พิธีกรรายการ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์ กับ 3 ดีไซเนอร์ดัง
วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข,พลัฏฐ์ พลาฎิ และ ธีระ ฉันทสวัสดิ์
เป็นงานโชว์ที่อลังการไม่น้อยทีเดียว สำหรับ โครงการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรม (การออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าไทย) ที่สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จับมือกับ 3 ดีไซเนอร์ใหญ่พลัฏฐ์ พลาฎิ แบรนด์ รีลลีสติกซิทูเอชั่น (Realistic Situation),ธีระ ฉันทสวัสดิ์ แบรนด์ธีระ (T-ra) และวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข แบรนด์วิชระวิชญ์ (WISHARAWISH)งานนี้ทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.20 น. ทางช่อง TNN2 โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” ไม่พลาดที่จะพาไปพูดคุยถึงเรื่องผ้าไทยในโครงการ
ทั้ง 3 ดีไซเนอร์ผลัดกันเล่าให้ฟังว่า“โครงการนี้เป็นโครงการของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมีจุดประสงค์หลักๆ ก็คือ พยายามที่จะนำเอาผ้าไทยที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่น นำมาพัฒนาเป็นผลงานแฟชั่น และเป็นสิ่งที่คนนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ที่มาของผ้านั้น เราไปกันทั่วหลายจังหวัดมาก และแต่ละคนก็จะมีคาแร็กเตอร์ที่ต้องเลือกผ้าเองอยู่แล้วในที่สุดแล้วไปลงที่อำเภอปักธงชัย เราชอบผ้าลายดอกมาก ก็เลยหยิบผ้าลายดอกนี้เอามาผนวกกับแรงบันดาลใจ ซึ่งแต่ละคอลเลคชั่นแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป
ผลงานของดีไซเนอร์แต่ละคนจะหวือหวา แปลกตา สวยงามอย่างของแบรนด์วิชระวิชญ์ จะเป็นเรื่องของรากเหง้าทางวัฒนธรรม ย้อนกลับไปสู่ต้นกำเนิดคือ เพราะจริงๆ แล้วเป็นคนบุรีรัมย์ ก็เลยเลือกผ้าจากบ้านเกิดเอามาใช้ โดยหลักๆก็เป็นเรื่องของมัดหมี่ เอามาทดลอง ลองผิดลองถูก แล้วก็พยายามที่จะทำให้สวมใส่ได้ง่ายแล้วก็เป็นสีที่คนชอบ เทคนิคการตัดเย็บ โดยส่วนใหญ่สำหรับผ้ามัดหมี่ ก็พยายามที่จะโชว์ลายผ้าให้มากที่สุด เพราะมันเป็นเสน่ห์ของผ้าไทย แล้วก็ทำทุกชิ้นที่คนไทยก็สามารถสวมใส่ได้
ในส่วนของผ้าไหมนำเสนอความเป็นเพื่อชีวิต ปกติเวลาเราพูดถึงผ้าไหม คนจะนำผ้าไหมไปใส่หลัง 6 โมงเย็นหมด ต้องใส่ไปงานเท่านั้น แต่คราวนี้ไอเดียหลักก็อยากจะเอาผ้าไหมทำให้เป็นเดย์แวร์มากขึ้น เหมือนไลฟ์สไตล์ของคนในเมือง แต่ความเป็นผ้าไหมอยากให้สอดคล้องสอดประสานกัน ก็เลยนำผ้าไหมพื้น หรือบางตัวทำขึ้นมาใหม่ ทำให้เป็นเดย์แวร์มากขึ้นยกตัวอย่างง่ายๆ คอลเลคชั่นแรกที่เห็นจะเป็นไวท์เชิ้ต ก็เอาผ้าไหมมาทำ ซึ่งไวท์เชิ้ตนี้สามารถใส่กลางวันก็ได้ แล้วก็ลากยาวมาถึงกลางคืนก็ได้ ค่อนข้างเป็นเสื้อผ้าอเนกประสงค์
สำหรับของ แบรนด์ธีระ นั้นคิดมาตั้งนานแล้วคือ อยากทำเรื่องของชาวเขา แต่ว่าทำอย่างไรก็ได้ที่หยิบกลิ่นชาวเขามาแค่ 5-10% เพราะหลังจากที่ทำรีเสิร์ชแล้ว รู้สึกว่าปกติจะทำตัวแม่ก่อนหลังจากนั้นก็จะเอาตัวแม่ใส่หุ่น แล้วก็นั่งเพ่งว่าเราจะลดทอนอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะเอามาใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ก็เริ่มตัดลดตัดทอนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็จะเหลือความเป็นเลดี้ทูแวร์ และก็เดย์แวร์ใส่ได้ เหมือนไหมเช่นกันลากยาวถึงกลางคืนก็ได้ และก็เป็นเรื่องของวอลลุ่มและเป็นเรื่องของลายดอก คราวนี้รู้สึกว่ามันเยอะเกินไปแล้ว เราก็เลยเริ่มเบรกโดยการที่เอาผ้าทอที่เป็นผ้าพื้นเป็นผ้ามัดหมี่ที่มีกลิ่นเบาๆ เอามาเหมือนกับเสริมให้แฟชั่นมันดูมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จนมาถึงอันสุดท้ายที่เป็นลายนกฮูก นกเค้าแมวต่างๆ มันเป็นความเชื่อของชนเผ่าต่างๆ ที่ว่านกเค้าแมวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พอเราดึงขึ้นมาได้ปุ๊บพยายามจะวาดและใส่ความเป็นกราฟิกลงไป ทำให้คอลเลคชั่นนี้ดูว่ามีกลิ่นอะไรบางอย่างที่มันมีเกี่ยวกับความเชื่อก็ออกมาให้มันดูกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ในครั้งนี้ทุกคนทำเท่ากันหมดคือ 40 ชุด ใช้เวลาลงมือค่อนข้างเยอะประมาณ 2 สัปดาห์ และเวลาสร้างงานจริงๆ ประมาณ 12 สัปดาห์เหมือนกัน จริงๆอยากทำให้มันดูน่าตื่นตาตื่นใจหรือคอลเลคชั่นให้มันเพอร์เฟกท์กว่านี้ แต่ด้วยระยะเวลา มันต้องทำให้เสร็จและต้องทำให้มันสมบูรณ์ที่สุด ก็อาจจะแบบขาดตกบกพร่องไปบ้าง คอลเลคชั่นนี้บางคนอาจมองว่าทำไมชุดของธีระ มันยังดูไม่เรียบร้อยอันนี้ต้องขอโทษจริงๆ เพราะเรามีเวลาแค่2 สัปดาห์ ในการทำงาน 40 ลุค
เมื่อถามว่าจากที่ทำคอลเลคชั่นนี้แล้ว รู้สึกอย่างไรกับผ้าไทย และรู้สึกว่าเสน่ห์ของผ้าไทยอยู่ตรงไหน ซึ่งวิชระวิชญ์บอกว่า “โดยปกติ แบรนด์วิชระวิชญ์ ก็จะใช้ผ้าไทยอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้คือพอมันเป็นทำคอลเลคชั่นที่ใช้ 40 ลุคนี้ ก็คือต้องสนุกสนาน แล้วก็พยายามที่จะเล่นกับหลายๆ เทคนิคผสมกันไป เหมือนกับว่าเรามีพื้นที่กว้างขึ้น สามารถแสดงงานออกมาได้หลากหลายมากขึ้น ก็รู้สึกค่อนข้างเรียกว่าเอ็นจอยกับการทำงานกับผ้าไทย
บางทีมีความรู้สึกว่าเวลาเราพูดถึงผ้าไทยหรือผ้าไหมไทยก็ตาม เราชอบไปแบ่งแยกเขา อันนี้ผ้าฝ้าย อันนี้ผ้าลินิน อันนี้ไหมไทย เลยมีความรู้สึกว่าจริงๆ ดีไซเนอร์เราต้องช่วยกัน ดึงผ้าไทยอันนั้นเข้ามาในกลุ่ม อย่าคิดว่าผ้าที่อยู่ตรงหน้าคือผ้าไทยผ้าไหม จริงๆ คือผ้าชนิดหนึ่ง เหมือนหนังแกะหนึ่งผืนเอามาตัดแจ๊กเกต หรือเป็นลินินหนึ่งพับ หรือคอตตอลหนึ่งพับที่เอามาตัดเสื้อเชิ้ต คอตตอลธรรมดาตัดเสื้อเชิ้ตได้ทำไมผ้าไหมหนึ่งชิ้นสีขาวจะตัดเสื้อเชิ้ตไม่ได้”
ขณะที่ ธีระ บอกว่า “ต่ายเองเป็นอาจารย์สอนหนังสือมานาน 10 กว่าปีแล้ว ฟีดแบ๊กจากเด็กรุ่นใหม่คือพอพูดถึงผ้าไทยปุ๊บ ทุกคนบอกว่ามันเชย มันแก่มันไม่ทันสมัย ตรงนี้อยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วเรามองกลับไปที่รากเหง้าเราคืออะไร เรามีของดีมากๆ อยู่ในตัวแต่กลับไม่ใช้ ทุกคนจะบอกว่าฉันบินไปฝรั่งเศส ไปญี่ปุ่น ฉันบินไปต่างๆ นานาเพื่อที่จะไปเอาผ้าจากต่างประเทศเอามาตัดเป็นคอลเลคชั่น แต่จริงๆ แล้วถ้าคุณเจ๋งจริงคุณใช้ผ้าไทยแล้วทำออกมาให้มันดูสวย คือทุกคนหันกลับไปดูผ้าที่มาจากเมืองนอก ไม่มองเลยว่าผ้าไทยจริงๆ แล้วมันสวยมาก จริงๆ แล้วผ้าไทยมันไม่ได้ยากกว่าที่คิด ถ้าเรียนรู้กับมันปุ๊บเราจะรู้ว่ามันทันสมัย ถ้าคุณเก่งจริงถ้าคุณเจ๋งจริงคุณทำออกมามันจะสวยกว่าผ้าที่เอามาจากต่างประเทศ”
เรื่องราวดีๆ ที่ครบครันทั้งสาระและบันเทิงแบบนี้ มีให้ชมในรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN 2 (และช่อง 120 ทางดิจิตัลทีวี) หรือ True Visions 8 ชมรายการย้อนหลังได้ที่ youtube ผู้หญิงแนวหน้า byคุณแหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี