วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์) - ทำเนียบขาวสหรัฐเผยแนวโน้มที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในวันพฤหัสบดีนี้ แต่จะไม่รวมสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโกและบางประเทศ
แหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐจะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อใช้มาตรการกีดกันทางการค้าในวันพฤหัสบดีเวลา 15.30 น. หรือเวลา 03.30 น. วันศุกร์ในไทย เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐกล่าวว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ใน 2 สัปดาห์ ภายหลังจากนายทรัมป์ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี
มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กร้อยละ 25 และอะลูมิเนียมร้อยละ 10 เพื่อสกัดไม่ให้สินค้าจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่าเข้ามาตีตลาด โดยเฉพาะจีน ซึ่งผู้นำสหรัฐบอกว่าบ่อนทำลายอุตสาหกรรมและการจ้างงานในสหรัฐอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีประเทศใดบ้างซึ่งอยู่ในบัญชีที่ได้รับการยกเว้น ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เผชิญแรงกดดันว่าไม่ควรจะรวมพันธมิตรของสหรัฐเข้าอยู่ในกลุ่มที่จะกีดกันทางการค้าด้วย โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีสหรัฐจะลงนามในปลายสัปดาห์นี้ และจะพิจารณาดำเนินการเป็นรายประเทศไปโดยคำนึงถึงความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ
ด้านโฆษกทำเนียบขาวระบุว่า แคนาดา เม็กซิโก และประเทศอื่นๆ อาจไม่อยู่ในเป้าหมายการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐ ชี้ให้เห็นว่า สหรัฐมีท่าทีอ่อนลงในแผนการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม หลังถูกนานาชาติแสดงความไม่พอใจ และจะใช้มาตรการตอบโต้ อย่างไรก็ดี นางอีน เอริกเซน โซไรด์ รัฐมนตรีต่างประเทศนอร์เวย์ เผยกับสำนักข่าวเอ็นทีบี ของนอร์เวย์ ว่า นอร์เวย์ไม่ได้เตรียมมาตรการตอบโต้ใดๆ เพราะเชื่อว่าการจะจำกัดการค้าด้วยการเรียกเก็บภาษีกับผู้บริโภคและธุรกิจนอร์เวย์ควรมีเกณฑ์ที่สูงพอสมควร แม้ทางการมีบริษัทผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก แต่ส่วนใหญ่ส่งออกไปสหภาพยุโรป (อียู) ขณะที่บริษัทอื่นๆ ก็ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลากหลายอย่าง เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ ปลา ปุ๋ย ทั้งหมดพึ่งพาระบบการค้าโลกที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี อนึ่ง นอร์เวย์ไม่ได้เป็นสมาชิกอียูที่ประกาศว่าจะตอบโต้มาตรการเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐ
ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐออกรายงานว่า มูลค่าการขาดดุลการค้าประจำเดือนม.ค. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 56,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.77 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 5% จากสถิติของเดือนธ.ค. 2560 ซึ่งอยู่ที่ 53,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.69 ล้านล้านบาท) ถือเป็นมูลค่าการขาดดุลการค้าสูงที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติการเงินโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี