ในบรรดากิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้ “โครงการกลุ่มสิทธิผล ‘วีแคร์’” นับสิบโครงการของ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอะไหล่ยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย มีไม่บ่อยครั้งนักที่ผู้บริหารระดับสูงจะลงมาดำเนินกิจกรรมด้วยตัวเองบ่อยนัก แต่ “โครงการอะไหล่มนุษย์” โครงการณรงค์เพิ่มผู้บริจาคอวัยวะให้กับ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย มาตั้งแต่ปี 2552 เป็นข้อยกเว้นสำหรับ ทนง ลี้อิสสระนุกูล ที่เขาทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ลงมาเป็นกระบอกเสียงด้วยตัวเอง
“โครงการกลุ่มสิทธิผล ‘วีแคร์’ เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม ที่ใครๆ เรียกกันว่า CSR แต่สำหรับกลุ่มสิทธิผลเราเรียกว่า DSR ย่อมากจาก Direct Social Return คือเรามุ่งคืนกำไรสู่สังคมโดยตรง เราทำโดยไม่ได้หวังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีที่จะส่งผลต่อการทำธุรกิจอะไร เราต้องการให้จริงๆ มันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปร้องบอกใครๆ ว่าเราทำอะไรอยู่ เพียงแต่เรารู้ว่าเราทำอะไรเพื่ออะไรก็พอ แต่สำหรับโครงการอะไหล่มนุษย์มันเป็นข้อยกเว้น ที่เราต้องออกมาประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ เพราะผลประโยชน์ของโครงการนี้ไม่เพื่อสิทธิผล แต่เพื่อคนไทยทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ”
โครงการอะไหล่มนุษย์ เปิดตัวในปี พ.ศ .2552 โดยได้ร่วมกับ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญในการบริจาคอวัยวะ และมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อเพิ่มปริมาณผู้บริจาคอวัยวะ และเป็นการมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งถือเป็น “ของขวัญเพื่อชีวิต” ของผู้ป่วยที่รอคอยการต่อชีวิตใหม่จำนวนมาก
“มันเกิดจากแนวคิดที่ว่ากลุ่มสิทธิผลทำธุรกิจผลิตอะไหล่รถ รถเสียมีอะไหล่เปลี่ยน ซ่อมได้ แต่อวัยวะมนุษย์เสียแล้วเสียเลยซ่อมไม่ได้ ที่ทำได้คือต้องเปลี่ยนอวัยวะแต่มันก็ไม่ได้หามาได้ง่ายๆ เหมือนอะไหล่รถ หรืออะไหล่เครื่องจักร ยิ่งผมได้มารู้จัก นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ท่านทำงานหนักมากกับการที่จะเพิ่มจำนวนผู้บริจาคได้ซักคน ท่านเป็นหมอที่เก่งมากถ้าไปรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชนผมว่าท่านคงสบายกว่านี้ และอายุท่านก็ควรพักผ่อนได้แล้วแต่ท่านก็ยังทำงานอยู่ ผมเห็นความตั้งใจของท่านแล้ว จึงอยากช่วยอย่างเต็มที่”
บอสใหญ่แห่งสิทธิผล บอกว่า ก่อนจะไปพูดกับใคร ตนเองก็ต้องลงมือทำก่อน ดังนั้นเมื่อโครงการอะไหล่มนุษย์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เขาจึงได้บริจาคอวัยวะเป็นคนแรกของโครงการ ก่อนจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ภายในบริษัทและในวงกว้าง
“ทัศนคติของคนคืออุปสรรคสำคัญ คนชอบคิดว่าถ้าบริจาคอวัยวะแล้วเกิดไปชาติหน้าจะไม่ครบ 32 ซึ่งในทางกลับกันในแง่ของพุทธศาสนา การทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการให้ทานชีวิต อีกอย่างหนึ่งคือ คนเราทุกคนเกิดมาแล้วก็ตาย ถ้าเป็นชาวพุทธก็เผา มันก็สลายไปไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าเราตายไปแล้วสามารถทำบุญได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้มีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปได้ไม่ดีกว่าหรือ เราคนๆ เดียว สามารถช่วยเหลือคนได้อีก 50 คน ซึ่งคนคนนั้นอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นกำลังหลักของครอบครัว เท่ากับว่าเราไม่ได้ต่อชีวิตให้แค่คนคนเดียวแต่ยังรวมถึงครอบครัวของคนนั้นด้วย”
ถึงแม้ทัศนคติจะเป็นอุปสรรค์ แต่คนอย่าง ทนง ก็ไม่เคยท้อถอย หรือเหนื่อยที่จะพูดและสื่อสารให้คนอื่นได้รับทราบถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องร่วมบริจาคผ่านโครงอะไหล่มนุษย์ก็ได้ เพียงแค่คุณมีจิตที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ก็เพียงพอแล้ว
“เวลาที่โครงการออกทำกิจกรรมสัญจรไปตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะอาคารสำนักงาน หรือโรงเรียน แค่มีคนหยุดฟัง หรือมีคนบริจาคแค่คนเดียวผมก็ดีใจแล้ว เพราะนับตั้งแต่ทำโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2552 ตอนนั้นมีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ เพียง 2 แสนกว่าราย ซึ่งเป็นยอดที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะทำมาเป็นสิบปีกว่าจะได้ แต่ 7 ปีที่กำลังจะผ่านไป โครงการสามารถช่วยเพิ่มจำนวนผู้บริจาคเพิ่มขึ้นไปเกือบๆ 8 แสนราย และเรากว่าหวังว่าจะทำให้ได้ถึง 1 ล้านราย ซึ่งถามว่ามันพอไหม ก็ยังไม่พอกับความต้องการของผู้ป่วยที่ลงทะเบียนขอรับบริจาค แต่มันก็ดีขึ้นนะ เมื่อก่อนผู้ป่วยต้องรอ 7 ปีกว่าจะได้ บางรายรอไม่ไหวก็เสียชีวิตไปก่อนก็มี ตอนนี้ก็รอเกือบ 2 ปี ซึ่งการเปลี่ยนอวัยวะมันไม่ควรเกิน 6 เดือน และไตเป็นอวัยวะที่มีผู้รอรับบริจาคมากที่สุดของประเทศไทย”
ไม่เพียงแต่จำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้บริจาคอวัยวะ แต่สิ่งที่เขามุ่งหวังอยากจะเห็น คือการตอบรับของนโยบายภาครัฐ ที่จะทำให้มีจำนวนผู้บริจาคอวัยวะเพิ่มขึ้น
“มันจะเป็นไปได้ไหมที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จะมีนโยบายมาตการที่เอื้ออำนวยต่อผู้บริจาคอวัยวะ เช่น ในฐานข้อมูลควรระบุไว้เลยว่าเป็นผู้บริจาคอวัยวะ เวลาเกิดเหตุหรือไปรักษาพยาบาลที่ไหน ควรจะได้สิทธิพิเศษในการรักษาพยาบาล หรือการช่วยเหลือสำหรับผู้บริจาคอวัยวะ เพราะพวกเขาเหล่านี้ถือเป็นบุคคลพิเศษที่ควรจะได้รับการดูแล ก็จะได้มีสุขภาพอวัยวะที่ดีสำหรับผู้อื่น อีกอย่างหนึ่งคือ ผมอยากเห็นทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นผู้บริจาค และในขณะเดียวกันผู้รับบริจาคก็มีความภูมิใจและช่วยกันเป็นกระบอกเสียงชักชวนคนใกล้ๆ ตัวมาเป็นผู้บริจาคอวัยวะ”
ในการดำเนิน โครงการอะไหล่มนุษย์ มีการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการในรูปแบบต่างๆ เช่น กิจกรรม TVC For Life การประกวดหนังสั้น, กิจกรรมอะไหล่มนุษย์สัญจร ซึ่งเป็นการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทั่วประเทศไทย เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องและรณรงค์รับบริจาคอวัยวะ
“ทุกวันนี้ถามว่าใช้งบไปเท่าไรตอบได้แค่ว่าอินฟินิตี้ สำหรับผมไม่เคยตั้งงบ เพราะมันเป็นโครงการที่เราต้องทำต่อเนื่อง องค์กรไหน โรงงาน โรงเรียน สถานที่ที่สนใจอยากให้โครงการเข้าไปทำกิจกรรมผมยินดีมาก ติดต่อมาได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือไม่ต้องผ่านโครงการก็ได้ติดต่อไปที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะก็ได้ผมก็อนุโมทนา เพราะมีคนบริจาคเยอะประโยชน์ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของผู้ป่วยที่กำลังรอคอยความหวัง ซึ่งผมก็บอกอาจารย์หมอวิศิษฏ์ไปแล้วว่า ผมจะทำโครงการนี้จนกว่าจะทำงานไม่ไหว”
ผู้สนใจเข้าร่วม “โครงการอะไหล่มนุษย์” สามารถติดต่อสอบถามรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-266-5340 และแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ที่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย โทร.02-256-4045-6
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี