การประชุมเศรษฐกิจโลกในปีนี้มุ่งเน้นไปที่ทิศทางการพัฒนาของโลกในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์โลกมีความซับซ้อนขึ้น อาจมีผลต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ และทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจต้องยุติลง
การประชุมเศรษฐกิจโลกหรือ WEFครั้งที่ 45 จัดขึ้นที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ระหว่างวันที่ 21-24 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนกว่า 2,500 คน จาก 140 ประเทศเข้าร่วมประชุมประเด็นของการประชุมฟอรัมดาวอสประจำปีนี้คือ “โลกในสภาวการณ์ใหม่” ซึ่งมีเป้าหมายพิจารณาทิศทางการพัฒนาของโลกในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์โลกมีความสลับซับซ้อน อ่อนแอและไม่มั่นคง เป็นภัยต่อความคืบหน้าของประเทศและภูมิภาคตลอดจนทั่วโลก จนอาจทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศและความร่วมมือเพื่อให้เศรษฐกิจโลกดำเนินไปในทิศทางดียวกันต้องยุติลง เห็นได้จากความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกที่ลดระดับลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามเย็น การระบาดของไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก ราคาน้ำมันโลกที่ตกต่ำ ตลอดจนการคุกคามโดยใช้อาวุธนิวเคลียร์
การประชุมในปีนี้จึงมีการพบปะหารืออย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการของฝ่ายต่างๆ เพื่อผลักดันความพยายามในการสร้างสันติภาพในโลกอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แถลงการณ์ของที่ประชุมมุ่งเน้นไปที่ 10 ความท้าทายใหญ่ที่โลกต้องเผชิญเช่น ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ ทักษะการทำงานและแหล่งบุคลากร ความเสมอภาคทางเพศ การลงทุนระยะยาว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตร การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศตลอดจนอนาคตของระบบการเงิน เป็นต้น ระหว่างการประชุม บรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมได้อภิปรายการรับมือกับการท้าทายทั่วโลกที่สลับซับซ้อนโดยผ่าน 4 ประเด็น อันได้แก่ “การเติบโตกับความมั่นคง” “วิกฤติกับความร่วมมือ” “สังคมกับความปลอดภัย” ตลอดจน “การสร้างสรรค์ใหม่กับกิจกรรม” นอกจากนี้ ที่ประชุมยังประกาศรายงานเกี่ยวกับความเสี่ยงทั่วโลกในปี 2015 ก่อนจัดการประชุม โดยมีการรวบรวมการประเมินของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่างๆ และการคาดการณ์ผลกระทบที่แฝงอยู่และความเป็นไปได้ที่เกิดความเสี่ยงหลักของโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งความเสี่ยงหลักของโลกก็คือความเสี่ยงทางสังคมและภูมิศาสตร์การเมือง เช่น ผลกระทบต่อภูมิภาคจากการปะทะระหว่างประเทศ เหตุการณ์อากาศที่รุนแรง การล้มเหลวของการปกครองประเทศ การสลายตัวหรือวิกฤติของประเทศ และอัตราตกงานสูง เป็นต้น ส่วนวิกฤติทรัพยากรน้ำกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อถูกระบุว่าเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่สุดที่มีผลกระทบ มากที่สุด หนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดในปีนี้คือการรักษาความมั่นคงทั่วโลก ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูความไว้วางใจและหลักประกันทางการเมืองและเศรษฐิจ สองระบบที่มีการเกื้อหนุนกัน โดยโลกต้องรับมือกับการปะทะทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่ทำให้ทุกฝ่ายได้สูญเสียความไว้วางใจกันจนส่งผลเสียต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ทางด้านกรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ นางคริสติน ลาการ์ด ระบุว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่แม้จะมีสัญญาณที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและราคาน้ำมันที่ลดลง แต่เพื่อที่จะค้ำประกันให้มีการฟื้นฟูอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจโลก จำเป็นต้องมีปฏิบัติการที่เหมาะสมจากบรรดานักวางนโยบายจากทุกภูมิภาค เธอบอกว่าสถานการณ์ปัจจุบัน มีผู้ร่ำรวยเพิ่มขึ้นจากราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องรายได้ และความร่ำรวย ดังนั้นต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดความไม่เท่าเทียมดังกล่าว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโต เป็นอุปสรรคต่อการจ้างงาน และเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงระบบเศรษฐกิจของกลุ่มสตรี
สำหรับประเด็นที่มีผู้สนใจทั้งวงการเมือง เศรษฐกิจและการค้าให้ความสนใจอย่างมาก คือการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ซึ่งโอกาสนี้นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่าปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนกำลังเข้าสู่ช่วงการพัฒนาด้วยรูปแบบใหม่ๆ โดยเปลี่ยนลักษณะจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดมาเป็นการเติบโตระดับปานกลาง นอกจากนี้ การพัฒนาที่มีระดับต่ำและปานกลาง กำลังเปลี่ยนเป็นการพัฒนาที่มีระดับสูง และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ จีนจำเป็นต้องส่งเสริมการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง นายหลี่ เค่อ เฉียง ชี้แจงว่า การที่เศรษฐกิจจีนมีอัตราเติบโตชะลอตัวในระดับหนึ่งนั้นเกิดจากสาเหตุสองประการดังนี้ คือประการแรกเศรษฐกิจโลกปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ค่อนข้างนาน และประการที่สอง การพัฒนาของเศรษฐกิจจีนมีกฎการพัฒนาของมันเอง ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ยอดผลิตภัณฑ์มวลรวมมีจำนวนค่อนข้างมาก สมมุติว่าอัตราเติบโตของเศรษฐกิจมีเพียง 7% เท่านั้น ยอดผลิตภัณฑ์มวลรวมก็ยังจะมีส่วนเพิ่มมากถึงกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าส่วนเพิ่มของเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่เศรษฐกิจมีอัตราเติบโตสูงถึง 10%
นายหลี่ ยอมรับว่าในปีนี้ การพัฒนาของเศรษฐกิจจีนยังคงต้องประสบแรงกดดันค่อนข้างมาก ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ จีนต้องผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วในระยะสั้น และให้เติบโตในระดับปานกลางและค่อนข้างสูงในระยะยาว เพื่อให้เศรษฐกิจมีคุณภาพในระดับที่สูงขึ้น นายหลี่ ยังกล่าวว่า ขณะนี้ จีนกำลังใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงด้านหนี้สินและธุรกิจการเงินรูปแบบอื่นๆ ส่งเสริมการปฏิรูประบบการเงิน พร้อมให้คำมั่นว่า จะไม่เกิดความเสี่ยงต่อการเงินในภูมิภาค นอกจากนี้ระบการเงินและเศรษฐกิจจีนจะไม่ตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างรุนแรง เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ความท้าทายต่างๆ ของโลกได้ส่งผลกระทบต่อเนื้อหาของการประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโลกกำลังเข้าสู่วิกฤติในทุกด้าน ดังนั้นการแสวงหาหนทางเพื่อหลุดพ้นวิกฤติเหล่านี้ จำเป็นต้องได้ความร่วมมือและความพยายามของทุกประเทศและทุกชาติ ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของ WEF แต่เพียงฝ่ายเดียว
การประชุมดาวอสประจำปี 2015 หรือการประชุมเศรษฐกิจโลก ครั้งที่ 45 จะจัดขึ้นที่ดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 24-26 มกราคมนี้ ผู้แทนกว่า 2,500 คน จาก 140 ประเทศจะเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะเข้าร่วมการประชุมประจำปีและกล่าวปาฐกถาด้วย
เช้าวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา นายเคลาส์ ชวาร์บ (Klaus Schwab) ประธานการประชุมฟอรัมเศรษฐกิจโลกได้จัดงานแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ของเจนีวา ประกาศว่าประเด็นของการประชุมฟอรั่มดาวอสประจำปี 2015 คือ “สถานการณ์ใหม่ทั่วโลก” ซึ่งมีวัตถุประสงค์พิจารณาทิศทางพัฒนาของโลกในอนาคตจากแง่มุมมหภาคการประชุมฟอรัมเศรษฐกิจที่ดาวอสซึ่งจะจัดขึ้นในทุกต้นปีได้รับความสนใจจากทั่วโลก ประเด็นของการประชุมปีนี้คือ “สถานการณ์ใหม่ทั่วโลก” ซึ่งการประชุมเศรษฐกิจโลกเห็นว่า ปัจจุบันสถานการณ์โลกสลับซับซ้อน อ่อนแอไม่มั่นคง เป็นภัยต่อความคืบหน้าของประเทศและภูมิภาคตลอดจนทั่วโลก กระทั่งอาจจะทำให้สภาพความร่วมมือระหว่างประเทศและการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันทางเศรษฐกิจของโลกที่เริ่มตั้งแต่ปี 1989 นั้นสิ้นสุดลงระหว่างการประชุม บรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมจะอภิปรายการรับมือกับการท้าทายทั่วโลกที่สลับซับซ้อนโดยผ่าน 4 ประเด็น อันได้แก่ “การเติบโตกับความมั่นคง” “วิกฤติกับความร่วมมือ” “สังคมกับความปลอดภัย” ตลอดจน “การสร้างสรรค์ใหม่กับกิจการ” ส่วนในการจัดการประชุมย่อย ได้มีประเด็นย่อย 280 ประเด็น เช่น “ทอดสายตามองเศรษฐกิจจีน” “วิกฤติการเมืองทางภูมิประเทศของทั่วโลก” “การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ” และ “ความปลอดภัยและการท้าทางทางอินเตอร์เนต” เป็นต้น
การประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2513 โดยจุดประสงค์หลักของการจัดการประชุมที่เมืองดาวอสก็เพื่อให้นักธุรกิจชั้นนำของโลกมีโอกาสใช้ความคิดและนำเสนอแนวคิดของตนได้อย่างอิสระเสรี และหลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน โดยศาสตราจารย์คลอส ชวาร์บ นักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมันซึ่งเป็นต้นคิดของการประชุม เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม กล่าวว่าเขาต้องการให้การประชุมนี้ เป็นศูนย์รวมของนักคิดที่มาร่วมกันค้นหาทางออกของปัญหาต่างๆ ไม่ใช่การมาประชุมเพื่อตัดสินใจในนโยบายใดนโยบายหนึ่ง ซึ่งหลังจากการประชุมหลายครั้งผ่านพ้นไป ปัจจุบัน ดาวอส กลายเป็นศูนย์รวมของศิลปิน นักการเมือง นักเคลื่อนไหวจากสหภาพแรงงาน นักประดิษฐ์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก นักคิดคนสำคัญจากสถาบันต่างๆ รวมถึง เจ้าของกิจการรุ่นใหม่ที่มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือในประเด็นสำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้โดยในปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมหลายพันคน ซึ่งมีทั้งผู้นำจากประเทศต่างๆ กว่า 40 คน รัฐมนตรีและนักการเมืองผู้ติดตามอีก 80 คน รวมถึงผู้บริหารจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอีกกว่า 1,600 คน ซึ่งประเด็นที่จะมีการพูดคุยหารือกันในที่ประชุมมีทั้งเรื่องทั่วไป เช่น ความปลอดภัยในการใช้อินเตอร์เนตในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น หรือการต่อสู้กับความยากจน เป็นต้น
แต่ประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้การจับตามองมากเป็นพิเศษในปีนี้ก็คือประเด็นเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน รวมถึงวิกฤติยูโรโซนซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจยุโรป และเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้อีกปัญหาหนึ่งที่ทุกคนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ก็คือปัญหาระบบทุนนิยมโลกที่ปัจจุบันหลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า ระบบทุนนิยมที่ใช้กันอยู่ในตอนนี้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 มากน้อยแค่ไหนสำหรับใครที่เคยสงสัยว่า เราจะได้อะไรจากการประชุมในครั้งนี้คำตอบที่ได้จากการวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ค่อนข้างตรงกันว่าอย่าคาดหวังอะไรกับการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส เพราะผู้จัดไม่ได้กำหนดว่า ผู้เข้าร่วมประชุมต้องได้รับอะไรจากการประชุมเนื่องจากจุดประสงค์หลักที่ผู้จัดต้องการก็คือ การแลกเปลี่ยนไอเดียที่สดใหม่ การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกรวมถึงแนวทางในการจัดการกับปัญหานั้นๆ นั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี