19 ก.ย.57 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวสกอตแลนด์ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์การลงประชามติ มีมติคัดค้านการแยกตัวเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร โดยในทันทีที่หน่วยลงคะแนนทั้ง 2,608 แห่ง ปิดการลงคะแนน เจ้าหน้าที่ก็นำหีบบัตรทั้งหมดไปที่เขตเลือกตั้ง 32 แห่ง ตามแขวงการปกครองของสกอตแลนด์ และนับรวมกับผู้ที่ลงคะแนนทางไปรษณีย์ แล้วรายงานผลคะแนนเข้าส่วนกลาง ซึ่ง นางแมรี พิตเคธลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ ที่รอยัล ไฮแลนด์ เซ็นเตอร์ ชานกรุงเอดินบะระ จะเป็นผู้ประกาศผล
โดยผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 31 เขต จาก 32 เขต มีผู้ที่ออกเสียงคัดค้านการแยกประเทศ 1,914,187 เสียง หรือร้อยละ 55 และมีผู้ที่ออกเสียงสนับสนุน 1,539,920 เสียง หรือร้อยละ 44 โดยฝ่ายที่ชนะจะต้องมีคะแนนมากกว่า 1,852,828 เสียง
ทั้งนี้ กลาสโกว์ เมืองใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษ มีประชาชนที่สนับสนุนการเป็นเอกราชมากถึง 194,779 เสียง ส่วนผู้ที่คัดค้านมี 169,347 เสียง ส่วนที่ดันดี , เวสต์ ดันบาร์ตันไชร์ และ นอร์ธ ลานาร์คไชร์ ออกเสียงสนับสนุนให้แยกประเทศ แต่ที่ แอเบอร์ดีน ผู้ที่ออกเสียงคัดค้านมีจำนวนมากกว่าอีกฝ่ายกว่า 20,000 เสียง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกลุ่มผู้คัดค้านการแยกประเทศ
ด้าน นายอเล็ก ซัลมอนด์ นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ ผู้นำรณรงค์ในการแยกประเทศ กล่าวแถลงยอมรับผลการลงประชามติ ว่า การที่มีผู้ใช้สิทธิ์มากถึงร้อยละ 86 นับเป็นการใช้สิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดของโลกประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งหรือการลงประชามติ และขอขอบคุณผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการแยกประเทศ จำนวน 1,600,000 เสียง ซึ่งจากผลของการลงประชามติ สกอตแลนด์จะเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ในการผลักดันให้ประเทศนี้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป
ขณะที่ นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า ยินดีที่ชาวสกอตแลนด์ได้โหวตลงมติให้อยู่กับสหราชอาณาจักรต่อไปในการลงประชามติที่ผ่านมา
นายกฯ อังกฤษ เผยอีกว่า ชาวสกอตแลนด์ได้ออกมาแสดงความเห็นแล้ว และผลลัพธ์ก็ออกมาชัดเจน ชาวสกอตต้องการให้ประเทศอยู่ร่วมกับ 4 ประเทศต่อไป ผมรู้สึกดีใจเช่นเดียวกับประชาชนหลายล้านคน
นายคาเมรอน เผยต่อว่า จะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ก่อนลงประชามติ ว่าจะให้สกอตแลนด์มีอำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้น
"ตามที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ หัวใจผมคงจะแตกสลายถ้าได้เห็นสหราชอาณาจักรของเราสิ้นสุดลง" นายคาเมรอน กล่าว
สกอตแลนด์ เป็นชาติทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป และเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกของสหราชอาณาจักร มีพื้นที่ครอบคลุม 1 ใน 3 ทางตอนเหนือของเกาะบริเตนใหญ่ มีพรมแดนตอนใต้ร่วมกับอังกฤษ ด้านตะวันออกติดทะเลเหนือ ด้านตะวันตกติดมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองหลวงคือเอดินบะระ ส่วนเมืองที่มีประชากรมากที่สุดคือกลาสโกว์
สกอตแลนด์ มีขนาดประชากรเพียงหนึ่งในสามและประชากรเพียงหนึ่งในสิบของสหราชอาณาจักร แต่มีเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการท่องเที่ยวอันดับสองและสามของสหราชอาณาจักร คือเอดินบะระ และกลาสโกว์ รวมไปถึงเมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมันของยุโรปคือแอเบอร์ดีน โดยเป็นจุดเชื่อมต่อกับทะเลเหนือ เมืองสำคัญอื่นๆ ของสกอตแลนด์ได้แก่ เมืองดันดีที่เป็นเมืองทางด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เมืองสเตอร์ลิงที่เป็นเมืองหลวงเก่าของสกอตแลนด์ และมีเขตที่สูงที่เป็นดินแดนทะเลสาบภูเขาอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยที่สุดในสหราชอาณาจักร
เดิมราชอาณาจักรสกอตแลนด์เป็นประเทศอิสระที่ไม่ขึ้นกับประเทศอังกฤษ จนเมื่อปี ค.ศ.1603 ที่พระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ ได้ขึ้นครองบัลลังก์กษัตริย์แห่งประเทศอังกฤษ โดยทรงใช้พระนามว่า พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ จึงมีผลให้ทั้งสองประเทศมีกษัตริย์ปกครององค์เดียวกัน เรียกว่า Union of the Crowns อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของทั้งสองยังคงแยกจากกันอยู่จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1707 อังกฤษและสกอตแลนด์ได้รวมตัวกันด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ตามพระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ.1707 มีผลให้รวมกับราชอาณาจักรอังกฤษ และกลายเป็นราชอาณาจักรบริเตนใหญ่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'สก็อตแลนด์'ลงมติไม่แยกปท. 'Exit Poll'ระบุ54%อยู่อังกฤษ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี