสุดสาครให้ลูกฟัง ซื้อหนังสือที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยมาให้เขาอ่าน ปลูกฝังเรื่องสถาบันความจงรักภักดีก็จะอ่านให้เขาฟัง อ่านไปหันมาอีกทีหลับ แต่ไม่เป็นไร ค่อยอ่านอีกวัน ค่อยๆ ซึมซับไปนุสเชื่อว่าเราเป็นคนไทยอย่างน้อยเราก็อยากให้ลูกเรามีวัฒนธรรมแบบไทยๆ ไม่ใช่ถูกกลืนกันไปหมด
✪ เริ่มฉายแววตามคุณพ่อ-คุณแม่บ้างหรือยัง ?
ต้องดูก่อนนะคะว่าเขาชอบสไตล์ไหน ไม่รู้ว่าเขาจะไปสายการเมืองเหมือนพ่อเขา หรือจะมาสายนักแสดงแบบเราตอนนี้ยังดูไม่ออก เขาเหมือนมีจุดที่ไปได้ทั้ง 2 ทาง อาจจะเพราะว่าเขาเห็นพ่อแม่เป็นตัวอย่าง สำหรับคุณพ่อเขาสมัยนั้นก็เคยพาไปลงพื้นที่บ้าง เขาก็สนุกนะ ชอบเดินทักคนนั้นคนนี้ ไปหาเยี่ยมเยียนคนในหมู่บ้าน แต่แอบบ่นว่าเหนื่อยเนาะ (หัวเราะ) เราก็บอกว่าเห็นไหมไม่มีอะไรที่มันนั่งอยู่เฉยๆแล้วสบายหรอก (เคยพามากองถ่ายไหม?) เคยค่ะ คืออยากให้เขารู้ว่าแม่ทำงานยังไง จะได้รู้ว่าที่แม่กลับดึกเพราะอะไร วันหยุดทำไมไม่อยู่บ้าน ก็เลยพาไปดูตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้นไม่มาอีกเลย เขาบอกว่าไม่รู้จะทำอะไร พอเราไปทำงาน เขาก็นั่งอยู่เฉยๆ นั่งมองคนนั้นคนนี้ที ที่วิ่งเล่นก็ไม่มี เตะบอลก็ไม่ได้ เดี๋ยวไปโดนไฟเขา แต่ว่าเวลาไปถ่ายโฆษณาด้วยกัน เขารู้สึกสนุก แอบถามแม่ว่าหล่อหรือยัง เริ่มเป็นห่วงภาพตัวเอง เริ่มสังเกตว่าเราทำงานยังไง แล้วที่ถ่ายโฆษณาล่าสุดกับนุส โอวัลตินเขาก็เดินมาบอกนุสว่า “แม่...ยูอเมซิ่งมาก ทำได้ยังไง ปุณณ์ทำตั้งหลายเทคยังไม่ได้เลย แม่ทำไม่กี่ครั้งแป๊บเดียวผ่าน” เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร แต่สำหรับคนไม่เคย มันก็ยาก เขาก็ส่ายหัวบอกว่ามันยาก แต่พอเห็นผลงานแล้ว เขาก็ตื่นเต้น เป็นอะไรที่เขาได้เรียนรู้ได้ลอง ส่วนน้องกันต์อาจจะยังเด็ก ถ้าจะให้ทำอะไรต้องหลอกล่อ มีข้อต่อรอง แต่เขาก็ทำออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเก๊ก มีหลุดอะไรที่มีเสน่ห์ออกมาเองค่ะ
✪ คุณพ่อในแบบของ บี-พุทธิพงษ์ ?
เขาค่อนข้างมีระเบียบวินัย ลูกจะกลัวเขามากกว่า คือนุสจะเล่น เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน เขาเลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ถ้าจะดุก็คือจะอธิบายด้วยเหตุด้วยผล แล้วก็คุยเรื่องระเบียบวินัย แต่ถ้ายังไม่ฟังกันอีก นุสก็จะเดินไปฟ้องพี่บี เหมือนเราเป็นลูกคนโต พี่บีเลยมีลูก 3 คน (หัวเราะ) นุสเลี้ยงลูกได้ซนมาก พากันเล่นจนบางทีโดนดุทั้ง 3 คน เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ลูกก็จะรู้แกว บางครั้งไม่ฟัง นึกว่าเราอำเล่น เพราะว่าเราเล่นกันมากเกินไป แต่ถ้าพี่บีพูดนี่คือจบ
✪ บทบาทภรรยานักการเมือง ?
เวลาทำอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ได้หมายถึงว่าจะพิเศษนะคะ แต่ผลลัพธ์รับที่ออกไปจะกระทบกับความรู้สึกของคนได้ง่าย ได้ลึกกว่าถ้าเราทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องคิดให้ดี เพราะจะมีผลกระทบไปสู่ภาพรวมแล้วก็ทั้งองค์กร เลยต้องทำอะไรให้รอบคอบและละเอียด บางทีมากเกินไปก็ไม่ได้ น้อยเกินไปก็ไม่ดี ต้องหาจุดที่พอดีๆ อย่างจะทำตัวหวือหวามากเกินไป หรือทำตัวสบายๆเกินไปก็ไม่ได้ กาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องง่ายๆบางทีเรามองข้ามไป อาจจะกระทบความรู้สึกของคนก็ต้องระวัง พูดง่ายๆ ว่าเราจะต้องระวังตัวมากกว่าที่เราเป็นนักแสดงคนธรรมดา เพราะเราใส่หมวกอยู่สองใบ เวลาเขามีตำแหน่งเราก็ต้องทำตัวให้เหมาะสม ในใบที่เหมาะสม เวลาเราอยู่กับเขา เวลาเราเป็นนักแสดงเราก็ต้องสวมหมวกอีกใบให้มีความคุ้นเคยเข้ากับทุกคนได้ในฐานะนักแสดง
✪ โอกาสที่จะลงเล่นการเมือง ?
คนถามบ่อยมากค่ะ นุสก็จะตอบเหมือนกันทุกครั้งว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ถามวันนี้นุสยังไม่มีไอเดีย ยังไม่คิดถึงตรงนั้น เพราะว่ายังสนุกกับการเป็นนักแสดง แล้วก็ยังรู้สึกผูกพันและรักในงานศิลปะนี้ รวมถึงความถนัดของเรา แต่ถ้าคิดว่าวันหนึ่งมันถึงเวลา หรือว่าวันหนึ่งเราเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา อยากทำอะไรสักอย่างที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ได้คิดถึงตัวเองก่อนก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ ณ ตอนนี้นุสอยากให้เป็นหน้าที่ของเขาคนเดียว แล้วเราก็อยู่เป็นคนซัพพอร์ทที่ดี ดีกว่าค่ะ
✪ เคล็ดลับการมีสุขภาพที่ดี ?
นุสเป็นคนชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก เล่นแบบบ้าบอจริงจังมาก แล้วใจชอบด้วย ชอบการแข่งขัน อยากทำให้ได้ดีเหมือนงานแสดง จริงจังไม่ใช่เล่นๆแบบเล่นกีฬาสร้างภาพ คือเล่นให้เชี่ยวชาญไปหาความรู้เพิ่มเติมฝึกฝน เทนนิส ขี่ม้า นี่คือชอบมาก ยังเรียนฝึกอย่างเสมอ มันเป็นสไตล์ของเรา วันว่างจากถ่ายละครว่างจากทำงานก็ไปเล่นกีฬา นุสถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งนะ มันทำให้ปอด หัวใจและสมองได้ทำงานเต็มที่ เลือดลมไหลเวียนดีพลังก็โฟล การที่เราจะไปทำงานหรือว่าแสดงอะไรต่างๆ ก็มีพลัง ทำให้ไม่ติดขัดค่ะ
✪ ยังคงก้าวเดินในเส้นทางสายบันเทิง ?
เคยคิดว่าเมื่อไหร่ที่เราเห็นตัวเองหมดพลัง รู้สึกไม่พอใจแล้ว หน้าตาไม่สวยแล้ว หรือถึงจุดที่ว่าทำไมเราเล่นได้เท่านี้ ใจมันเท่านี้ ร่างกายสังขารไม่ไป สุขภาพไม่ดี ก็คิดว่าคงไม่ใช่แล้ว พลังในการแสดงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีในปริมาณที่มาก ถึงจะสามารถถ่ายทอดออกไปได้ พี่บอย-ถกลเกียรติ เคยบอกนุสว่า ต้องพยายามดู เมอรีล สตรีป ที่เขาจะมีบทแปลกๆเป็นบทเด่นบทนำ ไม่ใช่แค่บทเข้าพระ-เข้านาง แล้วก็เป็นแค่พระเอก-นางเอก ต้องขายฝีมือด้วยความแปลกของบท แล้วก็เล่นขยายให้มันลึกไปกว่าปกติ เท่าที่เราจะจินตนาการได้ ผู้ใหญ่บอกใครบอกมา เราก็รับฟัง แล้วก็หาจุดของเรา ลองฝึกฝน ทุกอาชีพ ประสบการณ์ชั่วโมงบินจะเป็นสิ่งที่สอนเรา นุสไม่เชื่อว่าเวลาสั้นๆ การเรียนรู้ที่น้อยๆ จะทำได้ดีมากกว่าคนที่สะสมมันมาเป็นเวลานาน เราต้องเปิดใจ
“ทุกวันนี้นุสอยู่มา 20 ปี นุสก็ยังต้องเชื่อฟังผู้กำกับมุมมองแนวคิดของเขา โดนติโดนแก้ตลอดเวลา บางทีสิ่งที่เราคิดเราว่ามันถูก แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งผู้กำกับเขาสั่งแก้มา เราก็ต้องทำ เราจะดื้อด้านว่าเรารู้ดีกว่า เขาเด็กกว่า มันไม่ใช่ นุสทำงานกับผู้กำกับที่อายุน้อยกว่ามาหลายเรื่อง แต่นุสก็ต้องทำตัวไร้เดียงสา พร้อมรับฟังเขา พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เถียงได้แต่สุดท้ายก็ต้องจบที่ว่าเราต้องฟังเขา เพราะว่าเขาเป็นคนที่เห็นภาพ”
และนี่คือมุมมองของ “นุสบา ปุณณกันต์”ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักแสดงธรรมดาคนหนึ่ง
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี