ถล่มรร.ตายกว่า126ศพ
‘ตาลิบัน’โหดบุกกราดยิงนร.
แก้แค้นกองทัพปากีฯ
แฉโจมตีขณะเด็กสอบ
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเขย่าโลกขึ้น เมื่อมือปืน “กลุ่มตาลิบัน” ได้บุกจับตัวนักเรียน หลายร้อยชีวิตเป็นตัวประกันที่โรงเรียนแห่งหนึ่งของกองทัพปากีสถาน ในจังหวัดเปชาวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ จากนั้นมือปืนได้กราดยิงเข้าใส่กลุ่มนักเรียน อีกทั้งยังเกิดเหตุระเบิดหลายครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 95 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียน 82 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 40 คน
พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า กลุ่มมือปืนที่บุกลงมือก่อเหตุมี 5-6 คน ทั้งหมดแต่งกายในชุดทหาร ได้เข้ามาในโรงเรียน จากนั้นได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่น โดยเมื่อกำลังทหารมาถึงที่โรงเรียนก็มีการยิงต่อสู้กันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนที่กองทัพปากีสถาน จะส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยวางกำลังปิดล้อมโรงเรียนแห่งนี้ มีเฮลิคอปเตอร์บินหลายลำบินโฉบอยู่เบื้องบน และรถพยาบาลนำนักเรียนที่บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล
จามเชด ข่าน คนขับรถโรงเรียน ระบุว่า “เรากำลังยืนอยู่นอกโรงเรียน แล้วจู่ๆก็มีการกราดยิงชุลมุนวุ่นวายไปทั่ว เด็กๆและครูกรีดร้องจ้าละหวั่น”
นักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ในโรงเรียนขณะเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอกชนว่า “เรานั่งอยู่ในห้องสอบ ตอนที่เกิดเหตุกราดยิง ครูสั่งให้เรานอนลงกับพื้นเงียบๆ เรานอนอยู่อย่างนั้นหนึ่งชั่วโมง มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด พอเสียงปืนสงบ ทหารก็เข้ามาพาเราออกไป”
ขณะที่โรงพยาบาลเลดีเรดดิง ในจังหวัดเปชาวาร์ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนอัฟกานิสถาน และเป็นจุดที่เกิดเหตุไม่สงบอยู่เนืองๆ ระบุว่า โรงพยาบาลได้รับร่างผู้เสียชีวิตไว้อย่างน้อย 26 ราย โดยเป็นเด็กนักเรียน 23 คน ส่วนโรงพยาบาลทหารร่วม เผยว่า ร่างผู้เสียชีวิตที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง 69 ศพถูกส่งไปที่นั่น ในจำนวนนี้เป็นศพนักเรียน 59 คน
ด้านกองทัพปากีสถาน แถลงว่า สามารถอพยพตัวประกันออกมาได้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขที่แน่ชัด
ส่วน มูฮัมหมัด อูมาร์ โคราซานี โฆษกกลุ่มเตห์รี้ค เอ ตาลีบัน ปากีสถาน หรือ “ทีทีพี” ได้ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เพื่อต้องการแก้แค้นให้กับสมาชิกของกลุ่มที่ต้องเสียชีวิตหลายร้อยคน จากปฏิบัติการของกองทัพปากีสถานที่ส่งกำลังทหารมาปราบปรามกลุ่มทีทีพี ในเมืองวาสิริสถานเหนือ และเมืองไคเบอร์ ที่อยู่ใกล้เคียง ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“มือระเบิดฆ่าตัวตายของเราบุกเข้าไปในโรงเรียนหลายคน พวกเขาได้รับคำสั่งไม่ให้ทำร้ายเด็กๆ แต่ตั้งเป้าจู่โจมทหาร เราก่อเหตุโจมตีครั้งนี้เพื่อล้างแค้นการจู่โจมของทหารในแคว้นวาสิริสถานเหนือ” โฆษกกลุ่มตาลีบันเครือข่ายปากีสถาน กล่าว
สำหรับกลุ่มตาลีบานในปากีสถาน กำลังต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลและสถาปนาการปกครองแบบรัฐอิสลามเคร่งจารีต ได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะยกระดับการโจมตีเป้าหมายในปากีสถานให้รุนแรงขึ้น เพื่อตอบโต้กองทัพปากีสถานที่ดำเนินปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มก่อความไม่สงบในในพื้นที่แถบชนเผ่า
ทางด้านเหตุจับตัวประกันในออสเตรเลียได้ยุติลงแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ธันวาคม(ตามเวลาประเทศไทย) หลังจากที่ตำรวจออสเตรเลียพร้อมอาวุธหนัก ได้บุกเข้าไปในร้านนลินด์ ช็อคโกแล็ต คาเฟ่ ย่านมาร์ตินเพลซ ในนครซิดนีย์ เพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกคนร้ายควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ภายใต้ปฏิบัติการที่รวดเร็วเพื่อยุติวิกฤตการณ์ที่ยืดเยื้อนาน 16 ชั่วโมง โดยมีผู้เสียชีวิต 3 คน คือ นายมัน ฮารอน โมนิส วัย 50 ปี ผู้อพยพชาวอิหร่าน ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ , นายทอรี่ จอห์นสัน ผู้จัดการร้านวัย 34 ปี และนางแคทริน่า ดอว์สัน คุณแม่ลูกสาม อาชีพทนายความ วัย 38 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน รวมทั้งตำรวจ 1 นาย ที่ถูกกระสุนลูกปรายที่ใบหน้า และผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกยิงที่ขา
สำหรับนายโมนิส มีประวัติเคยกระทำผิดเมื่อปี 2555 ฐานส่งข้อความข่มขู่และดูหมิ่นครอบครัวทหาร 8 นาย ที่เสียชีวิตในอัฟกานิสถาน เพื่อประท้วงที่ออสเตรเลียเข้าไปพัวพันกับสงครามในอัฟกานิสถาน และปีที่แล้วถูกตั้ง 40 ข้อหา ในคดีประทุษร้ายทางเพศ และสมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมภรรยาเก่าของเขา โดยมือปืนรายนี้เข้ามายังออสเตรเลียในฐานะผู้ลี้ภัยในปี 1996
ด้าน แอนดรูว์ ชิปิโอเน ผู้บัญชาการตำรวจนิวเซาท์เวลส์ แถลงว่า ที่ตัดสินใจบุกเข้าไปยังอาคารโดยปราศจากการแจ้งเตือนใดๆ เพราะมีตัวประกันเสียชีวิต ถ้าไม่บุกเข้าไปอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าตัวประกันที่เสียชีวิต 2 คน เพราะถูกคนร้ายสังหาร หรือถูกลูกหลง
ขณะที่ผู้คนต่างนำดอกไม้ไปวางหน้าร้านลินด์ เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ธงชาติทั่วนครซิดนีย์ยังถูกลดลงครึ่งเสา โดยครอบครัวของนายจอห์นสัน กล่าวว่า ทอรี่ จะอยู่ในความทรงจำของครอบครัวไปตลอดกาล ขณะที่อาร์บิชอปแอนโธนี ฟิชเชอร์ ประธานในพิธีศพผู้เสียชีวิตทั้งสอง กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นวีรบุรุษที่สละชีวิตตนเองเพื่อให้ผู้อื่นอยู่รอด
ด้าน โทนี แอ็บบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงว่า จะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุว่าอะไรคือสิ่งที่นายโมนิส ต้องการในการก่อเหตุจี้จับตัวประกัน และทำไมเขาจึงเลือกร้านกาแฟ เป็นเป้าหมาย โดยคนร้ายใช้สัญลักษณ์ของ “ลัทธิความตายของไอเอส” ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าออสเตรเลียเปราะบางต่อสิ่งที่เรียกว่า “ความรุนแรงที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง”
ส่วนสถานกงสุลใหญ่ของไทย ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ระบุว่า ระยะนี้สมาชิกชมรมมุสลิมไทยฯ อาจต้องเฝ้าระวังผลกระทบในเชิงลบจากคนท้องถิ่นที่ไม่พอใจที่ชาวมุสลิมต่างชาติก่อเหตุในลักษณะนี้ ดังนั้นสถานกงสุลใหญ่ไทยฯขอให้ชาวไทยมุสลิมในออสเตรเลีย เพิ่มความระมัดระวัง ถ้าประสบเหตุร้ายใดๆให้รีบแจ้งสถานกงสุลใหญ่ไทยฯทันที และเนื่องจากออสเตรเลียเสี่ยงต่อการก่อการร้าย จึงขอเตือนให้ชาวไทยในนครซิดนีย์ และรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระมัดระวังการเดินทางไปในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนชุมนุมหนาแน่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี