‘มังคุด’แผลงฤทธิ์หนัก
ถล่มฟิลิปปินส์ดับแล้ว2
อพยพหนีภัยกว่า4ล้านคน
ไทยกระทบหลายจังหวัด
น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนปชช.
จนท.ระดมกำลังเข้าช่วย
ซูเปอร์ไต้ฝุ่น“มังคุด”กระหน่ำตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดลมแรงและฝนตกหนัก มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ส่วนไทยได้รับผลกระทบหลายจังหวัด เรือประมงชายฝั่งต้องหยุดออกหาปลา หลายพื้นที่มีน้ำท่วม ชาวบ้านขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือ
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นมังคุดที่นักอุตุนิยมวิทยาระบุว่ารุนแรงที่สุดในปีนี้ ขึ้นฝั่งเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักของฟิลิปปินส์เมื่อเวลา 01.40 น.วันเสาร์ที่ 15 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 00.40 น.วันเสาร์ตามเวลาในไทย มีความเร็วลมเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุด 330 กม./ชม. แต่ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางลดลงเหลือ 185 กม./ชม. อิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและลมพายุรุนแรง โค่นต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้ม หลังคาบ้านปลิว อาคารบ้านเรือนแทบทุกหลังคาเรือนในเมืองเตกูกาเราบนเกาะลูซอนได้รับความเสียหายบางส่วน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน ทางการยกระดับเตือนภัยเมื่อวันศุกร์เป็นสูงสุดระดับ 2 เพราะมีโอกาสเกิดความเสียหายร้ายแรงและเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งสูงถึง 6 เมตร ประชาชนในเส้นทางพายุมากกว่า 4 ล้านคนพากันเก็บข้าวของที่จำเป็นอพยพเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ หลังขึ้นฝั่งพัดถล่มเกาะลูซอน ซูเปอร์ไต้ฝุ่นมังคุดกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกคาดว่าจะพัดผ่านชายฝั่งทางใต้ของจีน ระหว่างมณฑลกวางตุ้งกับเกาะไหหลำที่มีประชากรหนาแน่นภายในสุดสัปดาห์นี้ ทำให้ทางการท้องถิ่นเตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 20,000 นายเตรียมรับมือและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนทางการมณฑลฝูเจี้ยนสั่งอพยพประชาชนแล้ว 51,000 คน และเรียกเรือประมงกว่า 11,000 ลำกลับเข้าฝั่ง
ขณะที่สายการบินคาร์เธย์ แปซิฟิก สายการบินหลักของฮ่องกง ประกาศยกเลิกเที่ยวบินกว่า 400 เที่ยวไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ดี สำนักอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นจะไม่กระหน่ำฮ่องกงโดยตรงแต่ลมแรงและฝนตกหนักอาจสร้างความเสียหายหนัก ก่อนที่ไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวต่อไปทางเหนือของเวียดนามต่อไป
ส่วนในประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศทางภาคใต้ ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 กันยายน พายุไต้ฝุ่นมังคุดได้เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 170 กม./ชม. เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน เข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน และอ่อนกำลังลงตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณพื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ในช่วงวันที่ 16-20 กันยายน 2561 จะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ส่วนสถานการณ์ทั่วไป ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน เวลา 18.00 น. ได้เกิดฝนตกอย่างหนักและพายุฤดูร้อนพัดอย่างแรงทำให้มีบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 5 หลังคาเรือน บางพื้นที่มีต้นไม้ข้างบ้านล้มทับได้รับความเสียหายอย่างหนักซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ทหารพราน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ออกไปสำรวจ ความเสียหายเพื่อจะได้แจ้งให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
ขณะที่ เรือประมงพื้นบ้านที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยของ จ.สงขลา ทั้ง 6 อำเภอไล่ตั้งแต่ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร เมือง จะนะ และ อ.เทพา เริ่มหยุดออกเรือชั่วคราวเนื่องจากสภาพอากาศกลางทะเลเริ่มแปรปรวนจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นมังคุด ทำให้เริ่มมีฝนตกและคลื่นกลางทะเลสูงกว่า 2 เมตร และบางส่วนต้องออกมาทอดแหบริเวณชายฝั่งเมื่อหารายได้เสริมในช่วงที่ต้องหยุดออกเรือย่างน้อย 6 วัน แม้ว่าทะเลอ่าวไทยตอนล่างจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็ตาม
ส่วนพื้นที่ตามเกาะใน จ.พังงา โดยเฉพาะที่เกาะยาวใหญ่ ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา เกาะกลางทะเล สภาพอากาศมีคลื่นลมแรงบ่อยครั้ง ทำให้มีการนำเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กหาแหล่งหลบลม โดยเฉพาะจุดหลบลมหน้าเกาะ ชาวประมงพื้นบ้านจะนำเรือมาหลบลมกันจำนวนมาก ขณะที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา ได้ออกประกาศเตือนชาวเรือให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระหว่างวันที่ 13-18 กันยายน
ที่ จ.ตรัง หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในลำคลองต่างๆเพิ่มขึ้นมากและมีสีขุ่น โดยเฉพาะในลำคลองหินขวาง ซึ่งรับน้ำจากเทือกเขาบรรทัด ฝั่ง อ.ย่านตาขาว และ อ.ปะเหลียน ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนเกือบเต็มตลิ่ง ชาวบ้าน 2 ฝั่งคลอง ต้องเตรียมพร้อมรับมือ เนื่องจากเกรงจะเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ได้ ขณะที่ทางจังหวัดตรังก็สั่งหน่วยงานองค์กรปกครองในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือในการให้ความช่วยเหลือประชาชน
ที่ชุมชนวัดมหาธาตุ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกติดต่อกันหลายชั่วโมงส่งผลให้มีน้ำไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายหลัง เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี ได้นำเครื่องสูบน้ำเข้าเร่งสูบน้ำเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำท่วมสูงราว 50 ซม. ชาวบ้านต้องเร่งช่วยกันขนของและย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูง ซึ่งทางเทศบาลเมืองราชบุรีได้นำเต๊นท์ตั้งเพื่อให้ประชาชนได้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว เช่นเดียวกับชุมชนร่มรื่นพัฒนา เขตเทศบาลเมืองราชบุรี พร้อมทั้งประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำให้เฝ้าระวังสถานการณ์จากฝนตกหนักและฝนตกสะสม
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในช่วงวันที่ 17-19 กันยายน ว่า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณลุ่มน้ำปราจีนบุรี นครนายก และบางปะกง จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี