วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผ่านมาแล้วเกือบจะทุกบทบาทหน้าที่ในวงการบันเทิง สำหรับ “พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร” หรือที่ทุกคนคุ้นเคยกับฉายา “เสนาเพชร” ทุกก้าวย่างที่รังสรรค์ผลงาน เขาต้องผ่านสิ่งใดมาบ้าง รวมถึงชีวิตครอบครัวที่หลายคนจับตา จะแฮปปี้เฮฮาเหมือนบุคลิกหน้าตาเขาหรือไม่ วันนี้ “สตาร์เรโทร” มีคำตอบให้ทราบกัน!?
หน้าที่ความรับผิดชอบในวันนี้
ตอนนี้ผมกำกับละครเรื่อง “ไฮโซสะออน” ทางช่อง 7 แล้วก็มีโปรเจกท์หนังประมาณ 2-3 เรื่อง เป็นผู้กำกับและเป็นผู้จัดด้วยครับ สำหรับงานกำกับนี่ ผมสนใจมานานแล้วนะ เป็น 10 ปีแล้วล่ะ เมื่อก่อนเป็นนักแสดงแล้วก็มากำกับรายการทีวี วาไรตี้ แล้วก็มาทำละคร ทำซีรี่ส์ซิทคอม แล้วก็หนัง ด้วยความที่ผมเป็นคนสนุกเฮฮาชอบเอ็นเตอร์เทน เราทำงานในวงการนี้มีหลากหลายอารมณ์มากๆ เราสัมผัสคนเยอะมากที่สุด ไม่ว่าจะคนที่ใช้แรงงาน นักแสดง กลุ่มลูกค้า สปอนเซอร์ เราก็ได้เจอคนหลากหลาย เหมือนเราเป็นปลาที่เปลี่ยนน้ำได้ตลอด มันมีชีวิตชีวาดี การได้พูดคุยกับคนได้ดูว่าเขาทำอะไรกันบ้าง ก็สะท้อนกลับมาให้เราเห็นว่า เวลาเราทำงานถ้าใครมีบทบาทแบบนี้ มีสังคมกลุ่มแบบนี้ จะได้เข้าใจและเข้าถึง เพราะเราเคยผ่านตรงนั้นมาแล้ว และสามารถเอามาประยุกต์ใช้ให้เป็นตัวละคร เวลาเราต้องแสดงได้ง่ายขึ้น
.jpg)
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายบันเทิง
ผมเริ่มเข้าวงการมาตอนอายุ 23-24 ตอนนั้นเรียนปี 4 มหาวิทยาลัยจันทรเกษม ตอนนั้นยังเป็นวิทยาลัยครู เข้ามาโดยการเล่นละครเวที อย่างที่บอก เป็นคนชอบสนุกสนาน ก็เริ่มเล่นเป็นเอ็กตร้าตั้งแต่สมัยเรียน รับเงินวันละ 150 บาท ก็สนใจมาตลอด เพราะเราสนุก ได้เที่ยวด้วย ได้ดูโน่นนี่นั่น จนกระทั่งได้มาเล่นละครเวทีของมณเฑียรทอง เธียเตอร์ ซึ่งเป็นผับเล็กๆ ตอนนั้นก็จะทำเองทุกอย่าง ตามที่รุ่นพี่บอก ไม่ว่าจะเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม การซ้อม การดูแลตัวเองทุกอย่าง ไม่ได้มีทีมงานมากมาย ทุกคนช่วยกัน ผลตอบแทนก็น้อยมาก ใจต้องรักจริงๆ ถึงทำได้ และตอนนั้นละครเวทีจะนิยมเฉพาะกลุ่ม ซึ่งผมเองสนุกและมีความสุขที่ได้ทำ ณ ตอนนั้นเล่นบนเวทีเล็กมีคนมายืนมานั่งมองดูเรา บางรอบมีคนดูแค่คนเดียวก็ต้องเล่น The show must go on ด้วยใจรักก็เล่นไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเข้ามาเป็นพระเอกช่อง 7 เรื่อง “จุดหมายปลายทาง” ละครเรื่องแรกก็เป็นพระเอกเลย (ยิ้ม) หลังจากนั้นก็มาเป็นพิธีกรรายการของเจ เอส แอลรายการสุริยาตาหวาน กำกับโดย “พี่เล็ก” (ภัทราวดีมีชูธน) แล้วก็มาละครวิก 07 รายการยุทธการขยับเหงือก เยอะแยะไปหมด
ที่มาของฉายา “เสนาเพชร”
ก็ทำรายการยุทธการขยับเหงือกมาประมาณ 9-10 ปี พวกเรากลายเป็นกลุ่มเสนา ไปไหนมาไหนทุกวันนี้ก็มีคนเรียกเสนาเพชรบ้าง ซึ่งเสนาเพชรก็เป็นตำแหน่งที่เรียกกันในรายการอยู่แล้ว ถามว่าคนจำเราในบทบาทพิธีกรจนเป็นโล้โก้ไหม อันนี้ไม่แน่ใจ แต่การเป็นพิธีกรผมได้อะไรมาเยอะเลยครับ ทางเจเอสแอลเขาพัฒนาบุคลากรดีนะ ผมถูกฝึกสอนการเป็นพิธีกรจากที่นี่ จากที่ตอนแรกเขามาชวน เราก็งงๆ เพราะเราก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะทำตรงนี้ได้ เขาบอกว่าให้เป็นผู้ช่วยพิธีกรหลัก คือพี่เล็ก-ภัทราวดี ผมก็ถามว่าผมต้องทำยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าเล่นไปเหมือนละครเวทีแหละ ตอนที่ทำรายการสุริยาตาหวาน คือ มีพิธีกรคนหนึ่งผู้ช่วยคนหนึ่ง ผมเป็นเลขาฯก็เป็นการเล่นละครเวทีแทรกมาในรายการ
.jpg)
เรียนรู้งานด้านพิธีกรจากหลากหลายบุคคล
ผมเป็นคนทำได้หมดนะงานในวงการบันเทิงอย่างการเป็นพิธีกรเองก็ด้วย แต่จริงๆ แล้วผมว่าความชอบทำให้เรามั่นใจ ถ้าให้จับไมค์ก็ไม่กลัวใครเหมือนกัน (หัวเราะ) พอเราได้ปะทะกับพิธีกรใหญ่ๆ แล้วเราสามารถดำเนินไปกับเขาได้โดยไม่มีอะไรมาทำให้เราประหม่าหรือตกใจ เกร็งจนทำงานไม่ได้ คือเราเคยยืนอยู่กับ “พี่ต๋อย”(ไตรภพ ลิมปพัทธ์) “ดู๋” (สัญญา คุณากร) “ตา” (ปัญญา นิรันดร์กุล) เราเจอมาหมดแล้ว นี่คือรุ่นพี่เราที่ให้วิชาเขาจะส่งรับอะไรให้เราก็พอจะรู้วิธี เขาสอนว่าต้องวางตัวหรือทำตัวยังไง การให้เกียรติแขกรับเชิญ การยืนยังไงให้ดูเท่ ก็ทำหลากหลายรายการประกบกับพี่ๆ พิธีกรอันดับต้นๆ ของประเทศมากมาย
โอกาสในการก้าวมาเป็นผู้กำกับ
ผมกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกเลยก็คือ “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” ถือว่าเราได้เรื่องราวที่ดีมาทำ ได้องค์ประกอบที่ดี เป๊ะ! พระเอก นางเอก คือตอนนั้นไปเจอเรื่อง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงของผู้หญิงคนหนึ่ง เราก็ได้มานั่งคุยกัน และคิดว่าน่าสนใจดีนะ ก็เลยเอามาทำ และอีกอย่างจังหวะดีด้วยมั้งครับ เลยประสบความสำเร็จ ผมเองก็อยากจะทำหนังดีๆโรแมนติกสักเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนดู ดูแล้วอมยิ้มไปกับหนัง ผมไม่อยากทำเรื่องยากๆ ชอบเรื่องใกล้ตัว และชอบทำหนังให้ผู้หญิงดู เพราะผมรู้สึกว่าเวลาผู้หญิงชวนผู้ชายเข้าโรงหนังแล้วผู้ชายก็ต้องเข้า แต่ถ้าผู้ชายชวนผู้หญิงเข้าโรงหนังก็จะแบบ เออ...ฉันไม่ไปหรอก เธอไปเถอะก็เลยเลือกใกล้ตัวผู้หญิงและถูกจริตกระตุ้นสะกิดใจนิดเดียว เขาก็อยากจะเข้าโรงหนัง หรืออย่างเรื่อง“30+ โสด ON SALE” ตอนนั้นผมไปเจอเพื่อนรุ่นน้องอกหัก ผู้หญิงอายุใกล้จะ 30 ก็มักจะอกหัก ผมรู้สึกว่ามันแปลกมากนะ ก็เลยเอาเรื่องราวมาทำตอบโจทย์สาวๆ หรือพยายามโฟกัสว่าสมัยนี้คนดูเขาคิดอะไรกัน วัยรุ่นชอบแบบไหน ผมจะมีวิธีหาข้อมูลของผม อย่างเช่นถ้าผมไม่ได้กำกับหนังหรือละคร ก็จะไปเล่นเป็นนักแสดงในละคร เพื่อจะได้ไปคุยกับคนรุ่นใหม่ เพราะช่วงที่เรารอเข้าฉาก เราก็จะนั่งฟังเขาคุยว่าเขาคุยอะไรกัน ก็เข้าไปหาวิชานิดหนึ่ง (หัวเราะ) หรือบางครั้งก็ไปดูคนอื่นทำงาน ผู้กำกับแต่ละคนทำอะไรกันบ้าง เขาทำสไตล์ไหนกันสมัยนี้
.jpg)
ผลงานกำกับเรื่องล่าสุด
ละครเรื่อง “ไฮโซสะออน” เป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้ เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์มาอยู่แล้ว เรื่องราวผมว่าสนุกนะ เป็นเรื่องของคน 2 ชนชั้น คนรวยคนจน ต่างคนต่างมุมมองของตัวเอง ไฮโซก็จะมองจากบนลงล่าง คนจนก็ล่างขึ้นบน แต่จริงๆ ถ้าคนข้างบนลงมาอยู่ข้างล่างแล้วมองขึ้นไปข้างบนบ้าง ลองเปลี่ยนมุมมองก็อาจจะเห็นสิ่งที่ดีแตกต่างกันออกไป เป็นละคร 2 มุมมอง คือจริงๆ ผมคุยกับทางช่องไว้นานแล้วว่าอยากจะทำละครแนวแบบนี้นะ แล้วช่องก็มีเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็เลยลองทำแนวนี้ไหม เราก็มานั่งอ่านเรื่องราว โอเคสนุกดี มีมิติหลากหลายดี ช่วงนี้ก็เลยกำกับเรื่องนี้เรื่องเดียวก่อน ทำงาน 4 วัน พฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
ผู้กำกับสไตล์ “เสนาเพชร”
เฮฮาสนุกสนาน ทำงานสไตล์ตัวเองนี่แหละครับ เราเฮฮาได้ยันแม่บ้าน ไม่อยากทำงานให้บรรยากาศเหงาหงอย หรือว่ามีการด่ากันทะเลาะกัน ถ้าจะด่าหรือทะเลาะกันให้ทำบนโต๊ะทำงานในที่ประชุม พอออกมาข้างนอกเรามีหน้าที่ทำให้ทุกอย่างสนุก ใครทำอะไรพลาดหรือไม่ได้ตรงไหน ก็ต้องช่วยเหลือทดแทนกัน อย่าไปด่ากันหน้ากองให้มาเคลียร์กันบนโต๊ะว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบางทีถ้าทีมงานไปเครียด นักแสดงก็เป็นตามไปด้วยนะ ดังนั้นทีมงานมีหน้าที่ทำทุกอย่างให้โฟว์ที่สุด ผิดถูกค่อยมาว่ากันหลังเลิกงาน ผมจะกำกับละครประมาณปีละเรื่อง 2 เรื่องเพราะอยู่ที่เวลาของเรา หรืออย่างบางทีพอจะทำละครปุ๊บก็มีหนังเข้ามาให้ทำ พอจะทำหนังก็มีละคร (หัวเราะ) ซึ่งละครที่กำกับก็จะสไตล์โรแมนติกคอเมดี้ เรื่องนี้จะเป็นดราม่า แต่ผมว่าซีนโรแมนติกสวย จะดีไซน์มุมใหม่ๆ ที่เกิดแบบนี้ขึ้นจริงๆ
.jpg)
ละครในฝันที่อยากจะกำกับ
ละครเด็ก ประมาณประถมศึกษาตอนปลาย หรือมัธยมต้น เด็กผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยโต เพราะผมว่าเด็กช่วงนี้มีความคิดเปลี่ยนแปลงเร็ว เมื่อก่อนวัย 15 กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลง แต่เด็กสมัยนี้อายุ 10 กว่าขวบก็เริ่มเปลี่ยนแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นมุมมอง เพื่อน สังคม เด็กเป็นสาวเร็วเรื่องอะไรที่สามารถเอามาทำแล้วสะท้อนสิ่งเหล่านี้ในยุคปัจจุบันได้ ผมว่าน่าสนใจนะ ก็เป็นความคิดไว้ มีในใจแล้วล่ะเรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่ตกสะเก็ด (ยิ้ม) คือจริงๆ ก็คิดไว้แล้วล่ะพยายามฟอร์มทีมขึ้นมาทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ด้วยความที่เราเป็นคนวัยขนาดนี้ แต่คนดูเป็นคนรุ่นใหม่ เขาก็จะอยากดูอีกแบบ เราก็เลยพยายามศึกษา เราต้องยอมรับความคิดเขา เด็กรุ่นใหม่อาจจะเก่งกว่าเราก็ได้ ก็เลยพยายามหาคนทำงานที่หลากหลายเจนเนอเรชั่น มารวมไว้ในทีม เพื่อแลกเปลี่ยน อันนี้สำคัญมาก เพราะบางมุมของเราอาจจะเก่าไปบ้าง เด็กรุ่นใหม่เขาจะเล่าอีกแบบ
เสน่ห์งานในวงการบันเทิงที่รัก
ผมทำมาหลายอย่างมากในวงการ พิธีกร นักแสดงจนกระทั่งเป็นผู้กำกับ ก็ชอบทุกอย่างเหมือนเราสร้างงานศิลปะ ส่วนบทยังไม่ได้เขียน แต่สามารถตั้งโครงให้ได้ มองได้ แต่ผมชอบงานในวงการบันเทิงหมดเลย ทุกอย่างท้าทาย และเราเองก็ยังมีไฟอยู่ เราแค่ลดความคิดเราลงว่าเราไม่ได้เป็นคนเก่ง เพราะมีคนเก่งที่พร้อมจะขึ้นมาแทนเราได้ตลอด เราก็ลงไปหาเขา ดูวิชาเขา หรือให้โอกาสเขาทำ แล้วเราก็ค่อยใช้ประสบการณ์ที่เรามีในการบอกเขายอมรับฟังความคิดเห็นเขาว่าเป็นอย่างไร ถามว่าเคยอยากไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับวงการบันเทิงไหม ก็เคยนะแต่ว่าเราเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์มากกว่า เราไม่ได้มาทาง Business หรือพ่อค้า เราเป็นคนขายอารมณ์ขันสร้างสีสันให้กับชีวิต เพราะฉะนั้นมันมีอีกหลายชีวิตที่แบบอยากให้เราไปเติมสีสันให้เขาเติมอารมณ์ความสนุก ตรงไหนบรรยากาศหงอยๆ เราก็อยากจะเข้าไปสร้างเอ็นเตอร์เทนให้เพราะกองถ่ายผมไม่มีเครียดรับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ใครที่โดนผมด่าถือว่าซวยมากเลยนะ (หัวเราะ) ไม่ค่อยโกรธใคร ไม่อารมณ์เสีย เพราะผมเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่างที่บอกผมเคยเป็นตั้งแต่ตัวประกอบ ทำงานเบื้องหลังก็เคยทำมาหมดแล้ว ก็จะรู้ว่าเด็กไฟ เด็กฉากเขาทำงานอย่างไร บางทีการผิดพลาดนิดเดียวจะไปด่าเขาเยอะทำไม ถ้าผิดมากจริงๆ ก็มาร์คไว้แล้วค่อยมาคุยกัน ทุกคนมีผิดพลาดได้ ต้องให้โอกาสเขา
.jpg)
ชีวิตครอบครัวในวันนี้
สร้างครอบครัวร่วมกันกับ “แตน” (ราตรี วิทวัส)ก็อยู่กันแบบนี้ สบายใจดีครับ ไม่ได้เป็นเป้าเด่นของสังคม เรามีหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกๆ เป็นบุคลากรที่ดีของประเทศ สร้างความสุขให้คนแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะครับผมว่า ถามว่าเจอกันตอนไหน ปิดบังหรือเปล่า ก็ไม่นะ ผมเจอกับแตนตอนเล่นละครช่อง 3 เรื่อง “ผัวรสมะนาว” ผมเป็นแก๊งพระเอก 3 คน มี “เอ๋-กษมา” “เกม-ศานติ” 3 คนนี้เขาเรียกว่าแก๊งนรกของช่อง 3(หัวเราะ) แล้วแตนเขาอยู่ในแก๊งนางเอก ก็เหมือนเขาก็ชอบมาดูเรา เพราะแก๊งเราเฮฮา เวลาพวกเราเข้าฉากก็เล่นไปหลุดขำไป เห็นครั้งแรกก็ชอบๆ แล้วก็เห็นว่ามีนางเอกคนหนึ่งหน้าฝรั่งด้วยก็มองๆ ชอบและลองคุยดูแหละ ไม่ลองไม่รู้ ซึ่งแตนเขาเป็นคนเฮฮาอยู่แล้ว ยิ่งเราทำอะไรให้เขาขำ เขาสบายใจ เวลาเขามีเรื่องเครียดเราก็สร้างความบันเทิงให้ ก็เลยตกลงคบหาดูใจกัน ตอนนั้นก็ไม่ได้เปิด เพราะว่าแตนเขากำลังดังแล้วเราก็มีงานพิธีกรเยอะแยะ คืออยู่กันธรรมดาก่อน แต่ก็ไม่มีใครถามนะ เราก็ไม่ตอบ ในวงการจะมีบางคนบ้างที่รู้แต่คนไม่รู้เราก็ไม่ได้บอก ไม่ได้ไปป่าวประกาศ ใช้ชีวิตปกติคือเราทำงานเราก็จะประพฤติตัวเหมือนทั่วไป ไม่ต้องไปลงข่าวไอจีให้รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันนะ เราเป็นแฟนกัน ใครจะจับคู่อะไรก็ว่ากันไป เวลาไปเป็นผู้ปกครองลูกที่โรงเรียนเราก็ไป
บทบาทการเป็นคุณพ่อ
ผมมีหน้าที่ในการคุยกับลูกทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนเรื่องอะไรต่อมิอะไรต่างๆ นานา เวลาไปเที่ยว แม่เขาก็ให้ผมพาลูกไปเที่ยว ไปรับไปส่ง นั่งคุยเรื่องเพศ ลูกยังพาผมเที่ยวผู้หญิงเลย (หัวเราะ) คือเด็กสมัยนี้เราต้องเลี้ยงให้เขาได้เรียนรู้และเปิดกว้าง ไม่มีกฎตายตัวอะไร พอเขากล้าเปิดเผยกับเราได้ทุกเรื่อง เราก็จะควบคุมเขาง่าย เป็นที่ปรึกษากันและกัน ลูกไปเที่ยวผับผมก็ไปจอดรถรอ สบายๆ ชิลๆ ผมจะเป็นคนที่ไม่ด่าลูก จะคุยมากกว่า ถ้าเขาโดนแม่ด่ามา ผมก็จะรอสักพักแล้วเข้าไปคุย ถามว่าเกิดอะไรขึ้น หาวิธีแก้ไข ไม่เคยตีลูกเลย อาจจะมีเด็กๆ ตีปรามๆ ส่วนแม่จะเป็นคนที่ควบคุมความประพฤติ และคอยห่วงเรื่องยาเสพติดกับเรื่องมารยาท ก็จะสอนเรื่องความประพฤติ ต้องเคารพดูแลผู้ใหญ่นะ สอนตามแบบวิถีที่เขาเป็น เป็นคนดีพูดเพราะ ช่วยเหลือผู้อื่น ธรรมะธัมโม
วางอนาคตลูกๆ ไว้อย่างไร
ไม่ได้วางครับ เพราะต้องให้เขาคิดเอง เราจะวางกรอบของเราที่มีอยู่ เรารู้สึกว่ามันเก่า แต่คิดว่ายังไงลูกก็ต้องเป็นคนดี รู้จักผู้ใหญ่ แล้วก็เอาใจใส่กับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ แล้วทำเต็มที่ อย่างนีน่าตอนนี้เขามีแฟน เขาทำพวกบิ๊กไบค์ ก็จะสนใจค้าขายซ่อมอะไหล่ ส่วนจีโน่ก็ชอบทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เรารู้สึกว่าเขาชอบ เขามีเลือดเราคือเราไม่ได้บอกอะไรมากหรอก ผมเชื่อว่าการยัดเหยียดสิ่งที่เราเป็นให้เขา บางทีก็ไม่ดี ต้องให้เขาทำเอง รู้สึกชอบด้วยตัวเองดีกว่า ค่อยๆ ซึมไปเอง พาไปเจอสังคม แนะนำการใช้ชีวิตในการทำงานตรงนี้ให้เขา เวลาไปกองก็พาเขาไปด้วย เอามาช่วยในกอง พอสักพักเขาเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบอะไร เขาก็จะเดินมาบอกเองว่าเขาไม่เหมาะกับงานเบื้องหลังแล้ว เขาจะเป็นโปรดิวเซอร์ที่เอางานของพ่อมาหาตังค์ดีกว่า คือเป็นนักธุรกิจ Managementงานให้ได้ ทำเป็นโปรดิวเซอร์ คือตลอดระยะเวลาที่เขาเรียนรู้ เราก็สอนและให้รู้จักคนทำงานทุกตำแหน่ง เขาจะเห็นทุกอย่างที่ผมทำ แล้วเอาไปใช้และเรียนรู้เอง เพราะการเป็นผู้กำกับไม่มีวิธีที่เป๊ะ อยู่ที่การทำงานและแก้ปัญหาตรงนั้นมากกว่า ต้องดูว่ารอบข้างเกิดอะไรขึ้น เขาเรียน3 ปีครึ่งจบมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์อินเตอร์ ก็ภูมิใจนะกับวันนี้ที่พวกเขาเป็น
.jpg)
รักษามาตรฐานตัวเองในการทำงาน
ตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีในวงการ ผมเป็นคนไม่พูดหยาบ เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยลืมตัว ไม่เคยโกงใคร ไม่เอาเปรียบใคร และวินัยดี ไปทุกที่ไม่สายไปก่อนกลับหลัง แล้วก็เฮฮา อยู่ที่ไหนก็สร้างความบันเทิงไปเรื่อยๆ เอกลักษณ์คือมาด้วยเสียงหัวเราะ ทะลึ่งตึงตัง ทะเล้น ฉะนั้นในหนังที่ทำก็จะไม่มีคำหยาบ นอกจากจำเป็นจริงๆ ถึงใส่เข้าไป
บุคคลเบื้องหลังที่ทำให้มีวันนี้
ขอบคุณ “พ่ออี๊ด” (สุประวัติ ปัทมสูต) “ครูช่าง”(ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง) พี่ชาย (ลูกศิษย์ครูช่าง) เจเอสแอลทั้งองค์กร คนในวงการหนัง ขอบคุณทุกคนที่เป็นครูพักลักจำมาให้เราเป็นตัวเราในวันนี้ หรือนักแสดงอาวุโสอย่าง“ป๋าต๊อก” (สวง ทรัพย์สำรวย) “แม่ชูศรี” (ชูศรี มีสมมนต์)เราดูวิธีการคุย ดูจังหวะตลกของเขา ดูเคมีป๋าต๊อกแม่ชูมันลงตัวยังไง จนมาเป็นตัวเรา ส่วนแฟนๆ ผมก็จะผลิตผลงานดีๆ ออกมาให้รับชมกันครับ และคาดว่าปีหน้าน่าจะมีผลงานที่ฮือฮาเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะอยู่ในใจแฟนๆ แล้วมาดูกันครับ
เรียกว่าเป็นบุคลากรในวงการบันเทิงที่ครบเครื่องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และนี่ก็คืออีกมุมชีวิตของ “เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี