ค่ายพระเจ้าตากสินตั้้งค่ายทหารเพื่อกู้ชาติ
วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ ที่ผ่านมากว่า๒๔๖ปีนั้ เป็นวันสำคัญที่ขุนหลวงตากหรือพระเจ้ากรุงธนบุรีได้นำกำลังของผู้กล้าหาญทั้งหลายเข้าต่อสู้ข้าศึกที่ตั้งค่ายอยู่ที่โพธ์สามต้นคอยเก็บกวาดทรัพย์สินและจับผู้คนเป็นเชลยศึกจนได้ชันชนะ อาทิตย์นี้ขอย้อนรอยเพื่อระลึกถึงวันกู้ชาติ หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาถูกข้าศึกเข้าทำลายบ้านเมือง จนบรรดาขุนศึกทหารหาญพากันหลบหนีแตกพลัดกระจัดกระจายหลบซ่อนอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ รวมทั้งพระยาวชิรปราการหรือขุนหลวงตากในสมัยนั้นด้วย ขุนหลวงตากนำกำลังหักด่านข้าศึกที่ล้อมกรุงมุ่งหน้าไปชายทะเลตะวันออกพร้อมด้วยทหารคู่ใจ ออกมาอย่างหวุดหวิดก่อนที่ข้าศึกจะเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาจนสูญสิ้นเอกราช เอกสารหลายแห่งได้กล่าวถึงภาพที่ข้าศึกฆ่าผู้คนมากกว่าสองแสนคน แล้วกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลยที่มีจำนวนไม่อาจนับได้ อีกซ้ำภายในกรุงนั้นก็มีสภาพถูกทำลาย ทั้งวัด วัง ถูกเผาไปทั่วทั้งเมืองจนเหลือแต่ซากย่อยยับ ทิ้งให้คุกรุ่นด้วยควันไฟที่รุมอยู่จนหมดสิ้นซาก ทรัพย์สิน สิ่งของมีค่า ผู้คนและสัตว์ถูกกวาดต้อนกันขนานใหญ่ ท่ามกลางทรากกำแพงประตูหอรบที่เคยป้องกันข้าศึกให้ปลอดภัยได้ทุกครั้ง อีกทั้งผู้คนที่มีพวกมีพ้องก็ต่างถืออำนาจเป็นใหญ่แตกแยกเป็นก๊ก ๆชนิดว่าตัวใครตัวมัน ใครดีใครอยู่หรือไม่ก็เข้าข้างข้าศึกไปเลย
ขุนหลวงตากขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน
เส้นทางเดินทัพแห่งการกู้ชาตินั้นได้เริ่มต้นจากการหักด่านค่ายข้าศึกจากวัดพิชัย มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ผ่านหมู่บ้านพรานนก โพธสังหาร บ้านแปดริ้ว บางคล้า ที่ต้องสู้รบกับข้าศึกตลอดเส้นทาง เข้าบางปลาสร้อยเดินทัพไปตามชายหาดจนถึงระยอง เผด็จศึกด้วยการทุบหม้อข้าวเข้าตีเมืองจันทบุรี เข้าตั้งมั่นเพื่อระดมกำลังผู้กล้าจนเป็นกองทัพที่รวบรวมได้มากว่า ๕๐๐๐คน ได้ผู้คนจากชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และผู้คนที่ตามมาสมทบจากอยุธยาและเมืองต่างๆได้แก่ หลวงศักดิ์นายเวรมหาดเล็ก นายสุดจินดาหุ้มแพรมหาดเล็ก
อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินกับทหารคู่ใจ
เมื่อสร้างกองเรือได้กว่า ๑๐๐ ลำ ก็จัดเป็นกองทัพเรือพร้อมกับตระเตรียมอาวุธ ยุทโธปกรณ์ อีกทั้งยังได้เรือสำเภาจากเมืองตราดสมทบ เมื่อกำลังพร้อมเช่นนี้จึงก็นำกำลังทางเรือเข้าตีด่านหน้าของนายทองอิน ฝ่ายข้าศึกที่เมืองธนบุรี จากนั้นก็นำกำลังเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น สุกี้แม่ทัพพม่าได้ข่าวเสียด่านเมืองธนบุรีแล้ว จึงส่งมองญ่า นายทัพรองคุมพลมอญและไทยเลือกข้างยกทัพเรือไปสกัดทัพเรือของขุนหลวงตากอยู่ที่เพนียด ขุนหลวงตากยกทัพเรือถึงกรุงศรีอยุธยาตอนค่ำจึงรู้ว่ามีทัพข้าศึกยกมาตั้งรับคอยอยู่ที่เพนียดไม่ทราบกำลังเท่าใด ฝ่ายพวกคนไทยที่ถูกเกณฑ์มาในทัพมองญ่ารู้ว่าทัพเรือที่ยกมานั้นเป็นคน ไทยด้วยกันจึงคิดหลบหนีบ้าง และหาโอกาสเข้าร่วมกับขุนหลวงตากบ้าง มองญ่าเห็นพวกคนไทยไม่เป็นอันจะต่อสู้เช่นนั้นก็เกรงว่าจะพากันกบฏขึ้นอีก จึงรีบหนีกลับไปค่ายโพธิ์สามต้นในคืนนั้น เมื่อขุนหลวงตากรู้ว่ามีคนไทยหนีพม่ามาเข้ารบด้วยและพม่าได้ถอยหนีจากเพนียดหมดแล้ว จึงรีบยกทัพขึ้นไป ตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น ๒ ค่าย โดยเตรียมกำลังพร้อมกันในตอนเช้าแล้งยกเข้าสู้รบกันจนเที่ยง ขุนหลวงตากก็เข้าค่ายพม่าได้ ทั้งสองต่อสู้กันจนถึงบ่ายวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๐ ก็ฆ่าสุกี้ แม่ทัพข้าศึกได้จึงมีชัยชนะเด็ดขาด รวมเวลาการกู้ชาติทั้งหมด ๗ เดือน ภายหลังที่ขุนหลวงตากมีชัยชนะกับพม่าจึงมีพิธีปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ครองกรุงธนบุรีศรีสมุทร ด้วยเหตุที่เป็นระยะเวลาที่ชาติบ้านเมืองเพิ่งเป็นอิสระจากพม่า จิตใจของประชาราษฎรยังระส่ำระสาย อยู่นั้นประกอบกับสภาพบ้านเมืองก็ถูกข้าศึกเผาผลาญทำลายให้เห็นตำตาจึงก่อให้เกิดความเศร้าสะเทือนใจจนยากที่จะหาสิ่งใดมาล้างใจได้ ดังนั้นความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติจึงทำให้ต้องรวบรวมคนไทยที่แตกแยกเป็นก๊กต่างๆ คือ เจ้าพระยาพิษณุโลก-เจ้าพระฝางสวางคบุรี เจ้านคร(หนู)นครศรีธรรมราช และกรมหมื่นเทพพิพิธที่พิมาย ให้เป็นหนึ่งเดียวคือชาติไทย พร้อมกับร่วมกันฟื้นฟูบ้านเมืองทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ ไม่ต่างกับเหตุการณ์หลังชุมนุมแตกแยกที่ผ่านมาเลย
ขุนหลวงตากเข้ากู้ชาติที่ค่ายโพธิ์สามต้น
วัดพลับ ต.บางกะจะ จุดรวมพลที่จันทบุรี
ศาลาวัดบุปผารามจุดรวมพลคนเมืองตราด
แนวกำแพงเมืองจันทบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี