วิหาร-วัดบุปผาราม
จากอ่าวไทยขึ้นมาตามแม่นํ้าเจ้าพระยาสายเดิมที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดนั้น นอกจากเป็นเส้นทางนํ้าทะเลขึ้นมาถึงสวนบางกอกแล้ว สายนํ้านี้ยังถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือไป-มาแต่โบราณ ครั้นกรุงศรีอยุธยาตั้งเป็นราชธานี เส้นทางในคลองก็ถูกใช้เป็นทางเข้าออกของเรือสินค้าขนาดใหญ่ ทำให้พื้นที่สวนบางกอกได้กลายเป็นชุมชนใหญ่มีการสร้างวัดอยู่ตามริมแม่นํ้าเดิมหลายวัด ต่อมาได้มีการตั้งเมืองธนบุรีศรีสมุทรทำหน้าที่ด่านขนอนคอยเก็บค่าผ่านเรือสินค้าเข้า-ออก จึงทำให้เมืองธนบุรีศรีสมุทรเป็นเมืองใหญ่จึงมีการสร้างวัดมากขึ้น การสู้รบในยามสงครามนั้นผู้คนได้พากันหนีข้าศึกแตกพลัดกระจัดกระจายจนวัดถูกทิ้งร้างไปต่อเมื่อมีกรุงธนบุรีในพ.ศ.2311 และกรุงรัตนโกสินทร์ในพ.ศ.2325 วัดร้างหลายวัดจึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างใหม่ขึ้น หนึ่งในวัดที่น่าสนใจนี้คือ วัดดอกไม้ เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่สมัยอยุธยาด้วยพบเศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยาทำด้วยศิลาทรายแดง
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ)
วัดนี้อยู่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ถนนอิสรภาพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุวงศ์ (ดิศ ) พาคนในตระกูลบุนนาค มาตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านสวนฝั่งธนบุรีแล้ว ท่านผู้หญิงจันทร์ ภรรยาของเจ้าคุณสมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้ปฏิสังขรณ์วัดร้างนั้นขึ้นใหม่ด้วยเป็นวัดอยู่ใกล้บ้าน ต่อมา จมื่นไวยวรนาถ ต่อมาเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) กับจมื่นราชามาตย์ ต่อมาเป็นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ ) ผู้เป็นบุตรชายนั้น ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จครบถ้วน ครั้งนั้นพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎได้พระราชทานทรัพย์ช่วยปฏิสังขรณ์วัดนี้ไว้ด้วย คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายนั้นมีขอบเขตอยู่เพียงวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชาธิวาสวิหาร จึงเท่ากับทรงแยกสาขาออกไปยังวัดบุปผาราม อีกวัดหนึ่ง ในระยะแรกนั้นเรียกว่า “ออกวัดใหม่” การสร้างถาวรวัตถุของวัดนั้นได้สร้างพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิตึกโบราณ 2 ชั้น และชั้นเดียว และกำแพงวัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างวัดขึ้นใหม่ทั้งหมด ด้วยวัดเก่านั้นถูกทิ้งร้างจนทรุดโทรมมากเกินที่จะปฏิสังขรณ์ไว้ได้ การปฏิสังขรณ์นี้ได้ทำให้ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ผู้ปฏิสังขรณ์ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎจนเป็นที่สนิทสนมคุ้นเคย จนภายหลังได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการอัญเชิญพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎขึ้นครองราชย์ตอนปลายรัชกาลที่ 3
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
วัดใหม่นี้เมื่อสร้างเรียบร้อยแล้ว เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) จึงได้กราบทูลขอคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายจากพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ (รัชกาลที่ 4) และได้ถวายวัดเป็นพระอารามหลวง ครั้งนั้นได้โปรดพระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดบุปผาราม” ส่วนคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายที่พระราชทานมาครองวัดครั้งนั้น มีพระอมรโมลี (นพ พุทธิสัณหเถระ) เป็นประธานคณะสงฆ์ ต่อมาภายหลังเจ้าพระยาภาณุวงศ์ (ท้วม บุนนาค) และทายาทสายสกุล บุนนาค ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ตลอดมาเช่นเดียวกับวัดประยุรวงศาวาส เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 5มิถุนายน พ.ศ.2487 วัดบุปผารามได้ถูกระเบิดทำลาย ทำให้พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิตึกโบราณ และกำแพงวัด ได้รับความเสียหายยากแก่การซ่อมแซมพระธรรมวราลังการ (กล่อม อนุภาสเถระ) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในขณะนั้น ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถ ศาลาเปรียญกุฏิ และกำแพงวัดขึ้นมาใหม่ โดยรักษารูปแบบเดิมของพระอุโบสถเก่าไว้ แต่มีลักษณะสถาปัตยกรรมประยุกต์ศิลปไทยกับจีน อันเป็นพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คงเหลือวิหารเก่าที่สร้างหน้าบันเป็นปูนปั้นลายดอกไม้ มีตราสุริยมณฑลแบบไทยคือตราราชสีห์เทียมรถอันเป็นตราของสมเด็จเจ้าพระยาประยุรวงศ์อยู่ตรงกลาง ซุ้มประตูหน้าต่างนั้นประดับด้วยลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจก บานประตูหน้าต่างด้านนอกเป็นลายตราสุริยมณฑลแบบฝรั่ง คือตรารูปพระอาทิตย์ที่ประภามณฑลล้อมรอบ ซึ่งเป็นตราประจำตัวสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ส่วนภายในนั้นสร้างฐานชุกชีประดิษฐานหมู่พระพุทธรูป มีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ฝาผนังเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยแบ่งด้านบนเป็นเรื่องทศชาติ สำหรับช่องประตูหน้าต่างนั้นเขียนลายรดนํ้ามีโคลงสุภาษิตโลกนิติกำกับ 21 ภาพ บานประตูหน้าต่างด้านในเขียนเป็นภาพโต๊ะหมู่บูชาหลายแบบ แต่กรอบซุ้มประตูซุ้มหน้าต่างด้านนอกนั้นหากสังเกตส่วนยอดจะเห็นตราสุริยมณฑลนั้นอยู่ใต้มหามงกุฎเหมือนกับจะบอกให้รับรู้ถึงบุคคลในตระกูลนี้ได้ถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ไว้อย่างมั่นคงมาก่อนแล้ว
อุโบสถหลังใหม่ที่สร้างแทนคราวถูกระเบิดตัวอย่างเหรียญทอง
หน้าบันตราสุริยมณฑล
เศียรพระพุทธรูปศิลาแดงสมัยอยุธยา
ภาพเขียนเรือนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยา
พระประธานวัดบุปผาราม
ตราสุริยมณฑลแบบฝรั่ง
ตรามงกุฎเหนือสุริยมณฑล
จิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม
การเรียนรู้จากวัดบุปผาราม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี