ในบางเวลา เราคงเคยสงสัยว่าการที่สุนัขมานั่งข้างๆ เรา นั่งเป็นเพื่อนดูทีวี หรืออยู่ดีๆ ก็เห่าขึ้นมา (ทำตัวเป็นหมาเห่าใบตองแห้งซะงั้น) บางทีก็หอน ทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกันนะ
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าความสามารถ หรือข้อจำกัดของ (หมาและคน) เรานั้นต่างกัน เราอาจจะเห็นในสิ่งที่เขาไม่เห็น แล้วก็ต้องยอมรับว่าเขาได้ยิน หรือได้กลิ่นในสิ่งที่เรารับรู้ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหากเราอยากจะเข้าใจเขาให้มากที่สุด ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนครับ ว่าความสามารถของเขามีแค่ไหนกัน
สำหรับคนเรา การมองเห็นด้วยตาเป็นประสาทรับสัมผัสที่สำคัญแต่โลกทัศน์ของสุนัขนั้น ไม่ได้ใช้แค่ตาเท่านั้น แต่ยังมีหู จมูก ซึ่งสำคัญมากในการติดต่อกับโลกภายนอก โดยประสาทสัมผัสนี้ตอนแรกเกิดจะยังไม่พัฒนาเต็มที่ จนเมื่อสุนัขอายุประมาณ 7 สัปดาห์ จึงพัฒนาสมบูรณ์ เรามาทำความเข้าใจในแต่ละระบบประสาทของสุนัขกันนะครับ
หู
การทำงานของหูสุนัขในการฟังเสียงนั้น อาจไม่แต่กต่างไปจากคนเท่าไร ที่ต่างกันคือ “ใบหู” ซึ่งใบหูสุนัขมีความหลากหลายตามสายพันธุ์ บางพันธุ์หูใหญ่ยาว บางพันธุ์ก็มีหูตั้ง ใบหูสุนัขประกอบไปด้วยกระดูกอ่อน ที่สามารถหมุนไปมาเพื่อปรับทิศทางในการรับฟังเสียได้โดยกล้ามเนื้อที่ประกอบอยู่รอบใบหู
การได้ยินของสุนัขดีกว่าคนเรามาก สามาถหาแหล่งที่มาของเสียงได้ดี ซึ่งมีประโยชน์ในการล่าสัตว์ สุนัขสามารถได้ยินเสียคลื่นความถื่ 20-60 กิโลเฮิร์ทซ์ นอกจากนั้นสุนัขยังสามารถได้ยินเสียงอัลตราซาวด์ ซึ่งมีคลื่นความถื่สูงกว่าที่คนจะได้ยิน เชื่อว่าเสียงนี้มีประโยชน์ในตอนที่เป็นลูกหมา ใช้ในการร้องเรียกแม่ และยังใช้ในการสื่อสารกันในระยะใกล้ๆ ใช้ประโยชน์ในการล่าเหยื่อได้ด้วย
ตา
สุนัขมีเชื้อสายมาจากสุนัขป่า เป็นนักล่าที่หากินในช่วงพลบค่ำ ดังนั้นก่ารรับภาพของดวงตาสุนัขจึงมีการพัฒนาให้เหมาะกับการทำงานในช่วงเวลาดังกล่าว สุนัขจึงมองเห็นได้ดีกว่าคนโดยเฉพาะในที่ๆ มีแสงสลัว เพราะมีองค์ประกอบภายในตาสุนัขที่ไวแสงกว่าคนประมาณ 3 เท่า และมีลักษณะภายในตาใกล้กับจอตาที่สามารถสะท้อนแสงได้ คล้ายกับกระจก องค์ประกอบนี้ทำให้เกิดลักษณะแววตาสะท้อนแสงไฟในเวลากลางคืน หรือเกิดเป็นตาแดงเวลาโดยแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป แต่ข้อเสียคือทำให้ความคมชัดของภาพที่สุนัขเห็นต่ำกว่าคน ซึ่งความสามารถนี้ก็แตกต่างกันตามพันธุ์ด้วย เช่นพันธุ์ที่จมูกไว ได้แก่กลุ่มบาสเส็ท บีเกิ้ล บลัดฮาวด์ ที่ใช้จมูกเป็นหลัก จะมีประสาทตาไม่ดีเท่ากับพวกที่ใช้สายตาในการล่าเหยื่อเป็นหลัก เช่น อาฟกันฮาวด์ หรือ เกรย์ฮาวด์ สำหรับกลไลการมองเห็นและการเกิดภาพมีการทำงานคล้ายคลึงกับในคน
นอกจากนั้น จากากรที่สุนัขในธรรมชาติต้องล่าเหยื่อ ฉะนั้นการเห็นภาพในมุมมองกว้างไกลจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งการที่ดวงตาสุนัขค่อนไปทางด้านข้างของหัว ทำให้มัมสามารถมองด้วยมุมมองด้านข้างโดยใช้ตาเดียวได้ดี และถ้าเปรียบเทียบกันจะเห็นว่าสุนัขที่หน้าสั้นตาอสงข้างจะอยู่ใกล้กันมากกว่าพันธุ์ที่หน้ายาว ดังนี้นมุมมองโดยรวามของพันธุ์หน้ายาวก็จะกว่างกว่า ในขณะเดียวกันก็มีข้อด้อยคือ มุมมองด้านหน้าที่ใช้ตาสองข้างก็จะลดลงในพันธุ์หน้ายาว พันธุ์หน้าสั้นจะมองด้วยตาสองข้างได้ดีกว่า ถ้าเทียบกับคนคนจะมองภาพด้วยสองตาได้ดีกว่า การที่สุนัขมีมุมองที่เกิดจากการมองด้วยสองตาน้อย ทำให้มันโฟกัสสภาพวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยากกว่าการมองวัตถุที่เคลื่อนที่อยู่ไกลๆ
สำหรับความสามารถในการแยกแยะสีของสุนัข เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าสุนัขตาบอดสีหรือไม่ ซึ่งอาจสรุปว่ายๆ ว่าสุนัขเห็นสีได้แย่กว่าคน เนื่อง่จากเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการแยกแยะสีของสุนัขมีเพียงสองชนิดซึ่งน้อยกว่าคนที่มีสามชนิด ทำให้สุนัขเก็นสีแค่สองเฉดสี แต่ก็น่าแปลกที่พบว่าสามารถฝึกให้สุนัขแยกสีม่วง น้ำเงินและเหลืองจากกันได้ ประเด็นนี้จึงยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน เพราะสุนัขเองก็ไม่สามารถบอกเราได้ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าการมองเห็นของสุนัขกับคนต่างกัน
แม้ว่ากลไกการมองเห็นของคนและสุนัขจะคล้ายกัน เพราะมีโครงสร้างของดวงตาใกล้เคียงกัน แต่พบว่าดวงตาสุนัขจะมีองค์ประกอบพิเศษอีกอย่าง เรียกว่า หนังตาที่สาม อยู่ระหว่างลูกตากับเปลือกตาที่หัวตาด้านในของตาทั้งสองข้าง หนังตาที่สามนี้ช่วยในการป้องกันอันตราย และช่วยสร้างน้ำตาหล่อเลี้ยงดวงตาทั้งสองด้าน โดยปกติแล้วเราจะมองไม่เห็น แต่ถ้าหากเกิดภาวะหนังตาที่สามยื่น แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น และควรพาไปพบสัตวแพทย์
จมูก
ในสุนัขที่หากินอิสระ (จรจัด) หรือแม้กระทั่งหมาป่า การดมกลิ่นมีความสำคัญมากต่อการหาอาหาร สุนัขสามารถดมหาที่มาของกลิ่นได้ดี และจมูกเปียก ๆ ของมันก็ช่วยในการจับทิศทางลม เพื่อหาที่มาของกลิ่นได้ดีอีกด้วย
จมูกสุนัขไวกว่าคนถึงล้านเท่า เพราะว่ามันมีขนาดโพรงจมูกและสมองส่วนที่ใช้ในการรับกลิ่นและแยกแยยะมากกว่าคนนั่นเอง และยังมีอวัยวะรับกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า vomeronassal organ อยู่ที่บริเวณด้านล่างของโพรงจมูกที่มีท่อเปิดด้านหลังฟันหน้าอีกด้วย นั่นเป็นเพราะการดมกลิ่นในสุนัขมีความสำคัญมากกว่าในคน นอกจากจะใช้หาอาหาร ยังเป็นตัวสำคัญในการหาคู่ สุนัขตัวผู้ใช้จมูกในการสรรหาตัวเมียที่เป็นสัด และพร้อมจะผสมพันธุ์ โดยกลิ่นที่นี้เรียนกว่า “ฟีโรโมน” กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทางเพศขึ้นได้ นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว กลิ่นของแต่ละตัวก็ต่างกัน สุนัขแต่ละตัวจึงต้องมีการดมกลิ่นเสมือนเป็นการตรวจบัตรประจำตัวประชาชนสุนัขด้วยกันเองและบอกสถานะในกลุ่ม โดยกลิ่นนี้นอกจากกลิ่นตัว ก็ยังมีกลิ่นปัสสาวะ และอุจจาระ ที่มันใช้ประกาศอาณาเขต
นอกจากจะมีอวัยวะรับกลิ่นที่เจริญดีแล้ว สุนัขยังมีกลไกที่ทำให้รับกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย คือ การทำจมูกฟุดฟิด เพื่อสูดกลิ่น โดยจะต่างไปจากการหายใจปกติ คือการเป็นการหายใจเข้าออกแบบสั้นๆ กว่าปกติ เพื่อให้กลิ่นค้างในโพรงจมูกนานขึ้นนั่นเอง
จากจมูที่ไวของสุนัขนี่เอง ทำให้เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเพื่อดมหาคนหาย หาอาวุธ วัตถุระเบิด ตลอดจนยาเสพติดตามที่ต่าง ๆ และเป็นที่น่าสนใจว่าสุนัข สามารถแยกฝาแฝดที่เหมือนกัน (เกิดจากไขใบเดียวกัน) ออกจากกันได้โดยการดมกลิ่น และ ถ้าจะต้องเปรียบเทียบอาจบอกได้ว่า คนดูด้วยตา หมาดูด้วยจมูก
ลิ้น
การรับรสชาติอาหารในสุนัขนั้นมีความคล้ายคลึงกับคน โดยพบว่าในสุนัขมีต่อมรับรสหลากหลายเหมือนกับคน แต่เนื่องจากการอธิบายสรชาติสัมพันธ์กับการทำงานของสมองส่วนที่รับกลิ่น จึงเป็นไปได้ว่าการรับรสชาติในสุนัขน่าจะหลากหลายกว่าในคน เพราะสมองที่ทำหน้าที่ในการรับกลิ่นของสุนัขเจริญดีกว่า แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ถ้าดูจากจำนวนต่อมรับรสเปรียบเทียบกัน สุนัขจะมีต่อมรับรสในจำนวนน้อยกว่าคน และสุนัขมีต่อมรับรสหวานมากที่สุด รองลงมาคือรสเปรี้ยว จึงไม่น่าแปลกใจว่าสุนัขมักจะอ้วนได้ง่าย เพราะชอบรสหวานนั่นเอง
สำหรับการกินอาหารในสุนัข การได้กลิ่นอาหารน่าจะสำคัญกว่ารสชาติและการทำงานร่วมกันของจมูกและลิ้น จะช่วยให้สุนัขเลือกอาหารที่ไม่เป็นอันตรายและไม่เป็นพิษต่อตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี