โครงการหลวงบนดอยสูง
เดือนธันวาคม เป็นเดือนที่มีความสำคัญยิ่ง ด้วยเป็นวันพ่อแห่งแผ่นดิน วันดินแห่งโลกและวันที่คนไทยรักพ่อถ้วนหน้า ด้วยการจัดงานที่สนามหลวงและถนนราชดำเนินในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ธันวาคม อาทิตย์นี้ขอตามสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตามรอยพ่อ..ไปยังโครงการหลวงที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
พื้นที่ดังกล่าวนั้นเมื่อพ.ศ.๒๕๑๒พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรชีวิตของชาวเขาที่บ้านดอยปุยใกล้พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จึงทรงทราบว่าชาวเขาปลูกฝิ่นแต่ยากจน ทรงมีรับสั่งถามว่านอกจากฝิ่นขายแล้ว เขามีรายได้จากพืชชนิดอื่นอีกหรือเปล่า ทำให้ทรงทราบว่า นอกจากฝิ่นแล้ว เขายังเก็บท้อพื้นเมืองขาย แม้ว่าลูกจะเล็กก็ตามแต่ก็ยังได้เงินเท่าๆกัน โดยทรงทราบว่า สถานีทดลองดอยปุย ซึ่งเป็นสถานีทดลองไม้ผลเขตหนาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำกิ่งพันธุ์ท้อลูกใหญ่มาต่อกับต้นตอท้อพื้นเมืองได้ ทรงให้ทำการค้นคว้าหาพันธุ์ท้อที่เหมาะสมสำหรับบ้านเรา เพื่อให้ได้ท้อผลใหญ่ หวานฉ่ำ ที่ทำรายได้สูงไม่แพ้ฝิ่น ครั้งนั้นพระองค์พระราชทานเงินจำนวน ๒แสนบาท ให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำหรับจัดหาที่ดินสำหรับดำเนินงานวิจัยไม้ผลเขตหนาวเพิ่มเติมจากสถานี วิจัยดอยปุยซึ่งมีพื้นที่คับแคบ ซึ่งเรียกพื้นที่นี้ว่า สวนสองแสน
โครงการหลวงส่วนพระองค์
พระองค์ได้โปรดเกล้าฯให้ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ โดยมีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งผู้อำนวยการ มีชื่อเรียกในระยะแรกว่า “โครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมกับเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯถวาย เป็นทุนดำเนินงานตามเป้าหมายพระราชทานว่า เพื่อช่วยชาวเขาเพื่อมนุษยธรรม ช่วยชาวไทยโดยลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ คือ ป่าไม้และต้นน้ำลำธาร เป็นการกำจัดการปลูกฝิ่นและรักษาดินให้มีการใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง คือ ให้ป่าอยู่ส่วนที่เป็นป่า และทำไร่ ทำสวนอยู่ในส่วนที่ควรเพาะปลูก โครงการหลวงนั้นจึงได้ทำให้ชาวไทยภูเขา ที่เดิมมักบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เข้าทำไร่เลื่อนลอยปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด และฝิ่น จนส่งผลให้แผ่นดินบนที่สูงเป็นป่าเสื่อมโทรม ด้วยเหตุนี้การส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่นนั้นจึงได้รับการยอย่องว่าโครงการหลวงเป็นโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นแห่งแรกของโลก โดยมีการถ่ายทอดวิชาความรู้ทางด้านการเกษตรกรแผนใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มีรายได้สูงขึ้น อีกทั้งเป็นป้องกันการบุกรุกทำลายป่าไม้ และแหล่งที่เป็นต้นน้ำลำธารได้จริง ด้วยการให้ราษฎรหันมาทำการเกษตรแบบถาวร จนเป็นที่มาของการจัดตั้ง “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์”ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒ ณ บริเวณบ้านขุนกลาง เป็นสถานีวิจัยในการดูแลของมูลนิธิโครงการหลวงที่ดำเนินงานวิจัยด้านไม้ตัดดอก ไม้ประดับ พืชผัก และไม้ผลขนาดเล็ก รวมทั้งถ่ายทอดผลงานวิจัยนั้นไปสู่การส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้เป็นรายได้ ของครอบครัวเกษตรกรชาวเขาในหมู่บ้านรอบ ๆ สถานี ตลอดจนการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานการพัฒนาทางสังคม และการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธารด้วย ปัจจุบันสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ถือเป็นสถานีหลักในการวิจัยไม้ดอกไม้ประดับเขตหนาว และไม้ผลเขตหนาวขนาดเล็ก รวมถึงการขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ พืชผัก พืชไร่ ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านไม้ดอกและไม้ประดับที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งบนพื้นที่สูงและมีหมู่บ้านต่างๆช่วยกันปลูกป่าและปลูกพืชผัก ไม้ผลเขตหนาว ไม้ผลขนาดเล็ก ไม้ดอก ดอกไม้แห้ง พืชไร่ กาแฟ สู่ตลาด เช่นบ้านตีนตก บ้านป๊อก เป็นต้น หมู่บ้านป๊อกนั้นมีอากาศหนาวเย็นตลอดปีและอุดมด้วย ทรัพยากรป่าไม้ที่เป็นแหล่งเรียนรู้จึงมีผู้คนไปสัมผัสชีวิตบนที่ราบสูงเช่นเดียวกับหมู่บ้านอื่นๆทางภาคเหนือ
ห้องเลี้ยงพันธุ์เนื้อเยื่อของโครงการหลวง
กาแฟที่บ้านป๊อก
ดอกกุหลาบที่ตัดจากต้นเพื่อคัดส่งตลาด
ดอกกุหลาบจากดอยสูงที่เป็นสินค้ารายได้
แปลงรวมกุหลาบพันธุ์ต่างๆ
แปลงสตรอเบอร์รี่ที่ผลิตผลส่งสู่ตลาด
วิทยากรอธิบายการขยายพันธุ์จากเนื้อเยื่อ
เยี่ยมชมโครงการหลวง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี