ในช่วงเดือนธันวาคม ถือเป็นเดือนมหามงคลเดือนหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชาติไทย และวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
สมเด็จพระภัทรมหาราชของคนไทย นอกจากนี้ ยังเป็นเดือนที่มีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีอีกด้วย คือวันที่ 28 ธันวาคม ถือเป็นวันรำลึกถึงวันปราบดาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระผู้ทรงกอบกู้เอกราชให้สยามหลุดพ้นจากอำนาจของพม่า โดยพระองค์ทรงมีพระราชพิธีปราบดาภิเษกเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ เมื่อปี พ.ศ.2310
เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตะลอนเที่ยวประจำสัปดาห์นี้จึงขอเชิญชวนคุณผู้อ่านไปชมพระราชวังกรุงธนบุรี ในวันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งกองทัพเรือจะเปิดพระราชวังกรุงธนบุรี หรือพระราชวังเดิมให้ประชาชนเข้าถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเปิดตำหนักต่างๆ ในพระราชวังเดิมให้ชม
พระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ทรงมีพระนามว่า พระศรีสรรเพชร สมเด็จบรมธรรมิกราชาธิราชรามาธิบดี บรมจักรพรรดิศร บวรราชาบดินทร์ หริหรินทร์ธาดาธิบดี ศรีสุวิบูลย์ คุณรุจิตร ฤทธิราเมศวร บรมธรรมิกราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวนาธิเบศร์ โลกเชษฏวิสุทธิ์ มกุฎประเทศคตา มหาพุทธังกูร บรมนาถบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกนพรัฐ ราชธานีบุรีรมย์ อุดมพระราชนิเวศมหาสถาน ทรงมีพระราชสมภพ วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2277 หลังจากได้ทรงร่ำเรียนจนสำเร็จแล้วได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และทรงรับราชการสืบต่อไปจนถึงสมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร และสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ โดยทรงทำความดีความชอบไว้มากมายจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระยาตากผู้ปกครองเมืองตาก
ในครั้งที่พม่ายกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2307 พระยาตากได้รับพระราชบัญชาให้ยกทัพไปช่วยรักษาเมืองเพชรบุรี และสามารถมีชัยชนะต่อกองทัพพม่า ต่อมาในปี พ.ศ.2308 พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีก โดยในครั้งนี้พระยาตากสามารถช่วยรักษาพระนครไว้ได้อีก ด้วยความดีความชอบนี้ จึงทำให้สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ครั้นเมื่อพม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง พระยาวชิรปราการก็เข้าไปช่วยการรบปกป้องพระนคร แต่เมื่อเห็นว่าไม่สามารถป้องกันพระนครได้แล้ว จึงทรงนำทหาร 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกจากค่ายพิชัย ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แล้วไปยึดเมืองระยองเป็นฐานที่มั่นได้สำเร็จ จากนั้นก็ทรงเข้ายึดเมืองจันทบูร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2310 จากนั้นทรงชักชวนผู้คนให้เข้าร่วมกองทัพของพระองค์เพื่อจะกอบกู้เอกราชคือในกรุงศรีอยุธยา และในที่สุดทรงประสบความสำเร็จในการกู้เอกราชภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือนหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา
จากนั้น พระเจ้าตากสินจึงทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่ พระราชทานนามว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวันที่ 28 ธันวาคม 2310 ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง 34 พรรษา ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นเวลา 15 ปี ก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325
ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์นั้น ทรงสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดินกรุงธนบุรีอย่างอเนกอนันต์ และโปรดให้อัญเชิญพระแก้วมรกต (พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร) และพระบาง จากกรุงเวียงจันทน์มาไว้ที่กรุงธนบุรี
ที่บรรยายมานี้เป็นพระราชกรณียกิจเพียงส่วนน้อยนิดของพระองค์ท่าน เพราะหากจะบรรยายให้หมดสิ้นทั้งหมดแล้วจะต้องใช้เวลาอีกนานมาก ดังนั้นในวันที่ 28 ธันวาคมทุกปี คนไทยจึงพร้อมใจกันกราบถวายบังคมแทบเบื้องพระบาทของพระองค์ท่านด้วยความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น
ในส่วนของกองทัพเรือ ซึ่งได้อาศัยพระราชวังกรุงธนบุรีเป็นที่ทำการของกองทัพเรือมาโดยตลอดก็จัดงานเพื่อเทิดพระเกียรติถวายพระองค์ท่านเสมอมาทุกปี สำหรับปีนี้ กองทัพเรือจะจัดงานถวายพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 28 ธันวาคม ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น โดยจะเปิดพระตำหนักทุกองค์ให้ประชาชนเข้าชมพร้อมกับมีผู้บรรยายให้ความรู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
สถานที่สำคัญในบริเวณพระราชวังกรุงธนบุรีที่กองทัพเรือจะเปิดให้เข้าชมมีดังต่อไปนี้ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท้องพระโรงกรุงธนบุรี ตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ ตำหนักเก๋งคู่หลังเล็ก ศาลศีรษะวาฬ เรือนเขียว ป้อมวิชัยประสิทธิ์
สำหรับท้องพระโรงกรุงธนบุรี สร้างขึ้นในปี 2311 อาคารมีรูปทรงแบบไทย ประกอบด้วยพระที่นั่งสององค์เชื่อมต่อกัน คือพระที่นั่งองค์ทิศเหนือ เรียกว่าท้องพระโรง หรือวินิจฉัย ใช้เป็นที่เสด็จออกขุนนาง และประกอบพระราชพิธีสำคัญมาแต่ครั้งกรุงธนบุรี และพระที่นั่งองค์ทิศใต้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งองค์แรก เรียกกันว่าพระที่นั่งขวาง เป็นส่วนพระราชมณเฑียร อันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ แต่ปัจจุบันกองทัพเรือใช้โถงท้องพระโรงภายในพระที่นั่งองค์ทิศเหนือ เป็นสถานที่ที่จัดงาน และประกอบพิธีสำคัญของกองทัพเรือ ส่วนพระที่นั่งขวางใช้เป็นห้องรับรองบุคคลสำคัญ และเป็นห้องประชุมในบางโอกาส
ตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำหนักหลังนี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ และประทับในพระราชวังเดิม ระหว่างปี พ.ศ. 2367-2394 แต่หลังจากพระองค์ทรงได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษกแล้ว จึงทรงย้ายไปประทับ ณ พระบวรราชวัง อาคารหลังนี้จึงได้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก หรือเรียกว่าตึกแบบอเมริกัน ถือได้ว่าเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกหลังแรกๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
เรือนเขียว อาคารนี้เดิมคือโรงพยาบาลสร้างเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงจำนวน 2 หลัง ตั้งอยู่บริเวณเขาดิน ซึ่งเป็นเนินดินตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ภายในเขตกำแพงชั้นในของพระราชวังเดิม อาคารเรือนเขียวสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่มีการปรับปรุงพระราชวังเดิม และเคยใช้เป็นที่ทำการของโรงเรียนนายเรือมาก่อน
ขอเชิญคุณผู้อ่านไปกราบถวายราชสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระราชวังเดิม ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของพระราชวังแห่งกรุงธนบุรี พระราชอาณาจักรแห่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระผู้ทรงกอบกู้เอกราชให้กรุงศรีอยุธยาจากพม่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี