จากชีวิตลูกจ้าง มาจับธุรกิจ อีเว้นท์ ออแกไนซอร์ แต่เมื่อประสบวิกฤติการเมือง เรียกได้ว่าแทบหมดตัว มีหนี้สินจากการทำธุรกิจ เหมือนชีวิตมาถึงทางตัน แต่แล้วอะไรที่ทำให้ ผู้หญิงคนหนึ่ง สามารถปลดหนี้กว่า 4 ล้านบาท ได้ภายใน 3 เดือน ต้องไปฟังจากปากของ รมยกร สุวิสิทฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนโฟ จำกัด ที่วันนี้เธอกลับมาเข้มแข็งและเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้อย่างน่าชื่นชม อ้อ-รมยกร เล่าประสบการณ์ชีวิตของเธอว่า เมื่อปี 2543 เธอตัดสินใจจบชีวิตการเป็นลูกจ้าง และร่วมกับน้องสาวฝาแฝด วรกมลเทดน้ำเพ็ชร เปิด บริษัท แพนโฟ จำกัด ดำเนินธุรกิจการจัดงานอีเว้นท์ ซึ่งถือว่าเป็นยุคเฟื่องฟูของธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก จนกระทั่งปี 2551 ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤติทางการเมือง ส่งผลให้ลูกค้าที่ใช้บริการจัดงานของแพนโฟค่อยๆ หดหายลงไป ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย
“เป็นหนี้ก้อนใหญ่มาก รู้สึกชีวิตมันไม่มีทางออก เป็นทุกข์ ต้องใช้ธรรมะเข้ามาดับทุกข์และเป็นแสงสว่างนำชีวิต และด้วยความที่อ้อเป็นคนที่จะคิด จะพูดสิ่งที่ดีๆ กับคนอื่นๆ ทำให้อ้อได้มีโอกาสรู้จักกับ คุณกลกิตติ์ เถลิงนวชาติ ผู้ก่อตั้ง BNI-Business Network International ซึ่งเป็นเครือข่ายของนักธุรกิจที่มารวมตัวกันเพื่อโปรโมทธุรกิจของตนเอง และได้แนะนำให้อ้อ เข้าร่วมการสัมมนา Guerrilla Business Intensive (GBI) การตลาดแบบกองโจร และหลักสูตร Millionaire Mind Intensive (MMI) หรือ คิดอย่างไรให้รวยซึ่งสอนเกี่ยวกับการจะทำอย่างไรให้รวยผ่านพิมพ์เขียวทางการเงินที่อยู่ในวิธีคิดและวิธีใช้ชีวิตของเรา ก็เลยเข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้นว่า พิมพ์เขียวทางการเงินเราเป็นแบบวิธีคิดและวิธีทำธุรกิจแบบคนจน ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าสัมมนาเพียง 3 วัน ใน MMI จะสามารถเปลี่ยนชีวิตทางการเงินของเราไปได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เห็นหนทางเลยว่าจะหมดหนี้และจะรวยได้อย่างไร เหมือนฟ้าเปิดและชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปว่ายตามน้ำ ไม่ต้องว่ายทวนน้ำให้เหนื่อยเหมือนเก่า”
ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงการเงินให้ดีขึ้น ทำให้เธอสามารถปลดหนี้ และเริ่มทำธุรกิจใหม่จนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ยังสามารถทำให้เธอสร้างสมดุลการใช้ชีวิตได้ดีขึ้นอีกด้วย
“การสร้างสมดุล 7 ด้านของชีวิต คือ ด้านการทำงาน ครอบครัว การลงทุน การทำงานเพื่อสังคม การพัฒนาตนเอง การพัฒนาด้านจิตวิญญาณและสุขภาพ เพราะด้วยความที่อ้อเป็นคนมุ่งมั่นและจริงจังกับงานมาตลอด จึงทำให้ในอดีตเกิดปัญหาสุขภาพ และไม่มีเวลาให้กับครอบครัว แต่เมื่อได้เรียนรู้จากการสัมมนาเปลี่ยนชีวิต และศึกษาจากผู้ประสบความสำเร็จ บุคคลเหล่านั้นจะให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลชีวิต และเขาเหล่านั้นบอกเสมอว่าชีวิตออกแบบได้ อ้อจึงได้ออกแบบชีวิตใหม่ และได้ตระหนักว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะมีชีวิตทั้ง 7 ด้านไปพร้อมๆ กัน และมีความสุขด้วย”
เมื่อตัวเองพบทางออก สามารถเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตและการเงินของตัวเองดีขึ้น เธอจึงมีแรงบันดาลใจอยากจะช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ออกจากความทุกข์ด้านการเงินเช่นเธอ ในปี 2552 แพนโฟ จึงหันมาจับธุรกิจตลาดสัมมนา ด้วยการนำผู้สนใจไปสัมมนาในต่างประเทศ และในปี 2555 ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท ซัคเซส รีซอร์สเซส จำกัด (Success Resources Co., Ltd.) ประเทศสิงคโปร์ ให้เป็นผู้แทนด้านจัดสัมมนาแนวใหม่ ของ ซัคเซส รีซอร์สเซส แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่มีชื่อว่า Transformation ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตและแนวคิดที่ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาค้นพบศักยภาพตนเอง พร้อมวิธีคิดและวิธีทำแบบคนรวย โดยมุ่งเน้นตลาดเป้าหมายที่เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
“อ้อได้ข้อคิดอย่างหนึ่งหลังจากวิกฤติชีวิตที่เกือบจะปิดบริษัทไปนั้น จึงเล็งเห็นว่าความรู้ที่เรียนในประเทศอาจไม่เพียงพอ เพราะวิธีคิด วิธีการและกลยุทธ์ที่เรียนมาตั้งแต่จบการศึกษา หรือแหล่งความรู้ที่มีอยู่ในประเทศไทยก็อาจไม่เพียงพออีกต่อไปสำหรับโลกที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบัน แต่เราควรเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จจริงๆ ไม่ใช่จากนักวิชาการอย่างในอดีตที่ผ่านมา และค้นหาว่าใครเป็นกูรูที่เก่งและประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ที่ต้องการพัฒนา และไปเรียนกับพวกเขาเหล่านั้น เพราะการเรียนรู้คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด และจากประสบการณ์ของตัวเองที่ได้เข้าร่วมสัมมนาเปลี่ยนชีวิต ทุกอย่างมันก็ดีขึ้นจริงๆ ดังนั้นเวลาที่อ้อได้เห็น ผู้ที่มาเข้าร่วมสัมมนา มีการเปลี่ยนแปลงด้านการเงินและชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้อ้อมีความสุขมาก ๆ ค่ะ”
ถามว่าตอนนี้เป้าหมายในชีวิตคืออะไร รมยกร ตอบโดยไม่ลังเลว่า อยากช่วยเหลือผู้คนให้ออกจากความทุกข์ด้านการเงิน โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการไทยให้ได้อย่างน้อย 30,000 ราย ภายใน 10 ปี เพราะจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เธอยืนยันว่าทุกคน “รวย” ได้เพียงปรับวิธีคิด และรู้จักพิมพ์เขียวทางการเงินของตัวเองอย่างถ่องแท้ แล้วจะช้าอยู่ไย ไป “รวย” กันดีกว่า !!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี