เป็นอีกหนึ่งคนในวงการบันเทิง สำหรับสาว "เชอรี่ เข็มอัปสร" ที่ขอลงทุนลงแรงร่วมเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูป่า "คนยืนได้ ไม้ยืนต้น" ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมถ์ หลังนักแสดงสาวลงพื้นที่สำรวจพื้นป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม จ.น่าน พร้อมโพสต์ถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @cherrykhemupsorn ทำเอาบรรดาชาวเน็ตและแฟนคลับต่างพากันชื่นชม เพราะนอกจากจะสวยน่ารักแล้วยังจิตใจดีอีกด้วย
มาตามสัญญา...อาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่ขอให้ตั้งใจอ่านข้อความต่อไปนี้สักหน่อย อ่านด้วยใจที่เป็นกลาง อ่านด้วยใจที่อยากจะคิดหาทางออกของปัญหาป่าต้นน้ำ อ่านด้วยใจที่พร้อมจะลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อร่วมแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน ...น้ำจากแม่น้ำน่านคือ 45% ของน้ำที่ไหลมารวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศไทย ภาพเขาหัวโล้นที่เห็นตามข่าวเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ป่าสงวนหลายพื้นที่ได้กลายเป็นดินแห้งดำหลังจากถูกไฟเผาไหม้ ฉันจะไม่พูดถึงสาเหตุเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ฉันอยากบอกคุณทั้งหลายว่าถ้าเรามัวแต่โทษกันไปมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของใคร ฉันคิดว่ามันคงจะสายเกินไป ถ้าเราไม่เริ่มลงมือแก้ปัญหากันอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้ และสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันอยากจะบอกคุณก็คือ การปลูกป่าไม่ได้แก้ปัญหาได้ (ทั้งหมด)
งงใช่ไหมคะ? ฉันเองก็เช่นกัน
สิ่งแรกที่เราควรจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุดก็คือ "คน" คนในที่นี้คือ ชาวบ้านในพื้นที่ ควรเร่งให้ความรู้ วิธีการและโอกาส เพื่อทดแทนการเผาป่าสำหรับทำไร่ เคยได้ยินกันอยู่ใช่มั้ย "ปลูกป่า ปลูกคน" คนในพื้นที่เมื่อปากท้องเขาอิ่มและรู้ว่าป่าให้ประโยชน์ต่อเขาอย่างไรบ้าง เขาจะรักและหวงแหนป่า จะเกิดเป็นพลังที่ช่วยดูแลผืนป่าได้เป็นอย่างดี ลำดับต่อมาคือ "น้ำ" เราจะทำอย่างไรให้ภาคเกษตรมีน้ำใช้ตลอดฤดูแล้ง และน้ำไม่ท่วมในฤดูน้ำหลาก ต้องมีการจัดการระบบน้ำที่ดี ฉันไม่ได้หมายถึงการสร้างเขื่อนด้วยการตัดป่าไม้ที่เป็นเสมือนเขื่อนธรรมชาติเพิ่มขึ้นหรอกนะ "ฝาย" ต่างหากที่ฉันกำลังหมายถึง เมื่อมีน้ำและคนดูแลต้นไม้แล้ว ป่าจะฟื้นฟูได้เอง เรียกว่าการปลูกป่าแบบไม่ปลูก เช่นดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วต้นไม้ที่เราจะไปช่วยกันปลูกเสริมเพิ่มเติมก็จะไม่สูญเปล่าเมื่อมีคนดูแล
ทีนี้มาถึงเรื่องสำคัญ พวกเราจะช่วยอะไรได้? ขอแค่เรามีใจ มีจิตสำนึกที่จะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง และไม่เห็นแก่ตัวเอง เราจะช่วยกันคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้กันได้อย่างเต็มกำลังความสามารถตามที่แต่ละคนมี...ฉันเชื่ออย่างนั้นนะ เพียงแค่ต้องแก้ให้ตรงจุดเท่านั้นเอง สิ่งหนึ่งที่เราควรทำคือ วางแผนการจัดการร่วมกันกับคนในพื้นที่ เพราะเขาเหล่านั้นรู้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะกับพื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่ ไม่จำเป็นต้องทำแค่ที่จังหวัดน่านหรอก ที่ไหนก็ได้ที่เป็นป่าต้นน้ำของไทย หรืออย่างน้อยที่สุด...ขอแค่ช่วยกันประหยัดและตระหนักถึงคุณค่าทรัพยากรที่เราบริโภคทุกวัน ว่าคือหยาดเหงื่อ น้ำตา ชีวิต และอนาคตของพวกเราชาวไทยทุกคนรวมถึงลูกหลานของเราด้วย ช่วยกันนะคะ...ก่อนที่จะสายเกินไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี