‘เชบี’ถล่มญี่ปุ่นพินาศ
ยอดดับพุ่ง11เจ็บกว่า600
2.4ล.ครัวเรือนไร้ไฟฟ้า
ปิด‘คันไซ’ไม่มีกำหนด
ไต้ฝุ่น “เชบี” อ่อนกำลังลงแล้วหลังถล่มญี่ปุ่นเสียหายอย่างยับเยิน ยอดเสียชีวิต 11 ศพ บาดเจ็บกว่า300คน อีก 2.4ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ทางการสั่งปิดสนามบินคันไซพร้อมอพยพผู้คนหลังคลื่นซัดท่วมรันเวย์ขณะสะพานเชื่อมพัง หลังแรงลมพัดเรือน้ำมันชน
หลังจากไต้ฝุ่น’เชบี’พัดถล่มพื้นที่ตะวันตกของญี่ปุ่นช่วงบ่ายวันที่ 4 กันยายนด้วยความเร็วลม 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นไต้ฝุ่นระดับรุนแรงที่สุด ที่พัดเข้าประเทศญี่ปุ่นในรอบ25 ปี ความรุนแรงไต้ฝุ่นพัดขึ้นฝั่งแล้วทำให้เกิดลมกระโชกแรงฝนตกลงมาอย่างหนัก สร้างความเสียหายอย่างแก่อาคารบ้านเรือนและทรัพย์สินจำนวนมากลอดแนวชายฝั่งตะวันตกและภาคเหนือของญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ทางเว็บไซต์บรรษัทกระจายเสียงญี่ปุ่น(เอ็นเอชเค)รายงานว่าหลังไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก แรงลมพัดหลังคาของสถานีรถไฟเกียวโตพังถล่มลงมาจนคนต้องวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ส่วนสนามบินคันไซเป็นหนึ่งในสนามบินหลักที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นบนเกาะที่มีการถมทะเลขึ้นได้ถูกคลื่นสูงซัดฝั่งเกิดน้ำท่วมจนเต็มรันเวย์
สั่งปิดสนามบินคันไซจมรันเวย์
ด้านกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นสั่งปิดสนามบินคันไซอย่างไม่มีกำหนด หลังน้ำท่วมอย่างหนักเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพรันเวย์และอุปกรณ์สนามบินพร้อมเร่งซ่อมแซมสะพานซึ่งเป็นเส้นทางหลักเพียงเส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อสนามบินกับแผ่นดินใหญ่เข้าสู่สนามบินที่เสียหายถูกตัดขาดหลังมีเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ถูกคลื่นซัดมาชนเข้ากับตัวสะพานจนได้รับความเสียหายทำให้การสัญจรทั้งทางรถและทางรถไฟไม่สามารถใช้การได้
ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารที่ตกค้างมากกว่า 3,000คนโดยเตรียมลำเลียงผู้โดยสารด้วยเรือเฟอร์รี่ไปยังสนามบินโกเบที่อยู่ใกล้ที่สุดแทนยังคงมีผู้ตกค้างอยู่ที่สนามบินอีกกว่า2,000คน คาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาราว 1สัปดาห์จึงจะเปิดใช้งานสนามบินคันไซได้อีกครั้งจากผลกระทบไต้ฝุ่นเชบีต้องยกเลิกเที่ยวบินราว 800 เที่ยว รวมทั้งต้องระงับให้บริการรถไฟในพื้นที่
เสียชีวิต11บาดเจ็บกว่า300
ถึงขณะนี้ยังมีประชาชนประมาณ2.4 ล้านครัวเรือนในจังหวัดโอซากาและพื้นที่โดยรอบ ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้และเบื้องต้น มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเป็น11คน ส่วนผู้บาดเจ็บมากกว่า300คน
ด้าน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือภัยพิบัติครั้งนี้พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนดำเนินการต่างๆเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองรวมถึงเตรียมพร้อมและอพยพไปที่ปลอดภัยให้ทันท่วงที
วันเดียวกัน สถานกงสุลใหญ่ ประจำนครโอซากา ออกประกาศให้นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ติดอยู่ในสนามบินคันไซ ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อขอรับความช่วยเหลือ หลังสนามบินเริ่มขนย้ายผู้โดยสารออกโดยทางเรือไปยังสนามบินเมืองโกเบ ถ้าต้องการเดินทางกลับไทย สามารถติดต่อสายการบินตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏในบัตรโดยสาร
ล่าสุดไต้ฝุ่น’เชบี’เคลื่อนตัวออกจากเกาะฮอกไกโดทางภาคเหนือไปแล้ว อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแต่ทางการยังคงเตือนประชาชนทางภาคเหนือระวังอันตรายจากกระแสลมแรงและคลื่นสูง
อุตุเตือนทั่วไทยยังฝนตกหนัก
กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย รายงานสภาพอากาศลักษณะทั่วไประบุมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทย มีกำลังปานทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่งขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วยส่วนผู้ที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วยเนื่องจากพายุโซนร้อนเชบิกำลังเคลื่อนตัวผ่านบริเวณดังกล่าว
บิ๊กฉัตรถกผู้ว่าฯ3จว.จัดการน้ำ
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่าจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่จ.กาญจนบุรีทั้งเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนจุฬาลงกรณ์ มีปริมาณน้ำค่อนข้างมากต้องเร่งคุยเรื่องการเก็บน้ำ ระบายน้ำ การบริหารจัดการน้ำเพราะกังวลไม่อยากให้การระบายน้ำส่งผลกระทบต่อในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรีและสมุทรสงครามจึงเชิญผู้ว่าฯทั้ง3จังหวัด มาหารือแนวทางบริหารจัดการเพื่อเตรียมการป้องกันและเน้นย้ำต้องชี้แจงประชาชนให้ทราบล่วงหน้า
ในเดือน ก.ย.นี้คาดว่ามรสุมที่พาดผ่านจะอยู่ตอนกลางประเทศ จะส่งผลกระทบต่อ2เขื่อน ต้องบริหารจัดการให้ดีให้เกิดผลกระทบประชาชนให้น้อยที่สุดหลังกลางเดือน ก.ย.นี้จะฝนทิ้งช่วงต้องคิดจะต้องเริ่มกักเก็บน้ำซึ่งในวันที่14ก.ย.นี้จะประชุมติดตามสถานการณ์ภาพรวมทั้งหมดของทุกภาคเพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำ เก็บข้อมูลทุกส่วนหลังกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าตอนกลางเดือนก.ย.ทุกอย่างจะชัดเจน ส่วนพื้นที่บางระกำและ12ทุ่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นพื้นที่รับน้ำในทางกรมประมงเป็นนำพันธุ์ปลาไปปล่อยกว่าพันตันซึ่งประชาชน จะมีได้รายได้เพิ่มขึ้น
เขื่อนเจ้าพระยาลดพร่องน้ำ
สำหรับสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ได้มีการปรับลดการระบายน้ำลงจากเดิมที่มีการคงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 820 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาทีต่อเนื่องมา 4 วัน ลงเหลือ800 ลบ.ม.ต่อวินาที หลังปริมาณน้ำที่ไหลจากภาคเหนือลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำหน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ลดลงวัดได้1,070 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเริ่มลดลงตามไปด้วยตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงไป จ.สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะลดลงเฉลี่ย 5-10เซนติเมตรในอีก24ชั่วโมงข้างหน้า
แต่ต้องขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมตลิ่งทั้ง2ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปเนื่องจากในสัปดาห์นี้จะยังคงมีฝนตกชุกในพื้นที่ทางตอนบนของประเทศ ที่อาจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำเกิน800ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีได้อีกครั้ง
ปราจีนฯน้ำป่าทะลักท่วมกลางดึก
จ.ปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา03.30น.เกิดเหตุน้ำป่าจากเทือกเขาเพกา เขตติดต่อน้ำตกธารทิพย์ ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หมู่7ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมทันทีกว่า 30 หลังคาเรือน น้ำป่าไหลรุนแรงและเร็วทำให้สิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหาย ชาวบ้านบอกว่ าถึงแม้จะมีการแจ้งเตือนแล้ว แต่น้ำมาเร็วมากจนไม่สามารถเก็บของได้ทันบางจุดระดับน้ำสูงกว่า60 เซนติเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้และมีโรงเรียนสั่งหยุดเรียนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนโดยระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีน้ำสะสมจากเขาใหญ่ ไหลหลากลงมาอย่างต่อเนื่องเพราะยังคงมีฝนตกโปรยปรายตลอดเวลาคาด จะมีพื้นที่ถูกน้ำป่าหลากเข้าท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น
ส่วนสถานการณ์ระดับแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดนครพนม และมุกดาหาร ยังเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อลำน้ำสาขา โดยเฉพาะลำน้ำสงคราม ล้นตลิ่งเข้าท่วมอำเภอศรีสงคราม กว่า 400 หลังคาเรือน ชาวบ้านเดือดร้อนนานกว่า 1 เดือนและหลายหน่วยงานเร่งช่วยเหลือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี