กว่าจะได้ยืนอยู่ในจุดที่คนทั้งประเทศยอมรับและยกย่องอย่างเช่นปัจจุบัน “ตี๋”จีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ เคยแทบมองหาอนาคตไม่เห็น!? แต่ด้วยเสียงเพลงในยุคของ Elvis Presley กำลังครองโลก ชีวิตตี๋ข้ามจากจุดบอด ขึ้นมายืนในชื่อ “เอลวิส เมืองไทย” อีกทั้งมีผลงานหนังและละครรวมแล้วกว่า 400 เรื่อง!! และในวัย 72 ปี ตี๋ยังเดินหน้าสร้างสุขทำสิ่งที่เขารักและศรัทธา!!
b ย้อนวันวานยุคก่อนมีชื่อเสียง
เมื่อก่อนผมเรียกได้ว่าเป็นจิ๊กโก๋ ตีรันฟันแทงเอาทุกรูปแบบ ใช้ชีวิตทุกรูปแบบที่วัยรุ่นอยากทดลอง เรียนบ้าง ไม่เรียนบ้าง
เกเรทุกอย่าง ญาติๆ พ่อ แม่ พี่ น้อง เอือมระอา อยู่กับใครก็อยู่ไม่นาน บางทีก็ไม่กลับบ้านไปนอนวัดก็มี บางทีก็คิดนะ ลองมองอนาคตตัวเอง ว่าเอ๊ะ..แล้วเราจะไปยังไงต่อดี เคยมีช่วงคิดว่าถ้าไม่โตก็ติดคุกแหละ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเราจะไปทางไหนดี แล้วสุดท้ายก็เหมือนดวงชะตาชีวิตกำหนดมา ตอนนั้นได้ยินเพลงของเอลวิสแล้วชอบมาก เลยฝึกฝนเอง มุ่งมาทางนี้เลย ชีวิตก็เปลี่ยนไป จะบอกว่าเอลวิสเป็นพ่อเป็นอาจารย์ที่มีพระคุณ เอางี้ดีกว่ารองจากพ่อ-แม่ญาติพี่น้อง ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตให้เราก็คือ เอลวิส เป็นไอดอลเป็นรูปแบบที่ผมยึดไว้
b เสน่ห์ของ เอลวิส ที่ประทับใจ
เขาเป็นคนที่ครบเครื่อง ครบหมดทุกอย่าง คิดดูเขาตายไปแล้วตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 30 ปีได้แล้วนะ แต่ก็เหมือนเขายังไม่ตายจากโลกนี้ คืออิทธิพลของเอลวิสนี่มีทั่วโลกจริงๆ บางคนอาจจะไม่รู้หรือรุ่นใหม่ๆ ก็อาจจะไม่เคยฟังเพลงของเอลวิส พอมาเจอเราแบบนี้ ก็จะสงสัยเอ๊ะเอลวิสเขาแต่งตัวแบบนี้เหรอก็ไปค้นคว้าเปิดดูในอินเตอร์เนต เขาก็จะเห็นว่าเออเป็นแบบนี้นี่เอง ยอมรับ นี่คือคิง ออฟ ร็อกแอนด์โรล จริงๆ
b สิ่งที่ทำให้หลงใหล เอลวิส
ด้วยความที่เขาดังเข้ามาในเมืองไทยด้วย ผมอายุประมาณ 11-12 ได้ฟังเพลงก็ชอบ ตอนนั้นยังไม่เห็นตัวเขานะ แค่ฟังเพลงเฉยๆ แต่พอไปเห็นตัวเขาในภาพยนตร์ก็เลยแบบ โอ้โห..คนนี้เหรอที่เราชอบ หล่อแบบนี้นี่เอง ไว้จอนด้วย ก็เลยชอบและเลียนแบบเขา
โดยเริ่มจากหัดร้องเพลง สมัยก่อนบ้านอยู่ลำปางก็อยู่ใกล้โรงหนัง ก่อนเริ่มฉายหนัง เขาก็จะเปิดเพลงเพื่อเรียกให้คนดูเข้าไปซื้อตั๋วดูหนัง เรียกว่าเพลง โหมโรง ผมก็ได้ฟังอยู่เรื่อยๆ ฟังทุกวันยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ และยิ่งพอได้เห็นตัวจริงเขาในหนังที่ทั้งร้องทั้งเต้น แค่นั้นแหละ เลยเกิดการเลียนแบบร้องตามเต้นตาม เจอกระจกที่ไหนก็ร้อง เต้น ฝึกฝนเอง เจอไม้กวาดก็ทำเป็นไมค์โยก เลียนแบบเขาทุกอย่าง เข้าสายเลือดไปเลย ฝึกจนโอเคละ ไปเจอวงดนตรีเพื่อนๆ ก็ดันให้ขึ้นไปร้องเพลง กลายเป็นว่าเราร้องเพลงได้เข้าตากรรมการ หัวหน้าในวงเขาก็สนใจ ชวนให้มาเป็นนักร้องประจำวง นี่คือก้าวแรกที่ได้เข้ามาในวงการบันเทิง เริ่มจากการร้องเพลงสไตล์เอลวิส ทำอยู่สักประมาณ 4-5 ปี ได้ออกทีวี.ด้วย มีคนเห็นเราแล้วมาตามไปแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก “พลับพลึงแดง”
พอจบเรื่องแรกก็มีคนติดต่อให้ไปเป็นพระเอกอีกเรื่องคือ “ขวัญใจวัยรุ่น” แต่ว่ามีเหตุบังเอิญไม่ได้ฉายเพราะว่าเมื่อก่อนพอถ่ายเสร็จต้องเอาฟิล์มไปล้างที่ประเทศฮ่องกงทุกเรื่อง ปรากฏว่าคนที่เอาฟิล์มไปไม่กลับมา ไปเที่ยวอยู่ฮ่องกงนานป่านนี้ยังไม่มาเลย (หัวเราะ) ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วนะ กลับมาก็พร้อมจะเข้าฉายเลยสรุปคนนั้นที่ไปก็ไม่กลับมา ลืมเมืองไทยแล้วมั้ง หลังจากนั้นก็มีเรื่องที่สองตามมา “ดอกฟ้าเวียงพิง” เรื่องนี้เป็นพระเอกและได้ฉายครับ พอเรื่องที่สองคือเรื่อง “ดวง” เล่นเป็นพระรอง สงสัยความเป็นพระเอกคงไม่รุ่งสำหรับเรา ก็เลยได้เป็นพระรอง (หัวเราะ) เล่นหนังมาเรื่อยๆ ทุกสไตล์เล่นมาหมด เป็นทั้งฝ่ายพระเอก ตรงข้ามพระเอก ดีมั่งร้ายมั่ง ครบครับ แล้วถึงมาที่งานละคร รวมแล้วก็น่าจะประมาณเกือบๆ 400 เรื่องได้ ละคร ประมาณ 300 กว่าเรื่องหนังใหญ่อีกประมาณ100 กว่าเรื่อง
b กว่า 40 ปี ในวงการบันเทิง
สมัยเป็นพระเอกทีวี.ยุครุ่งเรือง ตอนนั้นไปไหนก็มีคนเอาอกเอาใจ วันหนึ่งวิ่งงานสามกองก็มี แล้วยังต้องสลับกับหนังใหญ่ด้วย ซึ่งเราก็เล่นเป็นตัวรอง ตัวสองตัวสามก็ว่าไป แต่พระเอกทีวี. เป็นพระเอกอยู่หลายสิบเรื่อง เสร็จแล้วทุกอย่างก็ไปตามคลื่น พออายุมากขึ้นคนใหม่ก็มา เราก็เล่นตัวประกบ ตัวเสริม ตัวรอง เล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันนี้ จริงๆ บทส่วนใหญ่ก็จะเล่นเป็นเสี่ย ทั้งดีและไม่ดี แต่ส่วนมากจะเล่นเป็นตัวเลวเสียมากกว่า เรียกว่าเลวทุกรูปแบบ (หัวเราะ) ผ่านมาหมดแล้ว จนกระทั่งมาเรื่อง “ที่หนี้มีรัก” นี่แหละแปลกหน่อย กลายเป็นเสี่ยเกาหลี ชื่อ ปาร์คจูนโฮนักธุรกิจเกาหลี ลูกชายหนีมาเมืองไทยแล้วมาติดสาวไทยไม่ยอมกลับบ้าน ธุรกิจก็ต้องมีคนสืบทอด เลยมาตามเขากลับ เพราะเราก็มีลูกชายอยู่คนเดียว แล้วปาร์คจูนโฮไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อนก็จะแต่งกายมาแบบเต็มที่เลย เสื้อกั๊กเสื้อหนาวหนาๆ ก็จะมีหนักใจเรื่องชุดนิดหน่อย(หัวเราะ) เพราะบ้านเราร้อน แล้วก็ถ่ายเอ้าท์ดอร์เยอะ เสื้อผ้าจัดเต็มเหมือนอยู่เกาหลีจริงๆ และอีกเรื่องที่หนักใจที่ผ่านๆ มาในการแสดงผมส่วนมากจะเล่นเป็นคนจีน เสี่ย พูดสำเนียงไทยปนจีนซะชิน แต่พอมาเรื่องนี้ต้องมาพูดไทยสำเนียงเกาหลีซึ่งในชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเจอเลย ก็พยายามจะเพี้ยนไปทางจีนอยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายวันแรกที่มาเข้าฉากก็เลยคุยกับผู้กำกับบอกว่า พูดไทยเลยดีกว่า แต่ลูกชายในเรื่องเขาพูดเหมือนน่ะ สำเนียงเขาได้เลย เราจะไปเลียนแบบเขาก็ไม่ได้ จะไปทางจีนทุกทีเลย ก็เลยพูดภาษาไทยเราธรรมดาสบายใจขึ้น นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเพราะเราผ่านมาหมดแล้ว
b สิ่งที่ได้จากการเป็นนักแสดง
ให้ทุกอย่างครับ ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน แล้วก็ประสบการณ์ชีวิต เหมือนเราได้เป็นทุกอย่างผ่านตัวละครที่เล่น แต่งเป็นเจ้านั่งบัลลังก์มีคนมาหมอบกราบไหว้ก็ได้เป็นหมด เล่นเป็นตัวโกง ตัวร้าย เป็นหมดทุกอย่าง ดีก็มีบ้าง แต่ผมเกิดจากบทร้าย ทุกบทบาทถือเป็นกำไรชีวิตที่ทำให้เราอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
b แม้อายุจะเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่เคยหยุดพัก หรือเลิกรับงาน
ผมชินแล้วมั้งครับ เพราะว่าเราก็ผจญภัยมาตั้งแต่สมัยก่อนโน้นเยอะ แล้วชีวิตก็ไม่ได้ไปทำอะไร เล่นละคร ทำงานในวงการบันเทิงมาแต่ไหนแต่ไร เคยจะไปทำหมู่บ้าน ก็ไม่สำเร็จ สงสัยชะตาชีวิตคงจะมาทางการแสดง แล้วก็ร้องเพลงมั้ง จนตอนนี้ 72 ปี
แล้วนะ เราก็มีงานมาเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าการกระทำตัวของเราด้วยเราตรงเวลา ไม่จุกจิกจู้จี้อะไรกับใคร ทุกอย่าง
ก็โอเคสมูท
ผมจะทำจนกว่าจะหมดแรงครับผลงานเพลงสไตล์เอลวิสก็ร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงเช่นเดียวกัน แต่เพลงนี่ผู้จัดจ้างเราไปที นี่หนักนะ เพราะต้องโชว์อย่างน้อยๆ ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแน่นอน แล้วเพลงสไตล์เอลวิสเพลงช้าก็จะมีฮิตไม่กี่เพลงที่คนรู้จัก เราจะไปร้องเพลงช้าหรือกลางๆ ก็ไม่ได้ ไม่สนุก เพราะเอลวิสคือฉายา คิง ออฟ ร็อกแอนด์โรล ต้องร้องเต้น ต้องโยกไมค์ หลายอย่าง สังขารเราก็ไปเยอะตอนนี้ก็ใกล้แล้วแหละคิดตลอดว่า เอ๊ะ..น่าจะพอแล้วนะ ป่านนี้แล้ว ผจญภัยกับชีวิตการแสดงมาก็เยอะแล้ว 40 กว่าปีแล้วนะ (ยิ้ม)
b โชว์เอลวิสสไตล์ตี๋
ถือว่าตอนนี้ผมเป็นอันดับหนึ่งของวงการ ในเมืองไทยไปไหนคนก็ยกย่องว่าเราเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้ฉวยโอกาสหรืออะไรเลยนะครับ เราศึกษาเอลวิสมาตั้งแต่เด็ก คือในเมืองไทยเขายกให้ผมเป็นบุคคลที่เลียนแบบเอลวิสได้เหมือน
ที่สุด ก็มีความภูมิใจนะ ผมภูมิใจตรงที่ว่าสื่อเป็นคนมอบคำนี้ให้เราว่าเป็นเอลวิสเมืองไทย เราไม่ได้ยกตัวเอง
b ชีวิตครอบครัว
ลูกสาวคนโตได้ทำงานทำการที่ดี ลูกชายก็ทำงานแล้วเหมือนกัน ทุกอย่างพ้นอกไปแล้ว สบายใจครับ เขาเอาตัวรอดเขาได้
หมดแล้ว (เขาอยากให้คุณพ่อพักงานตรงนี้ไหม?) ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะงานตรงนี้ก็เป็นความสุขของเรา เรามีความสุขที่ได้ทำ แต่บางทีถ้างานมากขึ้นกับคนอายุขนาดนี้แล้วก็เหนื่อยเหมือนกันนะ จริงๆ เล่นละครก็ยิ่งเหนื่อยนะโดยเฉพาะการเดินทางใน
โลเกชั่นต่างจังหวัดเราต้องเตรียมตัวและออกแต่เช้า เราขับรถเองด้วย
b ความสุขในบั้นปลาย
แฮปปี้มากครับ ช่วงนี้ถ้าว่างๆ ใครชวนไปเที่ยวเมืองนอกหรือไปที่ไหนๆ ไปหมดเท่าที่เราจะไปได้ เพราะผมถือว่าเราเหนื่อยมาเยอะแล้ว และอีกอย่างหนึ่งตอนนี้ขาเรายังเดินได้และมีแรงที่จะเดินไหวอยู่ก็ไป เพราะตอนนี้ 72 แล้วถือว่าเป็นกำไรชีวิตมากๆ นะ
เขาให้เรามา ให้เราอยู่ได้ขนาดนี้ มันได้กำไรแล้ว
b การดูแลเอาใจใส่สุขภาพ
ปกติของคนอายุเยอะครับ ความดัน น้ำตาลก็ขึ้นมาหน่อยๆ ไขมัน ตามสไตล์ของคนมีอายุอย่างเรานะที่ก็ยังไปทุกรูปแบบเมื่อ
ก่อนทำยังไงก็ยังทำอย่างงั้นอยู่ เพื่อนก็บอกนะว่าเมื่อไหร่จะเลิกเหล้า ส่วนบุหรี่เลิกไปนานแล้วประมาณ 20 กว่าปี ไม่มีใครชม แต่ขอชมตัวเองแล้วกันนะว่าเออเรามีความหนักแน่นเหมือนกันที่เลิกได้ เพราะรู้สึกก็คิดได้เองพอถึงวาระหนึ่งที่เหมือนจะพบสัจธรรม ต้องเลิกแล้วแหละ ซึ่งก็เลิกทีเดียวนะ แล้วขาดเลย เลิกยากมาก คนติดบุหรี่จะรู้ว่ายากแค่ไหน บางคนเลิกไปสิบรอบยังเลิกไม่ได้กลับมาอีกก็มีเยอะแยะ แต่ผมก็ขอเตือนนักดื่มไม่ว่าจะรุ่นใหม่รุ่นเก่าต้องมีกฎเกณฑ์ให้ตัวเองบ้างว่าอย่าไปเห็นแก่กินหรือการสังสรรค์ ไม่ใช่ว่าเมาแล้วตื่นมามีถอนอีกต่อเนื่องยาว ต้องมีวินัยในตัวเองกินได้ไม่ต้องเมามาย
b คติในการใช้ชีวิต
เรารับหน้าที่อะไรเป็นข้าราชการพ่อค้า เป็นประชาชนทุกอาชีพ เราต้องรับผิดชอบค้าขายก็ต้องขายให้ถูกต้องอย่าเอาของไม่ดีหรือของเสียมาขาย ถ้าเป็นข้าราชการก็ต้องซื่อสัตย์ต่องานและประชาชน
เชื่อเถอะค่ะไม่ว่าคุณจะรับหน้าที่อะไร ทำอาชีพไหน ถ้ามีหัวใจที่สะอาดและบริสุทธิ์ดำรงชีพด้วยหลักศีลธรรมจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ความดีก็จะเป็นเกาะป้องกันนำความเจริญและความสุขมาสู่ชีวิตอย่างแน่นอน
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี