กำลังสร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ที่หน้าจอช่อง 7 ในซิทคอมเรื่อง “รักกันมันแจ๋ว” สำหรับนางเอกสาว “พระพาย-รมิดา ธีรพัฒน์” เราไม่รอช้า จับเธอมานั่งพูดคุยล้วงลึกถึงที่มาที่ไปและตัวตนของเธอ
กับผลงานปัจจุบัน
กำลังออกอากาศอยู่คือซิทคอมเรื่อง “รักกันมันแจ๋ว” ค่ะ หนูรับบทเป็นแจ๋ว เป็นเจ้าของสุขสันต์เวดดิ้ง ที่ไม่ได้อยากจะมาทำงานตรงนี้ แต่แม่เราเปิดเวดดิ้ง แล้วแม่เสีย เราอยู่ที่เมืองนอกก็เลยต้องกลับมารับช่วงต่อ พ่อก็เสียใจที่แม่เสีย เลยไปบวชเป็นพระ จากที่เป็นเด็กสปอยไม่เคยทำอะไร แต่ว่าต้องมาบริหารเวดดิ้ง ก็คิดว่าตัวเองเจ๋ง แต่จริงๆ แล้วไม่เลย ก็จะมีพระเอกที่เป็นหุ้นส่วนในร้านและแอบชอบเรามาตั้งแต่เด็กมาคอยช่วยเหลือเรา โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยเรื่องจะคอเมดี้ค่ะ แจ๋วจะบ้าๆ บอๆ คิดว่าตัวเองทำงานเก่ง ซึ่งไม่เหมือนหนูเท่าไหร่นะคะ (หัวเราะ) เพราะว่าหนูเป็นคนอยู่บนความจริงไม่ค่อยเพ้อเจ้อเหมือนแจ๋ว แต่ก็จะมีความงุ้งงิ้งกวนประสาทคนอื่นเขาไปเรื่อยคล้ายกัน ซึ่งยากนะคะ เพราะว่าความเป็นคอเมดี้จะต้องอาศัยทักษะประสบการณ์และจังหวะหลายอย่างในการเล่น ดราม่าก็ยาก แต่มันคนละแบบ คอเมดี้ต้องมีจังหวะบวกกับหนูรับมุขไม่ค่อยเก่ง และต้องใช้พลังงานเยอะ และหนูเป็นคนติดพูดเร็วด้วย ก็ต้องค่อยๆ ปรับ บทจะโตกว่าตัวหนู 5 ปี คือเป็นวัยทำงานเลย ก็ไกลอยู่ แต่ด้วยความที่ตัวละครเขาเหมือนไม่โต ยังง้องแง้งเลยสามารถแสดงออกมาได้
ตัวตนของพระพาย
ยากนะคะที่จะบอกตัวตนของตัวเอง (หัวเราะ) หนูเป็นอย่างนี้ค่ะเป็นเด็กไฮเปอร์นิดหนึ่งแล้วก็มีพลังสูงมาก ไม่ใช่พลังทำลายล้างนะคะ แต่คือเป็นพลังแอ๊กทีฟ สมมุติว่าถ้าหนูไปเที่ยวกับเพื่อนถึง
ตี 3 แล้วเพื่อนคนอื่นเขาสลบกันถึงเช้า แต่หนูก็ยังได้อยู่ ตื่นขึ้นมา 9 โมงเช้า ยังเย้วๆ ได้ แต่บางทีถ้าเหนื่อยมากๆ จะเป็นช่วงที่ถ่ายละครกับเรียนพร้อมๆ กัน มันอึดอัด แล้วมันเครียด มันจะทำให้หนูท้อแต่ถ้าไม่เครียดหนูก็จะไม่เหนื่อย
มองโลกในแง่ดี
เพื่อนหนูเคยโทร.มาหา แล้วหนูแค่พูดว่า...ว่าไงแก ฮัลโหลๆ แล้วเขาก็วางสายไป ตอนนั้นเพื่อนทะเลาะกับแฟนอยู่ แล้วเขาบอกว่าแค่ได้ยินเสียงเรา เขาก็สบายใจ เพราะว่าหนูเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากกับทุกเรื่อง ถ้าเวลาเพื่อนหงุดหงิดอะไรมา ก็จะบอกให้เขาใจเย็นๆ ไม่คิดมาก ใครเคยมาทำอะไรเรา หรือว่าด่าเรา ก็ไม่เคยโกรธใครเลย คือหนูคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอามาคิด เราอย่าไปให้น้ำหนักคนที่เขาไม่ให้น้ำหนักเรา หนูไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียดใครเลยเพื่อนก็จะบอกว่าอย่าโลกสวยมากได้ไหม หนูไม่ได้โลกสวยนะ แต่หนูมองโลกในแง่ดี รู้ว่ามันมีอันตราย รู้ว่าใครเป็นยังไง เราแค่ไม่ไปยุ่งกับเขา เรื่องบางเรื่องเราปล่อยผ่านไปก็ได้ ชีวิตมันง่ายกว่า ดีกว่ามานั่งคิดแค้นกันซ้ำไปซ้ำมา เพื่อนกลัวว่าจะโดนเอาเปรียบ หนูเป็นคนแปลกนะคะบางเรื่องยอมให้คนเอาเปรียบได้ แต่บางเรื่องจะไม่ยอมเลย อย่างเช่นอาหาร ถ้าหนูสั่งไปแล้วได้ไม่ครบ หรือเขาให้มาผิดแต่เรามั่นใจว่าเราถูก อย่างนี้จะไม่ยอม (หัวเราะ)
ย้อนเส้นทางกว่าจะมาถึงวันนี้
ตอนนั้นอยู่ ม.6 ที่เตรียมอุดม แล้วเว็บ Dek. D เขามาโรดโชว์ที่โรงเรียน เขามาเห็น ก็เลยชวนให้ไปลงคอลัมน์ หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อมา และชวนเข้ามาอ่านคั่นรายการที่ช่อง 7 ตอนนั้น
คนขาดอยู่พอดีเลยค่ะ ก็เข้ามาเทสต์และผ่าน แล้วผู้ใหญ่ทางช่องเห็นก็เลยให้มาเทสต์นักแสดง แล้วก็ได้มาเล่นละครเรื่องแรก“เกิดเป็นกา” แต่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นผู้ประกาศอยู่นะคะ (หัวเราะ)หนูชอบมากจริงๆ ทำมาตั้งแต่อยู่ปี 1 ถึงตอนนี้สองปีกว่าแล้วหนูเพิ่งเข้ามาวงการจริงๆ ตอนจบ ม.6 เพราะว่าแม่ไม่ยอมให้ทำงานจนกระทั่งเรียนจบ สอบติดแล้ว แม่ถึงให้มาทำงาน
ดีกรีความป๊อปในรั้วโรงเรียน
ทำกิจกรรมนะคะ แต่ว่าไม่ได้ทำเยอะ หนูเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ก็เลยเกิดเพราะดรัมเมเยอร์เลยค่ะ (หัวเราะ) ทุกคนในโรงเรียนรู้จักหมด เพราะว่าต้องแต่งตัวสวยใส่ชุดสูทดูดี และตอนนั้นเพิ่งมีเฟซบุ๊ค ทุกคนก็เล่นกันกระหน่ำ ก็จะมีตากล้องที่เขาแอบมาถ่ายเรา และเขาเอาไปแชร์ลงในเฟซ แท็กโรงเรียนหนูคนเขาเห็น เลยแท็กหนูมา เพื่อนๆ หนูเขาก็เห็น เลยกลายเป็นว่าดันเพจขึ้นไปเป็นหมี่นๆ เป็นเนตไอดอลไปโดยปริยาย หนูยังใส่เหล็กดัดฟันอยู่ด้วย ตอนนี้กลับไปมองรูปนั้นยังคิดเลยนะว่ามันสวยตรงไหน (หัวเราะ) จริงๆ ค่ะ หนูออกไปข้างนอกก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นดารา กินหมูปิ้ง นั่งวินมอเตอร์ไซค์ ปกติมาก หนูไม่ชอบเลยนะเวลาที่เพื่อนมาเรียกว่าดารา จะไม่หันเลย
ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร
เปลี่ยนเลยค่ะ มีเงินใช้ของตัวเอง ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ใช้แล้ว รู้สึกดีมาก เอาเงินพวกนั้นไปทำในสิ่งที่ฝันไว้ก็คือไปเที่ยวค่ะ เงินก้อนแรกให้พ่อแม่คนละครึ่ง แล้วเขาก็เอาไปเล่นหุ้นไปลงทุนต่อ จะแบ่งบัญชีงาน แล้วพ่อแม่ก็จะให้รายเดือนไว้ หนูก็จะใช้แค่งบตรงนั้นได้แค่ 8,000 ต่อเดือน เมื่อก่อนได้ 7,000 แต่ไม่พอ เลยขอพ่อเพิ่ม คือมันไม่พอจริงๆ (หัวเราะ) นี่ก็ประหยัดแล้วนะ คือไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ บ้านอยู่รามคำแหง มันไม่ไกลมากนะคะ ถ้าขับรถ แต่มันติดมาก เลยนั่งเรือคลองแสนแสบต่อแว้นไม่ก็นั่งรถเมล์ มีคนจำได้นะพี่ที่ขายอาหารอยู่หน้ามอ ก็จำได้ เขาก็ทักทาย หนูก็จะบอกว่าตัวจริงหนูสวยกว่าใช่ไหม จะชอบแกล้งชอบยอตัวเอง (หัวเราะ)
สิ่งที่ได้จากวงการนี้
ได้เยอะกว่าห้องเรียนอีกค่ะ คือได้เรียนรู้ว่าการทำงานจริงๆ เป็นยังไง การที่หนูมาอยู่ตรงนี้ การแสดงของหนู มันขึ้นอยู่กับชีวิตของหลายคน พี่ๆ ตากล้อง พี่ๆ ทีมงานเขาต้องดูแลหนู เขาจะโดน
นายว่า เขาจะโดนหักเงิน ถ่ายทันเวลาไหม ก็ขึ้นอยู่ที่หนู เพราะฉะนั้นเราต้องมีความรับผิดชอบ ต้องตรงต่อเวลา และเราได้เรียนรู้ความคิดของพี่ๆ แต่ละคน เขาถ่ายทอดให้ฟัง ว่าเป็นยังไง เจอปัญหาระหว่างการทำงาน เราแก้ปัญหานั้นยังไง เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นในห้องเรียนค่ะ เราต้องเรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตจริงๆ หนูเลยรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่มันไม่เหมือนที่เราคิดไว้ จากที่ไม่คิดว่าจะเข้ามาวงการเลย เพราะว่าตอนเด็กๆ หนูอ้วนมาก แล้วก็ดำด้วย ตอน ม.4 หนูยังน้ำหนัก 60 อยู่เลย สูงเท่านี้คืออ้วนอวบเลยค่ะ แต่ที่ทำให้ลดน้ำหนัก ก็ต้องขอบคุณกีฬาสีค่ะ คือหนูอยากเป็นดรัมเมเยอร์มาก เพื่อนคนหนึ่งเขาผอมสวยมาก หนูก็กลัวว่าจะมีข้อเปรียบเทียบ เลยลดน้ำหนักไป 15 กิโล และค่อยๆ เปลี่ยน
ถ้าเห็นหนูสมัยก่อนจะไม่เชื่อเลยว่าคนเดียวกัน
ความเห็นจากคุณพ่อคุณแม่
แม่ไม่ค่อยชอบนะคะที่เรามาทำตรงนี้ แต่ว่าพ่อจะเฉยๆพ่อแม่เลี้ยงหนูแบบมีกรอบค่ะ แต่กรอบใหญ่มาก คือเขาจะคอยดูหนูอยู่ห่างๆ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง ถ้ามันไม่ได้จริงๆ เขาถึงจะยื่นมือเข้ามาช่วย พ่อจะเหมือนไพ่ใบสุดท้าย แต่ยังไม่เคยเปิดไพ่พ่อนะคะ ส่วนมากจะผ่านด่านแม่ก่อน เรื่องชีวิต พ่อแม่ก็ปล่อยให้หนูจัดการเองหมดเลย หนูไม่กลับบ้านพ่อแม่ไม่เคยโทร.ตามเลย เพราะว่าหนูจะไลน์บอกตลอดว่าอยู่ไหนทำอะไร พ่อแม่รู้ว่าเราเป็นคนไม่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว เขาก็ไว้ใจ
มุมมองสำหรับวงการบันเทิง
มีทั้งดีและทั้งไม่ดี ชอบไหมก็ชอบ คือถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาส แล้วเรายังเอ็นจอยสนุกกับตรงนี้อยู่ ก็แฮปปี้ที่จะทำตรงนี้ต่อค่ะ แต่ว่าหนูก็คิดว่าหนูยังอยากลองอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่การแสดงบ้าง ที่หนูสนใจคือทำธุรกิจ ไปเมืองนอกที่เป็นการจัดการ เป็นการใช้สมองเยอะๆ ชอบเครียดแต่มันท้าทายค่ะ แต่ ณ ตอนนี้หนูก็จะตั้งใจทำงาน ทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด และต้องขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้พระพายนะคะ
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี