ปกติจะเห็นชื่อของ พงษ์เชิด จามีกรกุล ในหน้าข่าวเศรษฐกิจ-การตลาดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้ขอเบรกเรื่องตัวเลขยอดขาย ผลกำไร มาพูดคุยเบาๆ เผยถึงมุมมองชีวิต การทำงานและความภาคภูมิใจที่มีส่วนทำให้ ทีโอเอ ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในใจของคนรักบ้าน ลูกหม้อของทีโอเอที่เขยิบมานั่งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ 2 ปีกว่าๆ
“ทีโอเอ ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี ส่วนตัวผมทำงานกับทีโอเอมาปีนี้เป็นปีที่ 19 เติบโตมาจากสายงานการตลาด มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่ทีโอเอไม่เคยเปลี่ยน คือ วิสัยทัศน์ขององค์กร ที่มีการส่งต่อกันมาตลอด ในระยะเวลาหลายทศวรรษ ผมเองก็ได้เห็นความต่อเนื่องตรงนั้น เพียงแต่วันนี้ได้รับโอกาสเข้ามาขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบ ถามว่ามันถ้าทายไหมมันก็ท้าทายมาเป็นสิบๆ ปี แล้ว ดังนั้น 2 ปีที่มานั่งเก้าอี้นี้ มันก็ท้าทายเหมือนเดิมแต่ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ในมิติการแข่งขันที่มีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายและต้องก้าวข้ามไปให้ถึงจุดหมายตามวิสัยทัศน์ของบริษัทให้ได้”
ทีโอเอ เปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ที่ พงษ์เชิด ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ ดูแลความเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พงษ์เชิดบอกว่า เขาโชคดีที่มีแบบอย่างที่ดีให้ตัวเขาและลูกบ้านทีโอเอได้ดำเนินรอยตาม ซึ่งบุคคลท่านนั้นคือ ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ นั่นเอง
“ทีโอเอมีค่านิยมองค์กรที่เรียกว่า TOA DNA 5 ข้อ คือ Expertise ความเชี่ยวชาญ Execution คิดและทำเป็นเลิศ Customer ลูกค้าสำคัญเสมอ Passion รักในสิ่งที่ทำ มีความมุ่งมั่น และ Change พร้อมเปลี่ยนเพื่อวันข้างหน้า ทั้ง 5 ข้อ ได้มาจากคุณประจักษ์ เป็นต้นแบบ เพราะท่านต้องการทำสี ก็สร้างความเชี่ยวชาญเรื่องการทำสี ทำวัสดุเคลือบผิวให้เก่ง ซึ่งไม่ได้แค่คิด แต่ลงมือทำ ทำแล้วก็ไปหาลูกค้าชอบไหม ลูกค้านำไปใช้ประโยชน์ได้ไหม ทุกอย่างท่านทำด้วยความมุ่งมั่น ไม่ได้คิดถึงความเหนื่อยยากหรือผลตอบแทน แต่มุ่งไปที่ลูกค้าเป็นสำคัญ และไม่เคยหยุดนิ่งเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ซึ่งคนที่อยู่กับทีโอเอมานาน 30 ปีขึ้นไป ทำงานตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นจนเกษียณ หรือแม้แต่ตัวผมเองก็ให้การยอมรับว่าสิ่งที่คุณประจักษ์ท่านทำให้เห็น มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ การที่เรามีวันนี้ได้เพราะเราเป็นเรา จึงต้องเอาสิ่งที่เราเป็นมาบอกให้กับน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ และย้ำเตือนคนที่อยู่มานานให้ส่งต่อรุ่นต่อๆ ไปด้วย”
การจะทำงานในองค์กรใดได้ยาวนาน หลายคนอาจจะมองในเรื่องของผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่สำหรับ พงษ์เชิด เขามองถึงความสุขในการทำงานมากกว่า
“ที่อยู่ได้นาน เพราะทำงานแล้วเรามีความสุข จุดเริ่มต้นอาจจะไม่ได้เริ่มต้นจากเรามีความสุข แต่มันเป็นงานที่เรารัก เมื่อได้ทำในสิ่งที่เราทำงานที่เรารักก็ทำให้เราทำงานอย่างมีความสุข เป็นการหาความสุขจากการทำงาน ซึ่งผมเรียนรู้มาจากคุณประจักษ์อีกเช่นกัน เพราะท่านสอนผมว่า การมาทำงานไม่ใช่เรื่องผลตอบแทนอย่างเดียว แต่ต้องทำด้วยความสุข ผมเลยว่ามันเป็นสัจธรรม ถ้าเราได้ทำงานที่ทำให้เรามีความสุข ผลของงานที่ออกมาก็ดี สิ่งดีๆ ก็กลับมาหาเราเอง คือถ้ามันจะรู้สึกทุกข์บ้างก็เป็นบางเรื่อง แต่เรามีความสุขมากกว่าก็ทำให้ทำอยู่ได้อย่างยาวนาน”
ในวันว่างที่มีอยู่น้อยนิด เพราะด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ พงษ์เชิด เลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาโปรดอย่าง กอล์ฟ
“กอล์ฟเป็นกีฬาที่เราสามารถเล่นคนเดียวได้ ทุกครั้งที่ตีลูกดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่การตัดสินใจ และผลที่เกิดขึ้นมันแสดงให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมในเกมของเราเอง เราเลือกไม้แบบไหน ตีอย่างไร ตีลูกไปแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิดมันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร จะแก้ไขได้อย่างไร ตรงนี้ก็เป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิตและการทำงานของผมเองด้วย โดยเฉพาะเวลาที่เราเจอปัญหาหรืออุปสรรค เราก็ต้องกลับมาคิดว่า เกิดขึ้นจากสาเหตุใด หรือตัวเราทำอะไรผิดพลาดไป จะแก้ไขตรงไหนเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด หรืออะไรที่เราทำดีแล้ว เราจะรักษามันไว้อย่างไร”
ทีโอเอ เป็นองค์กรใหญ่ เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สีทาอาคารและวัสดุเคลือบผิว การนั่งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ก็นับว่าเป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่คนทำงานภาคเอกชนอยากจะก้าวให้ถึง
“ตลอดเวลาที่ผมทำงานมา 19 ปีกับทีโอเอ ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเดินไปถึงจุดไหน สิ่งที่ผมคิดมาตลอดในการทำงานคือ รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด และการได้ทำงานที่ตัวเองรักอย่างมีความสุข นั่นต่างหากคือ The Best สำหรับผมแล้ว ซึ่งถ้าถามผมว่าวันนี้ผมประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหรือยัง ผมก็ตอบไม่ได้ เพราะการที่ผมมาทำงานที่ทีโอเอผมไม่เคยคิดว่าผมจะต้องมานั่งตำแหน่งนี้ให้ได้ แต่เมื่อวันหนึ่งโอกาสมาถึง ผู้ใหญ่เห็นความสามารถ และผมคิดว่าตัวเองสามารถทำให้เขาได้ ผมก็ยินดีที่จะทำ ทำงานอย่างเต็มที่และทำอย่างมีความสุข ผมก็พอใจมากกว่า อีก 3 ปี ผมก็เกษียณ ถามว่าน้อยไปไหม ผมก็ไม่เคยคิดว่าน้อยหรือมาก ผมคิดแค่ว่า 19 ปีที่ผ่านมาผมทำงานเต็มที่หรือยังและจากนี้ผมจะทำอะไรต่อไปให้บ้านหลังนี้มากกว่า”
เมื่อถามถึงความประทับใจในชีวิตการทำงานของผู้บริหารคนเก่งนี้ภายใต้หลังคาบ้านหลังใหญ่อย่างทีโอเอ พงษ์เชิด เปิดใจว่ามีเหตุการณ์มากมาย แต่ทุกครั้งที่นึกถึงและนำมาซึ่งความสุขและความภาคภูมิใจส่วนตัว คงหนีไม่พ้นการมีส่วนร่วมในการฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540
“วิกฤติครั้งนั้นต้องยอมรับว่า ทุกบริษัทไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ได้ผลกระทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ทีโอเอ การที่เราเป็นส่วนหนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้ธุรกิจสามารถก้าวผ่านวิกฤตินั้นมาได้ ทำให้เราเห็นน้ำใจซึ่งกันและกัน ตั้งแต่เจ้าของธุรกิจ คือคุณประจักษ์และคนในครอบครัวตั้งคารวคุณ พนักงานทุกภาคส่วนที่เราต่อสู้ร่วมกัน พูดได้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของตำนานทีโอเอ จึงกลายเป็นความประทับใจที่สุดในชีวิตการทำงานมากกว่าที่เราทำให้บริษัทมียอดขายเป็นหมื่นๆ ล้านเสียอีก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี