พระพุทธรูปทองคำในวิหารหลังเดิม
พระพุทธรูปองค์งามที่นับว่าสุดยอดฝีมือปฏิมากรรมนั้นต้องยอมรับว่า”พระพุทธรูปทองคำสุโขทัยวัดไตรมิตร “เป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดของฝีมือช่างสุโขทัย อาทิตย์นี้ได้ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ศาสนาสถานฯของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปชมความงดงามของพระพุทธรูปองค์นี้
วิหารพระทองคำหลังเดิม
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันพระราชทานนามไว้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ พระวิหารแห่งวัดไตรมิตรวิทยารามเขตสัมพันธวงศ์กรุงเทพมหานคร พระพุทธรูปนี้สร้างด้วยทองคำเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยในพระอิริยาบถนั่งสมาธิราบพระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลาพระหัตถ์ขวาวางเหนือพระชานุปลายพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณีหน้าตักกว้าง ๖ ศอก ๕ นิ้วสูงจากฐานถึงพระเกตุเมาฬี ๗ ศอก ๑ คืบ ๙ นิ้วน้ำหนักประมาณ ๕ ตันครึ่ง
สวมยอดเกศมาลาทองคำของเดิม
เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ถูกปูนพอกปิดบังความงามไว้ทั้งองค์จึงไม่งดงามหรือโดดเด่นจนน่าสนใจจากหลักฐานพบว่าเคยประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดโชตินารามหรือวัดพระยาไกรมาตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ต่อมาวัดพระยาไกรนี้ตกอยู่ในสภาพรกร้างจนเมื่อราวพ.ศ. ๒๔๗๔ บริษัทอีสต์เอเซียติกจำกัดได้สัมปทานป่าไม้ ได้ขอเช่าที่จัดสร้างโรงเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ในบริเวณวัดร้างแห่งนี้ทำให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชำรุดทรุดโทรมของวัดพระยาไกรออกจนเหลือแต่พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่องค์นี้
กิจกรรมอนุรักษ์ศาสนสถาน
ขณะนั้น “วัดสามจีน” ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดไตรมิตรวิทยาราม กำลังบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่ สมเด็จพระวันรัต (เฮงเขมจารี) เจ้าคณะแขวงล่าง เห็นว่าพระพุทธรูปปูนปั้นนี้อยู่ที่เดิมต่อไปไม่เหมาะสมประกอบกับวัดสามจีน มีสถานที่กว้างขวางจึงมอบให้คณะกรรมการวัดสามจีนประกอบด้วย พระมหาเจียมกมโล, พระมหาไสวฐิตวีโร (พระวิสุทธาธิบดี), น.อ. หลวงศุภชลาศัย (บุงศุภชลาศัย), ร.น.หลวงบริบาลเวชกิจ (ยู้ลวางกูล), นายสนิทเทวินทรภักดีร่วมกันอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้จากวัดพระยาไกรมาประดิษฐานยังวัดสามจีน
การต่อพระทองคำแต่ละส่วนให้เต็มองค์
พระพุทธรูปปูนปั้นได้ถูกอัญเชิญมาโดยพระอารามยังบูรณะไม่แล้วเสร็จคณะกรรมการวัดจึงประดิษฐานพระพุทธรูปนี้ไว้ข้างเจดีย์เป็นการชั่วคราว ระหว่างนี้ได้มีผู้มาขออัญเชิญไปประดิษฐานยังวัดต่าง ๆ มากมายแต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้จนเมื่อก่อสร้างพระอารามพระวิหารต่าง ๆ ในวัดสามจีนที่ใช้เวลานานถึง ๒๐ ปีจึงเสร็จในพ.ศ. ๒๔๙๘ พระวิรธรรมมุนี(ไสวฐิตวีรมหาเถระ ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสขณะนั้นได้สร้างวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นจนแล้วเสร็จและ ได้เป็นแม่กองเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปปูนปั้นองค์นี้เพื่อนำขึ้นประดิษฐานยังพระวิหารในวันที่ ๒๕ พฤษภาคมพ.ศ. ๒๔๙๘ การเคลื่อนย้ายเป็นไปด้วยความยากลำบากด้วยเป็นพระขนาดใหญ่และหนักมากต้องใช้ปั้นจั่นยกองค์พระพุทธรูปขณะทำการยกพระพุทธรูปนั้นปรากฏว่าลวดสลิงที่ยึดองค์พระขาดเพราะทานน้ำหนักองค์พระไม่ไหวองค์พระพุทธรูปจึงตกลงกระแทกบนพื้นอย่างแรงด้วยเป็นเวลาใกล้ค่ำและฝนตกอย่างหนักจึงหยุดชะงักไว้ทำต่อในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น
กินเนสส์บุ๊คบันทึกความสุดยอดของพระพุทธรูปทองคำ
เมื่อเจ้าอาวาสตรวจดูองค์พระเพื่อหาทางอัญเชิญขึ้นประดิษฐานใหม่จึงได้พบเห็นรอยแตกที่พระอุระและเห็นรักที่ฉาบผิวองค์พระด้านใน ครั้นเมื่อแกะรักออกจึงพบว่ามีพระพุทธรูปเนื้อทองคำบริสุทธิ์งามจับตาอยู่ชั้นในสุด จากนั้นจึงสั่งการระดมผู้คนช่วยกันกะเทาะปูนและลอกรักออกหมดทั้งองค์ ความงดงามแห่งเนื้อทองบริสุทธิ์ขององค์พระปฏิมากรจึงปรากฏพุทธลักษณะที่งดงามของช่างสุโขทัยสร้างด้วยทองบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า ทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา คือทองหนัก ๑ บาทมีค่า ๗ บาทเป็นทองที่มีค่าของเนื้อทองรองจากทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้าส่วนคำว่าสองขาหมายถึง ๒ สลึงมีน้ำหนักกว่า ๕ ตันคิดเป็นน้ำหนักทองคำ ๒๕,๐๐๐ ปอนด์หรือคิดเป็นมูลค่าเฉพาะเนื้อทองคำในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘ ) ๑๔ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ ๒๙๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยเก้าสิบสี่ล้านบาท) อันเป็นราคาทองคำที่ถูกประเมินในครั้งแรกที่บันทึกในกินเนสบุ๊ค
หุ่นจำลองการชักลากพระสำคัญขึ้นบก
ครั้นเมื่อพบว่าดินใต้ฐานทับเกษตรเมื่อเอาออกแล้วนั้นพบกุญแจกลสำหรับถอดองค์พระออกเป้นชิ้นได้ ๙ ส่วนจึงดำเนินการถอดองค์พระเพียง ๔ ส่วนคือส่วนพระศอส่วนพระหัตถ์ทั้ง ๒ ข้าง และส่วนพระนาภีจึงทำให้อัญเชิญพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ขึ้นประดิษฐานยังพระวิหารที่เตรียมไว้ได้ ข่าวการค้นพบพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยของวัดไตรมิตรวิทยารามครั้งนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ด้วยเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามสุดยอดฝีมือสกุลช่างสุโขทัย ทำให้เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปทองประจำพระราชวังของพ่อขุนเมืองสุโขทัยดังปรากฏความในจารึกนั้น
ตู้จำลองภาพการเคลื่อนย้ายพระทองคำ
เชือกและรอกที่ชักพระขึ้นและขาดลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี