ต้องเรียกว่า “ใจรัก” อย่างแท้จริง กับคนดนตรี ที่เลือกผลิตงานในรูปแบบ อัลบั้ม ทั้งที่ทุกวันนี้ ศิลปินเล็กใหญ่ต่างทำ ซิงเกิ้ล ออกทีละเพลงกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับ “2 Is better Than 1” จากสังกัดClassy Records ยังขอคงไว้ กับเสน่ห์ของเพลงเต็มอัลบั้ม ในรูปแบบซีดี ผลงานซึ่งเป็นสีสันทางดนตรี ชุดที่ 2 จึงได้โอกาสคลอดออกมา
“2 is better than 1” ประกอบด้วย 2 สมาชิก คือ ขนุน-วัลลภ เจียรสถิตย์ และ มะเหมี่ยว-อิสรีย์ นำพาเจริญ ที่แจ้งเกิดปล่อยอัลบั้มแรก(พ.ศ.2555) ในชื่อเดียวกันว่า “2 Is better Than 1” ซึ่งมาพร้อมซาวน์ดนตรีจากเครื่องดนตรีมากมายหลากชนิด ทั้งแปลกและหาฟังยาก มาบันทึกเสียงสด แต่ที่น่าฉงน คือไม่มีเครื่องดนตรีที่คุ้นหูอย่าง “กีตาร์” เลยแม้แต่เพลงเดียว!?
จนมาถึงมีนาคมปีนี้ พวกเขากลับมาอีกครั้ง กับอัลบั้มเต็มหมายเลข 2 ที่ชื่อว่า “3 Is better Than 2” โดยมี ขนุน-วัลลภ,มีน-พัทธศิษฏ์ ศรีศุภลักษณ์ และ หอย-อภิศักดิ์ เจือจาน เป็น3 สมาชิกในปัจจุบัน (มะเหมี่ยว-อิสรีย์ ออกไปเตรียมทำผลงานเดี่ยวของตัวเอง) แต่ยังคงชื่อวง 2 Is Better Than 1 ต่อไป ภายใต้สังกัดเดิม Classy Records ที่มาพร้อม 13 บทเพลงลงซีดี และมีแค่ 3 เพลงที่ขายผ่านออนไลน์
l ก่อร่างสร้างวง?
ขนุน : ตอนนั้น Classy Records เปิดมาขึ้นปีที่ 9 ผมได้เข้ามาเป็นนักดนตรีอัดเสียงให้กับหลายๆเพลงในอัลบั้มที่3 ชื่อว่า “อัลบั้ม9” พี่ป๊อกที่เป็นเจ้าของค่ายก็ถามผมว่า ผมอยากจะทำอัลบั้มไหม แน่นอนนักดนตรีทุกคนต้องอยากทำอัลบั้มอยู่แล้ว แต่ทีนี้ตัวผมเองไม่ใช่นักร้องผมเป็นนักดนตรี ผมทำเรียบเรียงได้ แต่งเพลงได้ แต่ว่าไม่ถนัดด้านร้อง ก็เลยจะไปหานักร้องอีกคนหนึ่งมาเป็นดูโอ้กัน ในตอนนั้นก็ได้นักร้องมาเป็น มะเหมี่ยว-อิสรีย์ อดีตศิลปินนักร้องสมาชิกวง 3G (สังกัดค่าย Grammy) ตอนนั้นเขาเด็กๆ แต่พอมาถึงตอนที่เราจะทำอัลบั้ม เขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วเขาก็ร้องเพลงเพราะ พอมาจูนกันได้ก็เลยมาทำอัลบั้ม และเป็นอัลบั้มแรก “2 Is Better Than 1” เป็นชื่อเดียวกันกับชื่อวง ที่นี้พอทำเสร็จ ตอนนั้นคือปีพ.ศ.2555
หลังจากนั้นมาประมาณอีกกี่ปีก็ไม่รู้ เราก็เลยคิดว่าจะทำอัลบั้ม 2 แต่ว่าพอจะทำอัลบั้มสองมะเหมี่ยวเขามีโครงการเตรียมตัวที่จะออกอัลบั้มเดี่ยว แต่ผมยังอยากทำอัลบั้มต่อ ก็เลยต้องหาสมาชิกเพิ่ม อย่างที่บอกว่าผมไม่ใช่นักร้อง ผมต้องหาสมาชิกที่ร้องเพลงได้ ก็ได้มาเป็น หอยกับมีน คนหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน อีกคนหนึ่งก็เป็นรุ่นน้องที่ห่างกัน 2 ปี เรารู้ฝีไม้ลายมือเขาอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่าน่าจะมารวมกันได้นะ ประกอบกับมีนเขาทำเพลงออกมา ชื่อเพลง “ฝั่งนั้น” คือเป็นเพลงแรกของอัลบั้มที่สอง ทำออกมาแล้วผมชอบมาก และให้ใครฟังก็ชอบหมดเลย เราก็เลยบอกว่าน่าจะมารวมตัวกันนะ
ตอนแรกก็เป็นมีนคนเดียวก่อน และก็มาคุยกันคร่าวๆ ระหว่างที่คุยกัน จริงๆ คือเราก็สนิทกันอยู่แล้ว คุยกันว่าจริงๆ หอยเขาก็มีเพลงที่เขาแต่งไว้อยู่เยอะเหมือนกัน คือทำงานร่วมกันมา 2 ปี ตอนที่เรียนอยู่ก็เคยทำอะไรร่วมกันอยู่ ทำเพลงละคร เพลงองค์กร เพลงประกวด อะไรอย่างนี้มาอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยสรุปมารวมกัน 3 คน ที่นี้มันก็จะประหลาดหน่อยตรงที่ว่า บังเอิญว่าสามคนนี้แต่งเพลงได้หมดเลย ก็เลยคุยกันว่าแบ่งหน้าที่กันไปเลย รับผิดชอบคนละ 4 เพลง 3 คน ก็ 12 เพลง เราก็เลยเอาเพลงหนึ่งของ Classyซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ Classy เป็นที่รู้จักชื่อเพลง “ถามสักคำ” ที่มียอดไลค์สองถึงสามล้าน (ณ ตอนนั้นโอกาสจะขึ้นเป็นล้านมันยากมาก) มีนก็รับผิดชอบทำเป็น A cappella {อะแคปเปลลา} ไม่มีเครื่องดนตรีเลย และก็สามคนก็คนละ 4 เพลง ก็รับผิดชอบกันไป แต่ว่าในระหว่างนั้นทั้งสามคนก็ต้องมาจูนกัน ไม่ให้มันโดดมากนัก
l 3 คน 3 สไตล์?
ขนุน : จริงๆ อัลบั้มชุดนี้ไม่ค่อยเป็น unity เท่าไหร่ ในแง่ของการเรียบเรียงหรือลักษณะดนตรี แต่ถ้าในแง่เนื้อหามันไปด้วยกันได้หมด เนื้อหาของเพลงจะสอดคล้องกันไปเรื่อยๆ ยังมองโลกไปในทางเดียวกันอยู่ยังไม่มีอะไรที่แตกต่าง แต่ว่าก็โอเคด้วยการเรียบเรียงดนตรี ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชุดนี้ก็เลยใช้ชื่อว่ามันเป็น variety pop คือยังคงฟังง่ายแต่อาจจะมี Jazz มาบ้างนิดหน่อย อาจจะมี Rock นิดๆ แต่ว่าหลักๆ ยังคงเป็นพื้นฐาน Acoustic จริงๆ เราอาจใช้คำว่า Acoustic variety pop ก็ได้นะ เพราะเราก็ไม่ได้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดนตรีเรายังใช้ Acoustic ทั้งอัลบั้มอยู่ ตอนแรกที่บอกว่ามันยังไม่ Unity ก็มีความเป็น Unity อยู่บ้าง ไม่ได้มีอะไรที่มันจะประหลาดออกไปเยอะมากนัก คือมันใกล้กันในแง่ของชนิดเครื่องดนตรี ที่ยังคงความเป็น Acoustic อยู่ แต่ว่าไม่มีเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มาเกี่ยวข้อง ด้วยการใช้เครื่องดนตรีสดมาเล่น ก็จะไปได้หลายทาง ทีนี้เราก็มีให้ชิมหลากหลายเลย แต่ละเพลงก็มีสไตล์ของมัน แต่หลักๆก็ยังเป็น Acoustic อยู่ คือจริงๆ เพลง Acoustic น่าจะครึ่งอัลบั้มเลยครับ ส่วนที่เหลือก็แตกต่างกันไป เรียกว่าฟังชุดนี้ต้องชอบสักเพลง (หัวเราะ) เพราะว่ามันไม่เหมือนกันเลย
l ความต่างของ 2 อัลบั้ม
ขนุน : จริงๆ ถ้าลองไปฟังชุดที่หนึ่ง ดนตรีจะไม่เหมือนชุดนี้เลย เพราะอัลบั้มชุดหนึ่งผมทำคนเดียว มันก็จะออกมาสไตล์ของผม เพราะผมไม่ได้แชร์ไอเดียกับใครเลย คือชุดที่หนึ่งไม่มีกีตาร์เลย เพราะว่าผมเล่นไม่เป็น พอมาชุดนี้ก็มีหอยกับมีนเขาเล่นกีตาร์ เพราะฉะนั้นจะมีเสียงกีตาร์แทบจะทุกเพลง แต่ก็จะมีอยู่ 2-3 เพลง ที่ไม่มีเสียงกีตาร์แค่นั้นเอง ด้วยเครื่องดนตรีก็ทำให้อารมณ์เพลงมันเปลี่ยน
l เติมเต็มกันและกัน?
หอย : ผมว่านักดนตรีทุกคนน่าจะมีมุมนี้ คือถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักเราก็จะมีอีโก้ประมาณหนึ่ง แต่สำหรับคนที่เรารู้จัก คือเราเรียบเรียงไม่เป็น เราเรียบเรียงดนตรีไม่ได้ เราไม่ได้เรียนดนตรีมา เราก็ได้แค่เนื้อทำนองมา เพลงของเราสามในสี่เพลง ก็โยนให้มีนเป็นคนเรียบเรียง ซึ่งเวลาเราโยนให้มีนเรียบเรียง เราก็ยกให้เลย โดยที่ให้ตัดสินใจเลย เพราะเราไม่สงสัยว่าจะทำได้หรือเปล่า
มีน : สำหรับผมเต็มที่ทุกเพลงอยู่แล้วครับ ผมก็เหมือนทุกคน คืออยากแต่งเพลงเก็บไว้ อยากมีเพลงกับอัลบั้มเป็นของตัวเอง แต่พอได้มารวมตัวกับพี่ๆ มันก็เป็นเรื่องใหม่ที่ผมต้องจูนกับทุกคน
หอย : จริงๆ พวกเราเติมให้กันและกัน คือที่เราขาดมาตลอดคือเราทำดนตรีเองไม่เป็น จริงๆ อาจทำได้ แต่เราไม่กล้า เราก็มีโครงของเรามา แต่พอจะใส่เราก็กลัวผิด แต่พอสองคนนี้มาทางนี้อยู่แล้วมันก็จบ
มีน : ส่วนของผมที่ได้ชัดๆเลยคือการทำมาสเตอร์เพลงให้มันเป็นมาสเตอร์จริงๆ ความมาตรฐานของดนตรี การเล่น , การเรียบเรียง ก็ได้ พี่ขนุนกับพี่หอยมาช่วยตีกลองครับ จริงๆรายละเอียดมันเยอะมากเลย จากการทำคนเดียว แล้วเราก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องต่างๆ มาตรฐานของการอัดเสียงการเล่นดนตรีสด ก็ได้พี่ขนุนมาช่วยดูให้ครับ
l ความประทับใจในเพลง?
มีน : ผมชื่นใจ เพลงที่ผมเคยทำอยู่แล้วและชอบ มันเป็นรูปเป็นร่าง มีเสียงในหัวที่เราอยากได้ยินหรือเคยได้ยินมันออกมาจริงๆ สัมผัสได้ แล้วเพลงพี่หอยพอเอามาเรียบเรียงแล้วมันเพราะ ตอนแรกเราฟังDemo เราก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน พอเรียบเรียงมาเป็นมาสเตอร์ มันเพราะมาก ผมชอบ อย่างเพลง “นิ้วเพชร” โคตรมันส์เลย ตอนแรกผมฟังผมนึกภาพไม่ออกว่ามันจะเป็นเพลงให้คนอื่นฟังยังไง พอเราทำงานร่วมกัน อ๋อ มันเป็นอย่างนี้
ขนุน : อย่างที่บอกแต่ละเพลงมีที่มาที่ไป เรารู้ถึงจุดเริ่มต้น ขั้นตอนการทำ เพราะฉะนั้นทุกเพลง ทุกเพลงจริงๆ นะ ผมรู้สึกอินไปกับมัน มันอาจจะมีช่วงตอน Demo เราอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่แน่นอนพื้นฐานของเรา คือเราเชื่อใจกัน เนื้อทำนอง เราผ่านแล้ว ทุกคนผ่านหมด คือเราคบกันมา 20 ปีนะ เรารู้อยู่แล้วว่ามันโอเค แต่ก็มาหนักใจเรื่องเรียบเรียง ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง เพราะตอนเรียบเรียงยากเหมือนกัน คือว่าผมก็ต้องเรียบเรียงในคอมพิวเตอร์ เสียงที่ได้มันจะไม่เหมือนกับตอนที่ทำจริงหรอก บางอันก็ดีกว่า บางอันก็จะแย่กว่า ทีนี้ก็ต้องมาจินตนาการว่าท้ายที่สุดอัดเสร็จขึ้นมาจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นทุกเพลง พอเรารู้ที่มาที่ไปของมัน พอเรารู้กระบานการ เลยทำให้เราอินทุกเพลงเหมือนกัน บางเพลงเราดูเรียบเรียงเหมือนไม่มีอะไร แต่พอเรารู้ว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น เพราะอะไร พอมาดูเหตุผล มาดูจากเนื้อ มันเหมาะสมกับเนื้อแบบนี้นะ อย่างเพลง “คิดถึงบ้าน” ของหอย เพลงมันไม่มีอะไร แต่พอลองไปอ่านเนื้อดีๆ ลองไปฟังเนื้อดีๆ มันก็ตัวตนหอยเลย คือกลับถึงบ้านเหลือแต่แม่แล้ว พ่อไม่อยู่แล้ว แม่หุงข้าวรอกิน ก็จริงนะ ความรู้สึกนั้นก็เกิดขึ้นได้ แล้วพอมาใช้ Acoustic กีตาร์ตัวเดียวถ่ายทอด ยิ่งออกมาได้ดี ถามว่าประทับใจเพลงไหนมันไม่มีคือมันดีทุกเพลง
หอย : เพลงพวกนี้เราทำกันเอง เหมือนมีลูกก็ต้องรัก รักทุกเพลง เพียงแต่ว่าจะมีเพลงที่ชอบมากๆ โดดๆมาสองเพลง คือเพลงของมีน “ฝั่งนั้น” ซึ่งตัดออกมาเป็นเพลงโปรโมท มันจะเป็นเรื่องที่เขากับแฟนไปเที่ยวอินเดีย แล้วมันจะมีความเชื่อของคนที่นู้น เป็นสองฝั่งแม่น้ำที่ฝั่งนี้เป็นฝั่งคนเป็น แต่ถ้าข้ามแม่น้ำไปเป็นฝั่งของคนตาย เป็นโลกวิญญาณ เรารู้สึกว่าอยากแต่งเพลงให้ได้อย่างนี้บ้างจัง มันได้บรรยากาศ เรานึกถึงว่า เราไม่เคยไปอินเดียแต่เราก็รู้สึกว่าเอาบรรยากาศมาเลยอะไรประมาณนี้ คือเราชอบตรงที่มันเล่าเรื่องความตายที่สุด อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงนี้ อีกเพลงหนึ่งที่โดดมากๆก็เป็นลูกรักของตัวเอง เพลง “นิ้วเพชร”
l ผสมด้วยเพลงลูกกรุง?
ขนุน : เพลง “วันฝนพรำ” คือผมอยากจะแต่งเพลงลูกกรุงดูบ้าง ก็เริ่มจากเขียนเนื้อก่อน เพราะผมรู้สึกว่าเพลงลูกกรุงเป็นสิ่งที่ยาก ไม่แพ้เรียบเรียงดนตรีเลย คือเนื้อ เพราะว่าเนื้อเพลงด้วยความที่เป็นลูกกรุง ต้องสละสลวยหน่อย จะมาพูดทื่อๆ ไม่ได้ ก็เลยเปรียบเทียบว่า วันที่เราเจอฝน เรารักกัน เจอฝนก็ต้องทนแล้วจะฝ่ามันไปได้ แต่เดี๋ยวมันก็ตกอีก มันไม่ใช่จะตกแค่วันนี้วันเดียว ปีหนึ่งมันก็เจออีกหลายครั้ง ซึ่งเปรียบเทียบว่าเราอาจจะไม่เข้าใจกันอาจจะทะเลาะกัน มันต้องเจออีกเยอะอีกหลายครั้ง ก็เลยเทียบกับฝน ละพอวันที่ฝนหยุดก็ให้เราคิดอีกว่ามันจะต้องตกอีกนะ ก็ต้องให้พร้อมอยู่เสมอ
l เพลงพิเศษ?
มีน : เพลง “เรือใบ” ในแทร็คที่ 9 คือค่ายเรามีนโยบายว่า หนึ่งอัลบั้มต้องมีเพลงที่กล่าวถึงหรือพูดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 สักเพลง (ขนุน : เพราะค่ายเราเป็นค่ายรักในหลวง) ใช่ครับ ผมก็มีความคิดอยากจะแต่งเพลงเกี่ยวกับพระองค์ท่าน ก่อนที่ท่านจะสวรรคตอยู่แล้ว อยากพูดถึงเรือใบที่เคยทรงและเคยลงแข่งจริงจัง คือเราไม่อาจเอื้อมที่จะแต่งถึงพระองค์ท่านโดยตรง แล้วในส่วนตัวผมคิดว่าการที่ท่านได้ทรงเรือใบ เหมือนทรงดนตรี เรือใบนี่ท่านคงอิสระที่สุด ไม่มีข้าราชบริพาร ไม่มีองครักษ์ ไม่มีหน้าที่การงาน มีแต่ท่านกับเรือกับคลื่น ก็เลยคิดว่า นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ท่านเป็นสามัญชนที่สุด ทิ้งทุกอย่าง แล่นเรืออย่างเดียว ก็เลยเป็นที่มาของเพลงนี้ครับ ซึ่งตอนแรกเป็นเพลงแต่งช้าๆ แต่เหมือนเราผ่านช่วงที่เศร้าโศกเสียใจมาแล้ว ก็เลยขยับจังหวะขึ้นมาหน่อยครับ
l ทิ้งท้าย?
หอย : จริงๆ ยุคนี้ก็ไม่ค่อยมีใครทำซีดีขาย แต่เราก็ยังทำกันอยู่ แล้วก็เน้นเรื่องคุณภาพของการบันทึกเสียงด้วย และเป็นเครื่องดนตรีที่อัดสด เล่นกันเองเป็นส่วนใหญ่ มีนักดนตรีรับเชิญบ้าง แล้วเราก็อัดเพลงกันข้ามปี ก็อยากฝากแฟนๆ ติดตามฟังกันดูครับ หรือตามพวกเราได้ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ twois.classy หรือ classyfanclub และ Youtube Channel Classy Records ครับ
ขนุน : นอกจากอัลบั้มนี้แล้ว พวกเราก็กำลังจะไปเล่นดนตรีสดเป็นครั้งแรก ในคอนเสิร์ตใหญ่เพื่อการกุศล ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 19 สิงหาคม 2561 ที่ศูนย์วัฒนธรรม ส่วนรายได้เราจะไปช่วยเหลือนักแต่งเพลงที่เป็นโรคมะเร็ง และวันนั้นมีศิลปินอีกหลายคนไปร่วมแสดงครับ แฟนๆ สามารถซื้อบัตรได้ที่ www.classy-records.com Tel : 082-4293695 หรือสั่งซื้อซีดีของพวกเราได้ด้วยนะครับที่ Line ID : @classyrecords หรือจะอินบ๊อกมาในเพจ ClassyRecords ก็ได้ครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี