สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน สำหรับคอลัมน์ “Petcare ดูแลสัตว์เลี้ยง” สัปดาห์นี้ ผมก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจจาก รศ.สพ.ญ.ดร.อัจฉริยา ไศละสูต แห่งภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มาฝาก เพื่อจะได้ทราบเป็นข้อมูลในการดูแล “เจ้าเหมียว” กันครับ เพราะในปัจจุบันนี้ มีโรคติดเชื้อไวรัสในแมวหลายโรคที่ทำให้เจ้าเหมียวเสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (feline leukemia) และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว (feline immune deficiency) หรือ FIV หรือเอดส์แมวแล้ว โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือ Feline Infectious Peritonitis (FIP) นี้ ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกันครับ
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมวมีสาเหตุจากอะไร?
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมว มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสตระกูลโคโรน่าไวรัส (Coronavirus) ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นสาเหตุของโรคได้ในสัตว์หลายชนิด และมีการเกิดโรคในระบบทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด หรือ 2 ซีโรไทป์ (serotypes) คือ ซีโรไทป์ I และ ซีโรไทป์ II ส่วนใหญ่ซีโรไทป์ I เป็นชนิดที่ก่อโรคในแมวมากกว่าซีโรไทป์ II
แมวจะติดเชื้อได้อย่างไร?
แมวสามารถติดต่อได้จากสิ่งที่ขับออกจากร่างกาย แมวป่วยจะขับเชื้อออกทางน้ำลายและอุจจาระ โดยรับเชื้อไวรัสเข้าไปโดยการหายใจและการกิน รวมถึงการสัมผัสทางตรงและทางอ้อม จากวัสดุรองนอน ชามอาหาร ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม ความรุนแรงของโรคนั้น จะขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย
โรคนี้ทำอันตรายในแมวช่วงอายุใด?
โรคนี้พบได้ในทุกช่วงอายุ แต่มักพบในแมวที่มีอายุน้อย ซึ่งจะมีการตายอย่างรวดเร็ว พบว่าในแมวกลุ่มที่มีระดับภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือบกพร่อง จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่ามาก
เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายของแมว และจะเพิ่มจำนวนขึ้นในบริเวณช่องปากและคอหอย และเคลื่อนไปยังส่วนของเยื่อบุลำไส้ โดยในแมวที่มีภูมิคุ้มกันสูง จะมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันร่วมกับการตอบสนองเฉพาะที่บริเวณทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้โรคมีความรุนแรงต่ำลง แต่ในกรณีที่แมวมีภูมิต้านทานต่ำ เชื้อจะกระจายออกจากระบบทางเดินอาหาร และไปเพิ่มจำนวนไปในเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เชื้อกระจายทั่วร่างกาย และถ้าแมวมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันแบบปานกลาง การพัฒนาของโรคจะเกิดขึ้นช้าๆ และอาจพัฒนาเป็นแบบเรื้อรัง
แมวแสดงอาการป่วยอย่างไร ?
อาการของแมวที่เป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อนั้น แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ
แบบที่ 1 แบบเปียก แบบนี้วินิจฉัยค่อนข้างง่าย โดยพบของเหลว ในช่องว่างต่างๆ ของร่างกาย
แบบที่ 2 แบบแห้ง จะพบลักษณะของก้อนฝีในอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดอาการป่วยเนื่องจากความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมวจะแสดงอาการหลากหลายไม่จำเพาะเจาะจง เช่น ซึม (lethargy) เบื่ออาหาร (anorexia) น้ำหนักลด มีไข้
โดยแมวที่ป่วยเป็นแบบเปียกนั้น จะมีการสะสมของของเหลว ในช่องอก และช่องท้อง ทำให้แมวป่วยมีอาการท้องมาน หายใจลำบาก ส่วนแบบแห้งพัฒนาการของโรคจะเป็นแบบช้าๆ และมีการสะสมของเหลวไม่มาก
การวินิจฉัยโรคทำได้อย่างไร?
การวินิจฉัยทำได้โดย การรวบรวมประวัติ อาการ ลักษณะความผิดปกติภายนอก และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการร่วมกัน เช่น ตรวจทางโลหิตวิทยา ซีรั่มวิทยาและค่าทางเคมีของเลือด ในระยะแรกๆ อาจตรวจไม่พบความผิดปกติหรือพบเพียงเล็กน้อย เช่นเป็นโลหิตจาง ในกรณีระยะท้ายของโรค อาจพบภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ เนื่องจากไวรัสทำให้เกิดการกดการทำงานของไขกระดูก ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อไวรัส และระยะเวลาของโรค นอกจากนี้จะเกิดพยาธิสภาพที่อวัยวะใด ส่งผลให้เกิดการผิดปกติตามมา
ในกรณีที่แมวมีภาวะไตวายร่วมด้วย จะเกิดภาวะโปรตีนในปัสสาวะสูง หากมีความผิดปกติของตับร่วมด้วยเช่นการเกิดก้อนฝีในตับ ทำให้เกิดภาวะบิลลิรูบินในเลือดสูง ร่วมกับ ค่าเอนไซม์ของตับสูง ภาวะโปรตีนในเลือดสูง พบในแมวป่วยแบบเปียกมากกว่า 50% และพบประมาณ 75% ในแมวป่วยแบบแห้ง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของโปรตีนชนิดกลอบูลิน (globulin) ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างแอนติบอดีตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน
ปัญหาการตรวจวินิจฉัยโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมวมีอะไรบ้าง?
การวินิจฉัยโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมวที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นทำได้ยาก เนื่องจากเมื่อแมวป่วยแสดงอาการในขั้นต้นจะเหมือนกับแมวป่วยด้วยโรคอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งการมีของเหลวในช่องท้องหรือช่องอกก็สามารถพบได้ในโรคอื่นๆ เช่นกัน
การใช้วิธีการเก็บชิ้นเนื้อเยื่อ (biopsy) เพื่อตรวจทางจุลพยาธิวิทยา ซึ่งเป็นวิธีการวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุด พบว่าส่วนใหญ่ของแมวป่วยมีอาการท้องมานและเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ส่วนใหญ่มักต้องขึ้นอยู่กับการชันสูตรซากและการตรวจทางจุลพยาธิวิทยาซึ่งจะทำได้ต่อเมื่อแมวเสียชีวิตแล้ว
การรักษาและป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมวทำได้อย่างไร ?
ปัญหาที่พบในกรณีของแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้แบบแห้ง เนื่องจากอาการไม่ชัดเจนและไม่พบการคั่งของของเหลวในช่องว่างของร่างกายจะไม่สามารถรักษาได้ มักจะตาย เนื่องจากภาวะช่องท้องและช่องอกอักเสบ ในกรณีการป่วยในช่วงแรกมักจะวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน
ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันซึ่งการใช้ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ และสภาพของสัตว์ที่มีความเสี่ยงหรือไม่ โดยเฉพาะในบ้านหรือแมวที่อยู่ร่วมกันหลายๆ ตัว
จะเห็นได้ว่าโรคนี้เป็นโรคที่ทำอันตรายเจ้าเหมียวถึงชีวิตเลยทีเดียว และหากติดเชื้อแล้ว มักไม่สามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้น การฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีที่ดี เหมาะสม และปลอดภัยที่สุดครับ โดยอาจปรึกษาสัตวแพทย์ใกล้บ้าน หรือติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โทร 02-218-9715 หรือ 02-218-9752 (คลินิกฉุกเฉินนอกเวลาราชการ ตลอด 24 ชั่วโมง)
อย่าลืมนะครับ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว ถึงตาย แต่ “ไม่ติดคน” และสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนครับ
อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี