‘สัญญา ชีนิมิตร’ พร้อมทำงานเพื่อความสุข
ของคนกรุงเทพฯ ปลัด กทม. คนที่ 16
เพิ่งได้รับการประกาศแต่งตั้งให้มานั่งเก้าอี้ “ปลัดกรุงเทพมหานคร” ได้ครบเดือนพอดี แต่ด้วยความที่เป็นข้าราชการประจำทำงานดูแลทุกข์สุขของคนกรุงเทพฯ มานานถึง 35 ปี จึงทำให้ สัญญาชีนิมิตร ปลัด กทม. คนที่ 16 ติดเครื่องเดินหน้าทำงานแข่งกับเวลาอย่างแข็งขัน แต่พอมีเวลาเล็กน้อยเราก็ไม่รอช้าล็อกคิวมานั่งคุยเพื่อให้คนกรุงเทพฯ และคนไทยทั่วประเทศได้รู้จักกับท่านปลัดกทม.คนใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
สัญญา ชีนิมิตร เริ่มต้นชีวิตข้าราชการประจำสังกัดกรุงเทพมหานคร เมื่อปีพ.ศ.2522 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิศวะเครื่องกลระดับ 3 กองกำจัดน้ำเสีย สำนักการระบายน้ำ (สนน.) จนขึ้นระดับ 6 จึงย้ายมาอยู่ที่ กองเครื่องจักรกล ดูแลเครื่องสูบน้ำของ สนน. ก่อนจะถูกย้ายไปดูแลงานที่โรงกำจัดสิ่งปฏิกูล สำนักสิ่งแวดล้อม เพียงแค่ 7 เดือน ก็ได้ย้ายกลับมาสู่งานถนัดที่ตำแหน่ง ผู้อำนวยกองระบบอาคารบังคับน้ำดูแลประตูระบายน้ำกว่า 200 แห่ง สถานีสูบน้ำ 158 แห่งอุโมงค์ระบายน้ำ แก้มลิง รวมถึงดูภาพรวมระดับน้ำของ กทม.ทั้งหมด อยู่ในตำแหน่งนี้นาน 5 ปี ก่อนได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักการระบายนํ้า ซึ่งนับว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดด้านการบริหารจัดการน้ำของเมืองหลวง
“ในการทำงานดูแลเรื่องน้ำให้กับคน กทม. มันเป็นงานบริการประชาชนที่มีปัญหาเข้ามาตลอดดังนั้น จึงต้องมีเราทำงานตรงนี้ ต้องมีจิตเป็นสาธารณะฤดูแล้งไม่ใช่ว่า กทม. ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ เราก็ต้องวางแผน ยิ่งฤดูฝนแน่นอนปัญหาน้ำท่วม ระบายน้ำไม่ทัน มันเลือกเวลาไม่ได้ วิทยุสื่อสารเป็นเครื่องมือทำงานที่ไม่เคยห่างตัวมีเหตุต้องลงพื้นที่แก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านอย่างเร็วที่สุด ผมทำงานอย่างนี้มาตลอด ผู้บังคับบัญชาท่านเห็นความทุ่มเท ท่านก็สนับสนุน ผมก็เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ จนมาถึงตำแหน่งปลัดกรุงเทพมหานคร มันเป็นความภูมิใจที่ว่าผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา ท่านเห็นความสามารถว่าเราทำงานได้ ก็เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล แต่มันก็มาพร้อมกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น งานก็ยากขึ้นตามไปด้วย”
เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่สำคัญ ต้องตั้งใจทำงานตั้งแต่นาทีแรกที่ได้รับตำแหน่งกันเลยทีเดียว ซึ่งภารกิจแรกๆ ที่ท่านให้ความสำคัญคือ การสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรภายในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการทำงานให้บริการแก่ประชาชน ต่อมาคือการเร่งดำเนินนโยบายที่ได้รับมาจากท่านผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่เรียกว่า นโยบาย 10+6 ให้มีความชัดเจน เป็นรูปธรรมสำเร็จโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ความปลอดภัย การศึกษา ค่าครองชีพการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งนี้ ก็เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครทุกคน
“ในการทำงานไม่เพียงการทำงานตามนโยบายที่ได้รับมาจากท่านผู้ว่าฯ กทม. เพียงอย่างเดียวยังมีการทำงานที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเราจะต้องทำงานให้มีความสอดประสานทั้งส่วนของข้าราชการประจำ เจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร กทม. และภาครัฐส่วนกลาง ที่จะทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวผมเอง สิ่งที่อยากเห็น ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ แต่รวมถึงทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประชาชนยิ้มแย้มแจ่มใส ไปไหนมาไหนสะดวก เป็นเมืองที่ปลอดภัยมีความเรียบร้อยสวยงาม”
ในเวลา 35 ปี กับชีวิตข้าราชการ ปลัด กทม. คนที่ 16 บอกว่า เขาเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงผู้บังคับบัญชาหลายท่านที่เป็นบุคคลต้นแบบในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบัน หรืออดีตปลัดกรุงเทพมหานคร อย่าง นายเกรียงศักดิ์ โลหะชาละ และ นายประเสริฐ สมะลาภา
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นต้นแบบทั้งในด้านการดำเนินชีวิตและการทำงานของผมมาโดยตลอด พระองค์ทรงงานทุกอย่างก็เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกร โดยงานที่ผ่านมาผมรับผิดชอบเรื่องน้ำของกทม. ก็ทำให้มีโอกาสได้ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด ผมมองเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความมุ่งมั่นจริงจังในการแก้ไขปัญหาให้กับราษฎร และทรงลงมาทำด้วยพระองค์เอง การทำงานของผมจึงเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ในการมีจิตอาสาที่จะมาทำงานบริการประชาชนคน กทม. นอกจากความมุ่งมั่นทุ่มเทแล้ว การเป็นข้าราชการยังต้องมีความอดทนสูง เพราะงานข้าราชการมันมีอะไรข้างเคียงเข้ามากระทบอยู่พอสมควร การเป็นข้าราชการประจำที่ดี เราต้องมีความเป็นกลาง ฝักใฝ่ฝ่ายใดไม่ได้ แต่ต้องยึดความถูกต้องและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองและเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักสำคัญ”
หากจะต้องกล่าวคำขอบคุณใครสักคน ที่มีส่วนให้ลูกผู้ชายที่ชื่อ สัญญา ชีนิมิตร ก้าวมายืนในจุดที่สูงสุดได้แล้ว ท่านปลัด กทม. บอกว่า “ครอบครัว” คือแรงพลังสำคัญที่ทำให้เขามีวันนี้
“อย่างที่บอกงานของผมคือ การบริการประชาชน ทุกข์สุขประชาชนคน กทม. ต้องมาก่อน ถ้าครอบครัวไม่เข้าใจ ไม่มีความเข้มแข็ง ผมก็คงทำงานได้ไม่เต็มที่ ผมมีลูก 3 คน หน้าที่ดูแลลูกและเรื่องภายในบ้านภรรยาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ แต่โชคดีว่าบ้านผมเป็นครอบครัวขยาย ก็จะมีคุณย่า คุณยาย เข้ามาช่วยดูแลให้ความรัก ความอบอุ่น หากมีเวลาผมก็เข้าไปเสริม อีกอย่างหนึ่งคือ การให้เกียรติ ความซื่อสัตย์ ระหว่างสามี-ภรรยา เป็นเรื่องสำคัญ อันนี้ก็ต้องขอบคุณภรรยาเช่นกัน เพราะเขาไม่เคยมาก้าวก่ายเรื่องงาน แต่เขาจะคอยบอกว่าให้ผมทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุด ตอนนี้ลูกๆ ก็เรียนจบ และทำงานกันแล้ว เขาก็สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ก็ทำให้เราหมดห่วง และสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น”
ท้ายการสนทนา ปลัดกรุงเทพมหานคร คนล่าสุด มีคำพูดที่ฝากถึงประชาชนคนกรุงเทพฯ ว่า “กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ ผู้บริหาร รวมถึงข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกคน และตัวผมเอง ก็อยากทำงานได้ตรงใจช่วยแก้ไขปัญหาของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครให้มากที่สุด แต่ในภาพรวมมันมีกฎระเบียบต่างๆ หรือมีข้อจำกัดบางอย่างที่อาจจะทำให้การทำงานทำได้ถูกใจท่านไม่เต็มร้อย ก็อยากขอความเห็นใจ แต่ผมจะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างดีที่สุด ที่สำคัญคือความร่วมมือของประชาชนคนใน กทม. และข้าราชการ ผู้บริหาร ในการที่จะช่วยกันทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่อย่างแท้จริง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี